แม้ว่าโดยมากแล้วองค์กรต่างๆ จะให้ความสำคัญกับเรื่องของภัยพิบัติเป็นพิเศษ แต่ในความเป็นจริงแล้วองค์กรธุรกิจอาจได้รับผลกระทบอย่างมากจากการหยุดทำงานของระบบ ทั้งในกรณีที่มีการวางแผนล่วงหน้าและในกรณีที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เช่น การบำรุงรักษาระบบตามกำหนดเวลา การย้ายสถานที่ตั้ง การหยุดชะงักเนื่องจากระบบล่มหรือติดไวรัส
ในอดีตคนส่วนใหญ่มักคิดว่าปัญหาเรื่องการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน (Business Continuity) เป็นปัญหาขององค์กรขนาดใหญ่ แต่ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบริษัททุกขนาด ข้อเท็จจริงนี้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นสำหรับภูมิภาคเอเชีย ซึ่งกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจทั้งหมด เป็นองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB)
การหยุดชะงักของธุรกิจอันเนื่องมาจากระบบหยุดทำงานจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อธุรกิจ โดยจากข้อมูลของการ์ทเนอร์ ชี้ว่า 2 ใน 5 ขององค์กรที่ประสบภัยพิบัติ จะเลิกกิจการภายใน 5 ปี1 อย่างไรก็ดี การ์ทเนอร์รายงานว่ามีองค์กร SMB เพียง 35 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่วางแผนรับมืออย่างครบวงจรเกี่ยวกับการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน ทั้งนี้เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว SMB มีงบประมาณในการดำเนินงานที่ต่ำกว่า และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนด้านไอทีน้อยกว่า
แต่กระนั้น หากใช้แนวทางที่เหมาะสม บริษัททุกขนาดก็จะสามารถปรับใช้โซลูชั่นด้านการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน โดยเสียค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม
รักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงานด้วยโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าถึงที่ยืดหยุ่น
หัวใจสำคัญของการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงานคือ การทำให้ข้อมูลพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา และสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ นั่นหมายความว่าบริษัทที่จำกัดสถานที่สำหรับการเข้าถึงข้อมูลขององค์กร อาจอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบในกรณีที่เกิดปัญหา เพราะนอกจากจะสูญเสียประสิทธิภาพการทำงานแล้ว ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการย้ายสถานที่ติดตั้งเครื่องเดสก์ทอป
ด้วยเหตุนี้ การเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นและข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ นับเป็นแง่มุมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลยุทธ์ในการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน แต่เรื่องนี้มักจะถูกมองข้ามไป
การปรับใช้โซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าถึง (access infrastructure solution) จะช่วยรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน โดยนอกจากจะปกป้องข้อมูลและแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ แล้ว ยังช่วยคุ้มครองความปลอดภัยสำหรับการเข้าถึงทรัพยากรทางธุรกิจผ่านทางเว็บ และทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ทุกที่ทุกเวลา โดยใช้อุปกรณ์ใดๆ ในการเชื่อมต่อ
โซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าถึงจะใช้รูปแบบการประมวลผลแบบเซิร์ฟเวอร์ เพื่อแยกส่วนประมวลผลของแอพพลิเคชั่น ออกจากส่วนอินเทอร์เฟซผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถรวมศูนย์การประมวลผล การบริหารจัดการ และการสนับสนุนไว้บนเซิร์ฟเวอร์หรือเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ ในขณะที่อินเทอร์เฟซผู้ใช้ไฟล์ และข้อมูลจะถูกถ่ายโอนผ่านเครือข่ายไปยังอุปกรณ์ลูกข่าย โดยผู้ใช้จะมองเห็นและใช้งานอินเทอร์เฟซได้ราวกับว่าโปรแกรมนั้นติดตั้งอยู่บนเครื่องลูกข่าย ข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนจะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะทำการอัพเดตและส่งรีเฟรชหน้าจอกลับไปยังเครื่องลูกข่าย เนื่องจากการประมวลผลทั้งหมดถูกดำเนินการบนเซิร์ฟเวอร์ สถาปัตยกรรมนี้จะช่วยให้สามารถใช้อุปกรณ์ใดๆ เพื่อเข้าถึงแอพพลิเคชั่น และลดปริมาณข้อมูลที่ถ่ายโอนบนเครือข่าย
สถาปัตยกรรมการประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้อินเทอร์เฟซการเข้าถึงผ่านทางเบราว์เซอร์ รองรับการใช้งานในรูปแบบต่อไปนี้
1.แอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งบนเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์จะสามารถแบ่งรับภาระโหลด (load-balancing) ระหว่างศูนย์ข้อมูลต่างๆ ในกรณีที่ระบบหยุดชะงักในสถานที่ตั้งหลัก
2.ด้วยระบบจัดการแบบรวมศูนย์ ผู้ดูแลระบบจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยังเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์อื่น โดยผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อออนไลน์ตามเดิมได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ระบบหยุดทำงานภายในเวลาอันสั้น
3.หากผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องเดสก์ทอปของตนเอง ก็จะสามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นที่ติดตั้งผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ โดยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากที่บ้านหรือสถานที่อื่นๆ
คุณประโยชน์ของคอมโพเนนต์สำหรับการเข้าถึงแอพพลิเคชั่น
โซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าถึงจะช่วยให้ข้อมูลทางธุรกิจของคุณสามารถถ่ายโอนได้อย่างต่อเนื่อง โซลูชั่นดังกล่าวจะทำให้พนักงานสามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นและข้อมูลผ่านเว็บ ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคในการเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจอีกครั้ง
ข้อดีของโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าถึง ได้แก่:
ความยืดหยุ่นในเรื่องตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้: ผู้ใช้จะสามารถเลือกที่จะทำงานจากที่ใดก็ได้ โดยอาศัยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ความสามารถในการใช้อุปกรณ์ที่รันเบราว์เซอร์: ความสามารถในการเข้าถึงระบบผ่านทางอินเทอร์เน็ตจะทำให้สามารถใช้อุปกรณ์ใดๆ โดยไม่จำเป็นต้องฝึกอบรมเพิ่มเติม
ประสบการณ์การใช้งานที่สม่ำเสมอ: อินเทอร์เฟซการเข้าถึงผ่านเว็บช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานอยู่ในรูปแบบเดียวกัน ไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่ที่ใด หรือใช้อุปกรณ์ชนิดใด
การหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่าย: หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการรักษาความปลอดภัยและการติดตั้งสถานที่ตั้งแห่งที่สอง (เช่น ค่าเช่าสำนักงาน ค่าจัดส่ง ค่าใช้จ่ายเดสก์ทอปและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ)
นอกจากนั้น โซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าถึงอาจใช้รองรับการดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน การเข้าถึงแอพพลิเคชั่นระยะไกลและการทำงานนอกสถานที่ของบุคลากร โดยช่วยให้สามารถรวมศูนย์การจัดการแอพพลิเคชั่น ลดค่าใช้จ่ายในการสนับสนุน และเพิ่มความรวดเร็วในการติดตั้งแอพพลิเคชั่น ยิ่งกว่านั้น องค์กรจะได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากโครงสร้างพื้นฐานด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีอยู่
การรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงานด้วยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าถึง
โซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน ซึ่งผนวกรวมโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าถึง และเว็บแอ็กเซส ที่ประกอบด้วย:
บริการด้านโทรคมนาคม: ครอบคลุมเครือข่ายที่ใช้ในการรีพลิเคตข้อมูล รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อการเข้าถึงระยะไกลในกรณีที่ศูนย์ข้อมูลหลักหยุดทำงาน องค์ประกอบหลักในแผนการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงานได้แก่ การเลือกใช้รูปแบบการเชื่อมต่อที่เหมาะสม ตั้งแต่ T1, DSL และเคเบิลโมเด็ม ไปจนถึง dial-up โดยคุณอาจจำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่อหลายๆ วิธี ในระหว่างที่การดำเนินงานหยุดชะงัก
การจัดเก็บและการรีพลิเคตข้อมูล: เทคโนโลยีนี้ ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบหลักในแผนงานขององค์กร จะช่วยให้สามารถรวบรวมและคัดลอกข้อมูลสำคัญและโปรไฟล์ผู้ใช้ไปยังส่วนจัดเก็บข้อมูลบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์สำรองอย่างสม่ำเสมอ วิธีการอาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่การสำรองข้อมูลไว้บนเทป ไปจนถึงการรีพลิเคตข้อมูลแบบเรียลไทม์บนเครือข่ายสตอเรจ (SAN)
การจัดการแอพพลิเคชั่น: เทคโนโลยีการจัดการแอพพลิเคชั่นจะรองรับการคัดลอกอินสแตนซ์ (instance) ของแอพพลิเคชั่น เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์สำรองสามารถรันการกำหนดค่าล่าสุดของแต่ละโปรแกรม โดยวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และลดผลกระทบต่ออินสแตนซ์ที่ใช้งานจริง รวมถึงระบบต้นทางและเครือข่าย
การเข้าถึงแอพพลิเคชั่น: คอมโพเนนต์นี้ประกอบด้วยเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออย่างปลอดภัยจากทุกที่หรือทุกอุปกรณ์ที่รองรับ เพื่อเข้าถึงแอพพลิเคชั่นและข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ
บทสรุป
องค์กรธุรกิจส่วนใหญ่ต้องการที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความเชื่อมั่น แต่หลายๆ องค์กรกลับละเลยที่จะจัดเตรียมแผนงานสำหรับการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญเสียและแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหยุดชะงักของระบบ
เนื่องจากในปัจจุบันองค์กรไม่ได้มุ่งเน้นการทำงานเฉพาะภายในสถานที่ตั้งเพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากแต่ให้ความสำคัญที่กิจกรรมเป็นหลัก ดังนั้นการเปิดโอกาสให้เข้าใช้แอพพลิเคชั่นขององค์กรผ่านการเชื่อมต่อระยะไกล โดยอาศัยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเข้าถึง จะช่วยให้องค์กรนั้นๆ สามารถรักษาการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยเสียค่าใช้จ่ายที่สูงจนเกินไป
