โมเล็กซ์ประกาศแนวโน้มผลการดำเนินงานปีงบการเงิน 2549 และไตรมาสแรกงวดสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2548

ไลเซิล, อิลลินอยส์–(บิสิเนส ไวร์)–26 ก.ค.2548 – บริษัทโมเล็กซ์ อินคอร์ปอเรเต็ด (NASDAQ:MOLX) (NASDAQ:MOLXA) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคระดับโลก ได้ประกาศแนวโน้มผลการดำเนินงานสำหรับปีงบการเงินงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2549 และสำหรับไตรมาสแรกงวดสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2548

แนวโน้ม

แนวโน้มผลการดำเนินงานปีงบการเงิน 2549

บริษัทคาดว่า การดำเนินงานในภูมิภาคตะวันออกไกลตอนเหนือและตะวันออกไกลตอนใต้จะนำพาการเติบโตของธุรกิจของบริษัทในปีงบการเงิน 2549 ขณะที่คาดว่าธุรกิจในอเมริกาและยุโรปจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยบริษัทคาดว่าความต้องการสินค้าเครื่องใช้ระบบดิจิตอลจะอยู่ในระดับสูง ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ได้แก่โทรทัศน์ที่มีความคมชัดสูงและเครื่องเล่นเสียงระบบดิจิตอล, อุปกรณ์ขนาดพกพา และสินค้าจัดเก็บข้อมูล ส่วนในตลาดอุตสาหกรรมและการจัดจำหน่าย บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตแข็งแกร่ง แต่ก็คาดว่าตลาดสาธารณูปโภคพื้นฐานเทเลคอมและรถยนต์จะมีการขยายตัวต่ำกว่าอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย และบริษัทยังคาดว่าจะทำให้ยอดขายในตลาดการแพทย์และตลาดการทหารเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นต่อไป

เมื่อพิจารณาจากสภาวการณ์ข้างต้น บริษัทจึงคาดว่ารายรับสุทธิสำหรับปีงบการเงินงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2548 จะอยู่ในช่วง 2.675-2.750 พันล้านดอลลาร์ และเมื่ออิงตามการคาดการณ์รายรับสุทธิดังกล่าว คาดว่ากำไรต่อหุ้นซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษีในการปรับโครงสร้างประมาณ 15.0-25.0 ล้านดอลลาร์นั้น จะอยู่ในช่วง 1.07-1.12 ดอลลาร์ และคาดว่าการลดลงของกำไรต่อหุ้นจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างจะอยู่ในช่วง 0.06-0.09 ดอลลาร์

บริษัทคาดว่าปัจจัย 2 ประการที่ถูกรวมอยู่ในการคาดการณ์ข้างต้นจะทำให้กำไรต่อหุ้นในปีงบการเงิน 2549 โดยรวมลดลงราว 0.08 ดอลลาร์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้แก่:

— การใช้มาตรฐาน FASB 123(R) ที่กำหนดการใช้จ่ายของต้นทุนออปชั่นหุ้น ซึ่งคาดว่าค่าใช้จ่ายด้านบัญชีที่ไม่ใช่เงินสดรายการนี้จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อกำไรต่อหุ้นในปีงบการเงิน 2549 ประมาณ 0.05 ดอลลาร์ และคาดว่าจะทำให้กำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกของปีงบการเงินลดลงราว 0.01 ดอลลาร์

— การปรับเพิ่มอัตราภาษีที่ใช้ในการคำนวณเป็น 28.5% เทียบกับ 27.0% ตามที่รายงานไปสำหรับ 3 ไตรมาสแรกของปีงบการเงิน 2548 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์ไว้ในการรวมกำไรตามประเทศ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อกำไรของปีงบการเงิน 2549 ประมาณ 0.03 ดอลลาร์และคาดว่าจะทำให้กำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกของปีงบการเงินลดลงไม่ถึง 0.01 ดอลลาร์

รายงานความคืบหน้าแผนการลดต้นทุนและการประหยัดต้นทุนต่อปีที่มีการคาดการณ์ไว้

บริษัทมีความคืบหน้าอย่างมากในแผนการปรับกำลังการผลิตบางส่วนให้เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงการใช้กำลังการผลิตของโรงงานให้มากที่สุด ซึ่งในขณะที่บริษัทได้ประกาศแผนลดต้นทุนในเดือนเม.ย.ปีนี้นั้น บริษัทก็คาดว่าค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษีสำหรับการปรับโครงสร้างจะอยู่ในช่วง 25-30 ล้านดอลลาร์สำหรับปีงบการเงิน 2548 และอยู่ระหว่าง 20-30 ล้านดอลลาร์สำหรับปีงบการเงิน 2549 ซึ่งขณะนี้บริษัทคาดว่าค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2548 จะอยู่ในช่วง 30-35 ล้านดอลลาร์และ 15-25 ล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2549 อย่างไรก็ดี ระยะเวลาของการใช้จ่ายเงินสดที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่มีการคำนวณค่าใช้จ่ายทางบัญชีเสมอไป โดยระยะเวลาที่แท้จริงของการปิดโรงงานและการลดพนักงานที่เกี่ยวข้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆหลายประการ ซึ่งรวมถึงความพยายามของบริษัทที่จะทำให้การโอนย้ายการผลิตเป็นแบบเป็นระยะๆและมีประสิทธิภาพ
แม้การคาดการณ์ระยะเวลาของการปิดโรงงานและจำนวนต้นทุนที่ประหยัดได้อย่างถูกต้องเป็นไปได้ยากก็ตาม แต่บริษัทก็คาดว่า การประหยัดก่อนหักภาษีจากการปรับโครงสร้างจะอยู่ในช่วง 10-15 ล้านดอลลาร์สำหรับปีงบการเงิน 2549 และคาดว่าจะมีการประหยัดต้นทุนเหล่านี้ไปจนถึงสิ้นปีงบการเงิน ซึงคาดว่าการย้ายโรงงานจะแล้วเสร็จภายในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้น จึงคาดว่าผลกระทบก่อนหักภาษีทั้งปีสำหรับปีงบการเงิน 2550 จากการประหยัดต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ในช่วง 32-40 ล้านดอลลาร์

การใช้จ่ายด้านทุนและการวิจัยและพัฒนาสำหรับปีงบการเงิน 2549

บริษัทคาดว่าการใช้จ่ายด้านทุนในปีงบการเงิน 2549 จะอยู่ในช่วง 220-240 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะใช้สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายรับและสำหรับการขยายการผลิตของเราในสถานที่ที่มีต้นทุนต่ำกว่าส่วนงบค่าใช้จ่ายสำหรับการวิจัยและพัฒนาในปีงบการเงิน 2549 นั้น บริษัทคาดว่าจะอยู่ในช่วง 145-155 ล้านดอลลาร์

แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสแรก

สำหรับไตรมาสแรกงวดสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2548 บริษัทคาดว่าจะมีรายรับสุทธิระหว่าง 640-660 ล้านดอลลาร์ โดยเมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์รายรับสุทธิ กำไรต่อหุ้นซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษีซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วง 4-6 ล้านดอลลาร์นั้น คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 0.21-0.23 ดอลลาร์ และคาดว่าการลดลงของกำไรต่อหุ้นจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างจะอยู่ในช่วง 0.01-0.03 ดอลลาร์

มาร์ติน สลาร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวลงความเห็นว่า “โมเล็กซ์อยู่ในตำแหน่งพร้อมที่จะมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นจากโอกาสทางตลาดโลกที่มีจำนวนมากขึ้น และในฐานะหนึ่งในอันดับแรกๆในภาคอุตสาหกรรมที่ทำการผลิตในภูมิภาคตะวันออกไกล เราจึงมีความสัมพันธ์กับลูกค้าที่สำคัญและมีทรัพยากรทางเทคนิคมาก ปัจจุบัน โมเล็กซ์มีโรงงาน 6 แห่งในจีนและคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 7 ในไม่ช้านี้ ซึ่งในระหว่างปีงบการเงิน 2549 เราตั้งใจว่าจะดำเนินขั้นตอนการย้ายโรงงานไปยังสถานที่ที่มีต้นทุนต่ำลงต่อไป”

กิจกรรมขององค์กรในอนาคต

โมเล็กซ์ได้กำหนดจัดการประชุมทางไกลเพื่อหารือถึงประเด็นข้างต้นในเวลา 16.00 น.ตามเวลา CDT ของวันอังคารที่ 26 ก.ค. และจะถ่ายทอดสดและจะแพร่ภาพซ้ำให้แก่ผู้ลงทุนทุกท่านผ่านทางอินเทอร์เน็ตโดยเข้าไปที่ส่วน “นักลงทุน” ของเว็บไซท์ www.molex.com ของบริษัท นอกจากนี้ ท่านสามารถรับฟังการประชุมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ (800) 603-3143 สำหรับการโทรภายในสหรัฐ หรือหมายเลข (706) 634-0917 สำหรับการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ โดยควรโทรเข้ามาก่อนเริ่มการประชุมอย่างน้อย 5 นาที และทางบริษัทจะเผยแพร่การประชุมซ้ำเป็นเวลา 48 ชั่วโมงโดยโทรมาที่หมายเลข (800) 642-1687 / รหัสผ่าน 8117861

ตามที่ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทคาดว่าจะรายงานผลประกอบการประจำปีงบการเงิน 2548 ในวันที่ 8 ก.ย. 2548 นี้ และจะจัดการประชุมทางไกลผ่านเว็บทันทีหลังการประกาศผลประกอบการ โดยโมเล็กซ์คาดว่าจะยื่นเอกสาร Form 10-K ซึ่งรวมถึงงบการเงินที่สอบทานแล้วในหรือก่อนวันที่ 13 ก.ย.2548 และจะจัดการประชุมประจำปีกับนักวิเคราะห์ในวันที่ 13 ก.ย. 2548 ที่ชิคาโก นอกจากนี้ บริษัทมีแผนว่าจะกำหนดการประชุมในสัปดาห์เดียวกันที่นิวยอร์คและซานฟรานซิสโก โดยจะมีการเผยแพร่เวอร์ชั่นที่มีการตัดทอนของการบรรยายในวันที่ 13 ก.ย.

แถลงการณ์ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลในอดีต เป็นแถลงการณ์ที่เกี่ยวกับการคาดการณ์ในอนาคต อันประกอบไปด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ผลที่แท้จริงคลาดเคลื่อนจากสิ่งที่แถลงเป็นอย่างมาก แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ในอนาคต จะอิงกับข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน และรวมถึงการหารือเกี่ยวกับ “แนวโน้ม” และ “กิจกรรมขององค์กรในอนาคต” ข้างต้น โดยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าวได้รวมถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาของการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัท รวมทั้งระยะเวลาและผลการตรวจสอบงบการเงินปีงบการเงิน 2546, 2547 และ 2548 ของบริษัท และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของเรา ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงที่ความต้องการของลูกค้าจะลดลงทั้งชั่วคราวและถาวรไม่ว่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินงานของบริษัทหรือความต้องการสินค้าของบริษํท และบริษัทอาจไม่สามารถจัดการได้ผ่านการปรับลดต้นทุนในลักษณะที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพอันประกอบด้วยการลดราคา, การเปิดตัวสินค้าใหม่และการดำเนินการอื่นๆของคู่แข่งของเรา รวมทั้งความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบที่บริษัทไม่สามารถผลักภาระไปให้ลูกค้าได้เนื่องจากสัญญาที่มีอยู่หรือปัจจัยตลาด, ความท้าทายที่เป็นผลจากการปิดโรงงานและการปรับโครงสร้าง ซึ่งรวมปัญหาในการคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการปิดและย้ายโรงงาน, ปัญหาในการเริ่มหรือเพิ่มการผลิตในโรงงานที่มีอยู่และปฏิกริยาของลูกค้า, หน่วยงานรัฐบาล, พนักงานและกลุ่มอื่นๆ, ความท้าทายที่เกิดจากการสร้างโรงงานและความสามารถในการรับรู้การประหยัดต้นทุนจากการดำเนินการปรับโครงสร้าง สำหรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆมีการแจกแจงไว้ในเอกสารของโมเล็กซ์ที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (ก.ล.ต.) แล้ว ซึ่งรวมถึงเอกสาร Form 10-K สำหรับปีงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2547 และเอกสาร Form 10-Q สำหรับไตรมาสงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2548 ทั้งนี้ โมเล็กซ์ไม่มีหน้าที่ในการแก้ไขแถลงการณ์ที่เกี่ยวกับการคาดการณ์ล่วงหน้าในอนาคตหรือให้ข้อมูลคืบหน้าเกี่ยวกับข้อมูลที่ระบุไว้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อันเป็นผลจากข้อมูลใหม่, เหตุการณ์ในอนาคตหรืออื่นๆแต่อย่างใด

รายงานประจำปีของโมเล็กซ์รวมทั้งข่าวประชาสัมพันธ์และข้อมูลทางการเงินเพิ่มเติมอื่นๆของโมเล็กซ์จะสามารถดูได้โดยการเข้าไปที่เว็บไซท์ของโมเล็กซ์ที่ www.molex.com

โมเล็กซ์ อินคอร์ปอเรเต็ด เป็นบริษัทที่ดำเนินงานมา 67 ปี ในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิค ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์และระบบเชื่อมต่อแบบไฟฟ้าและแบบใยแก้วนำแสง, สวิทช์และผลิตภัณฑ์แบบครบวงจรในโรงงาน 55 แห่งใน 19 ประเทศทั่วโลก

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ: หุ้นโมเล็กซ์มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติแนสแด็คในสหรัฐและในตลาดหุ้นลอนดอน และหุ้นที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง (MOLX) ของบริษัทถูกรวมไว้ในดัชนี S&P 500 และดัชนี NASDAQ 100

ติดต่อ: โมเล็กซ์ อินคอร์ปอเรเต็ด
นีล เลอฟอร์ท (ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์), 630-527-4344