กรุงเทพฯ – 23 มิถุนายน 2548 – บมจ. อัมรินทร์ พลาซ่า ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ปอย่างเป็นทางการโดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่15 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ พร้อมพลิกโฉมสู่การเป็นผู้พัฒนาธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ต
สำหรับชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ ได้มีการปรับเปลี่ยนจาก AMARIN เป็น ERAWAN เช่นกัน
นายกษมา บุณยคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดเผยว่า การปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่นี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของกลุ่มบริษัทโดยรวม ประกอบกับเจตนารมณ์ที่ต้องการผนึกและสร้างเอกลักษณ์ของบริษัทในเครือเข้าเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้วิสัยทัศน์ในการก้าวขึ้นเป็นผู้พัฒนาธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต
“เราได้เริ่มโครงการปรับภาพลักษณ์มาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2547” นายกษมากล่าวพร้อมเสริมว่า“องค์ประกอบหลักของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้แก่ การเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ของบริษัท การวางจุดยืน รวมทั้งปรับวิสัยทัศน์ และแนวทางการทำธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือให้มีความเด่นชัดยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของจุดมุ่งหมายเดียวกันทั่วทั้งเครือ นั่นคือ การมุ่งไปสู่การพัฒนาธุรกิจด้านโรงแรมและรีสอร์ตระดับแนวหน้า”
สำหรับตราสัญลักษณ์ใหม่นั้น เป็นรูปช้างสามเศียรในสไตล์ร่วมสมัย ที่บ่งบอกถึงความมั่นคง และความเป็นมืออาชีพ ทั้งยังเป็นรูปที่สามารถสื่อถึงเลข ๓ ไทยได้ด้วย โดยใช้สีสันโทนฟ้าเทา ทั้งนี้ เพื่อเตรียมพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในวันนี้และวันหน้า ด้วยสโลแกนที่ว่า ‘ความสำเร็จในวันนี้ ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการแสวงหา’ (Exploring the Horizons)
ขณะนี้ บริษัทในเครือ ดิ เอราวัณ มีอยู่ทั้งสิ้น 10 บริษัท ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและพักผ่อน อาทิ โรงแรม รีสอร์ต และช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ ที่เป็นแหล่งนัดพบ ทั้งยังเป็นจุดศูนย์รวมของนักท่องเที่ยว โดยกลุ่มบริษัทในเครือทั้งหมดนี้ จะใช้ตราสัญลักษณ์ใหม่นี้ทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อการเป็นเอกลักษณ์และสร้างความโดดเด่นให้กับ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป
“การปรับโฉมในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงการเปลี่ยนตราสัญลักษณ์เท่านั้น แต่เรายังถือว่า เป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงของบริษัทโดยรวมด้วย เพราะเราไม่ได้เปลี่ยนเพียงรูปลักษณ์และสีสันเท่านั้น แต่เรายังปรับเปลี่ยนทิศทาง กลยุทธ์ และวิธีการดำเนินธุรกิจของทั้งองค์กร โดยนับจากนี้เป็นต้นไป เราจะมีการลงทุนโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องแน่นอน” นายกษมา กล่าวในตอนท้าย


