เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2548

ฃเออร์วิ่ง, เท็กซัส–(บิสิเนส ไวร์)–28 ก.ค. 2548 – บริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ((NYSE:XOM) แถลงว่า ผลประกอบการณ์ไตรมาสที่ 2 ปี 2548

ไตรมาส 2 ช่วงครึ่งปีแรก
2548 2547 2548 2547
รายได้สุทธิ
(ล้านดอลลาร์) 7,640 5,790 15,500 11,230
ผลกระทบต่อราคาหุ้นสามัญ
(ดอลลาร์) 1.20 0.88 2.42 1.71

กำไรไม่รวมรายการพิเศษ
(ล้านดอลลาร์) 7,840 5,790 15,240 11,230
ผลกระทบต่อราคาหุ้นสามัญ
(ดอลลาร์) 1.23 0.88 2.38 1.71

ค่าใช้จ่ายด้านทุนและ
ในการสำรวจ – ล้านดอลลาร์ 4,537 3,617 7,954 7,018

เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น (NYSE:XOM) รายงานว่า บริษัทมีผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยมีกำไรไม่รวมรายการพิเศษ 7,840 ล้านดอลลาร์ (1.23 ดอลลาร์ต่อหุ้น) ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,050 ล้านดอลาร์จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และรายได้สุทธิในไตรมาส 2 รวมถึงค่าใช้จ่ายพิเศษ 200 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟ้องร้องคดี Allapattah ซึ่งถ้ารวมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ รายได้สุทธิอยู่ที่ 7,640 ล้านดอลลาร์ (1.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น) เพิ่มขึ้น 1,850 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทมีรายได้สุทธิสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรก 15,500 ล้านดอลลาร์ (2.42 ดอลลาร์ต่อหุ้น) เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ค่าใช้จ่ายด้านทุนและการสำรวจอยู่ที่ 4,537 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ เพิ่มขึ้น 920 ล้านดอลลาร์จากระยะเดียวกันของปีที่แล้ว

นายลี อาร์. เรย์มอนด์ ประธานเอ็กซอนโมบิลกล่าวแสดงความเห็นดังนี้:

“เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว กำไรไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 2 ปีนี้ของเอ็กซอนโมบิลอยู่ที่ 7,840 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,050 ล้านดอลลาร์ และถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 2 สำหรับบริษัท ซึ่งถ้ารวมค่าใช้จ่ายพิเศษสำหรับการฟ้องร้องคดี Allapattah รายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 1,850 ล้านดอลลาร์”

“กำไรจากอุตสาหกรรมขั้นต้น (upstream) อยู่ที่ 4,908 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1,062 ล้านดอลลาร์จากไตรมาส 2 ของปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ”

“กำไรจากอุตสาหกรรมขั้นปลาย ซึ่งไม่รวมการฟ้องร้องคดี Allapattah อยู่ที่ 2,221 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 714 ล้านดอลลาร์จากปีที่แล้วเนื่องจากภาวะการกลั่นที่ดีขึ้นทั่วโลกและผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของโรงกลั่น”

“กำไรจากเคมีภัณฑ์อยู่ที่ 814 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 207 ล้านดอลลาร์จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้วอันเนื่องมาจากมาร์จิ้นที่สูงขึ้น”

“เอ็กซอนโมบิลมีรายได้สุทธิในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 15,500 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4,270 ล้านดอลลาร์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ กำไรเพิ่มขึ้น 4,010 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นของธุรกิจในด้านต่างๆทุกด้าน”

“เอ็กซอน โมบิลยังคงดำเนินโครงการการลงทุนที่แข็งขันต่อไปในไตรมาส 2 โดยได้ใช้เงิน 4,537 ล้านดอลลาร์ในโครงการด้านทุนและการสำรวจ เมื่อเทียบกับ 3,617 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านอุตสาหกรรมขั้นต้นอยู่ที่ระดับสูงต่อเนื่อง ระบบบริหารโครงการที่เคร่งครัดของเรายังคงเป็นข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันอยู่ และโครงการที่เอ็กซอนโมบิลดำเนินการไปแล้วซึ่งมีความสำคัญต่อการเพิ่มปริมาณการผลิตในอนาคตนั้นจะอยู่ในแผนงบประมาณต่อไปและจะดำเนินการเสร็จตามกำหนดหรือก่อนกำหนด”

“ในช่วงไตรมาส 2 บริษัทได้ซื้อหุ้น 3.7 พันล้านดอลลาร์ซึ่งรวมถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อลดจำนวนหุ้นสามัญที่ออกจำหน่ายแล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.0 พันล้านดอลลาร์จากการซื้อเพื่อลดหุ้น 2.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก และเนื่องจากฐานะทางการเงินของเราปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะมีการเพิ่มวงเงินซื้อหุ้นเพื่อลดจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วเป็น 5.0 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3”

ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกำไรสำหรับส่วนการดำเนินงานหลักๆมีดังนี้:

ไตรมาส 2 ปี 2548 เทียบ ไตรมาส 2 ปี 2547

กำไรจากการดำเนินอุตสาหกรรมขั้นต้นอยู่ที่ 4,908 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1,062 ล้านดอลลาร์จากไตรมาส 2 ปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในระดับสูงซึ่งได้รับการชดเชยบางส่วนจากการผลิตที่ลดลง

การผลิตผลิตภัณฑ์ที่เทียบเท่าน้ำมันลดลง 4.3 % จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ขณะที่การผลิตซึ่งไม่รวมผลกระทบจากการถอนการลงทุนและสิทธิการถือครองลดลง 2% และแหล่งน้ำมันที่อิ่มตัวแล้วของเรายังคงมีผลการดำเนินงานตามคาด และสำหรับแหล่งที่เราดำเนินการอยู่นั้น มีการซ่อมบำรุงตามคาด

ปริมาณการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวอยู่ที่ 2,466 kbd (พันบาร์เรลต่อวัน) ซึ่งต่ำกว่าไตรมาส 2 ของปีที่แล้วอยู่ 115 kbd และการผลิตที่เพิ่มขึ้นในแอฟริกาตะวันตกก็ถูกชดเชยมากกว่าจากการลดลงของแหล่งน้ำมันที่อิ่มตัว, การซ่อมบำรุงรวมทั้งผลกระทบด้านสิทธิการถือครองและการถอนการลงทุน

สำหรับการผลิตก๊าซธรรมชาติในไตรมาส 2 ปีนี้ลดลงสู่ 8,686 mcfd (ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน) เทียบกับ 9,061 mcfd ในระยะเดียวกันของปีที่แล้ว และปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นในกาตาร์ก็ถูกชดเชยมากกว่าจากการลดลงของจำนวนแหล่งทรัพยากรที่อิ่มตัว, การซ่อมบำรุงและผลกระทบจากการถอนการลงทุน

กำไรจากการดำเนินอุตสาหกรรมขั้นต้นในสหรัฐอยู่ที่ 1,389 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 152 ล้านดอลลาร์จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ขณะที่กำไรของอุตสาหกรรมขั้นต้นนอกสหรัฐอยู่ที่ 3,519 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 910 ล้านดอลลาร์จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว

ส่วนกำไรในอุตสาหกรรมขั้นปลาย ซึ่งไม่รวมค่าใช้จ่าย 200 ล้านดอลลาร์ในการฟ้องร้องคดี Allapattah อยู่ที่ 2,221 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 714 ล้านดอลลาร์จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของโรงกลั่น ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอยู่ที่ 8,259 kbd เพิ่มขึ้น 236 kbd จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว

กำไรในอุตสาหกรรมขั้นปลายของสหรัฐ ไม่รวมกรณี Allapattah อยู่ที่ 1,199 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 292 ล้านดอลลาร์จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ขณะที่กำไรในอุตสาหกรรมขั้นปลายนอกสหรัฐเพิ่มขึ้น 422 ล้านดอลลาร์ เป็น 1,022 ล้านดอลลาร์

กำไรจากเคมีภัณฑ์อยู่ที่ 814 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 207 ล้านดอลลาร์จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอันเนื่องมาจากค่ามาร์จิ้นที่สูงขึ้นซึ่งถูกชดเชยไปบางส่วนจากปริมาณที่ลดลง และยอดขายผลิตภัณฑ์หลักอยู่ที่ 6,592 kt (พันเมตริกตัน) ลดลง 338 kt จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว

สำหรับค่าใช้จ่ายในองค์กรและการจัดหาเงินทุนอยู่ที่ 103 ล้านดอลลาร์ ลดลง 67 ล้านดอลลาร์เนื่องจากมีรายได้จากผลประโยชน์มากขึ้น

ในระหว่างไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นได้ซื้อหุ้นสามัญจำนวน 64 ล้านหุ้นที่ราคารวม 3,713 ล้านดอลลาร์ โดยการซื้อดังกล่าวรวมถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อลดจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วและความสมดุลเพื่อชดเชยหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วเพื่อให้สอดคล้องกับแผนและโครงการการจ่ายผลประโยชน์ของบริษัท และจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วลดลงจาก 6,366 ล้านหุ้น ณ สิ้นไตรมาส 1 ปีนี้ สู่ระดับ 6,305 ล้านหุ้น ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ โดยการซื้อหุ้นอาจกระทำทั้งในตลาด (open market) และผ่านการธุรกรรมที่มีการเจรจาต่อรอง และการซื้อหุ้นดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้น, ลดลงหรือหยุดได้ตลอดเวลาโดนไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า

ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 เทียบ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2547

รายได้สุทธิในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 15,500 ล้านดอลลาร์ (2.42 ดอลลาร์ต่อหุ้น) เพิ่มขึ้น 4,270 ล้านดอลลาร์จากช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว โดยรายได้สุทธิสำหรับช่วงครึ่งแรกของปีนี้รวมถึงผลกระทบในเชิงบวกมูลค่า 460 ล้านดอลลาร์ (อุตสาหกรรมขั้นปลาย 310 ล้านดอลลาร์, เคมีภัณฑ์ 150 ล้านดอลลาร์) จากการขายหุ้นของเอ็กซอนโมบิลในบริษัทไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล คอร์ปอเรชั่น (ซิโนเปค) และค่าใช้จ่ายพิเศษในอุตสาหกรรมขั้นปลายมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟ้องร้องคดี Allapattah ซึ่งถ้าไม่รวมผลกระทบดังกล่าว กำไรสำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 4,010 ล้านดอลลาร์

สำหรับกำไรในอุตสาหกรรมขั้นต้นอยู่ที่ 9,962 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2,103 ล้านดอลลาร์จากช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว เนื่องจากมีการรับรู้ผลิตภัณฑ์ของเหลวและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นซึ่งถูกชดเชยไปบางส่วนจากการผลิตที่ลดลง

การผลิตผลิตภัณฑ์ที่เทียบเท่าน้ำมันลดลง 4.5% จากช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว ซึ่งถ้าไม่รวมผลกระทบจากการถอนการลงทุนและสิทธิการถือครอง การผลิตลดลง 3% จากช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว ขณะที่แหล่งน้ำมันที่อิ่มตัวแล้วของเรายังคงมีการดำเนินงานตามที่คาดไว้ สำหรับแหล่งที่เราดำเนินการอยู่นั้น ก็มีการซ่อมบำรุงตามที่คาดการณ์ไว้

ปริมาณการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวอยู่ที่ 2,504 kbd ลดลง 104 kbd จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่การผลิตที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งใหม่ๆในแอฟริกาตะวันตกและทะเลเหนือถูกชดเชยจากการลดลงของแหล่งน้ำมันที่อิ่มตัว, การซ่อมบำรุงตลอดจนผลกระทบจากสิทธิการถือครองและการถอนการลงทุน

การผลิตก๊าซธรรมชาติในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 9,730 mcfd ลดลง 545 mcfd จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่การผลิตที่เพิ่มขึ้นในกาตาร์ถูกชดเชยไปจากการลดลงของแหล่งที่อิ่มตัว, การซ่อมบำรุงและผลกระทบจากการถอนการลงทุน

กำไรจากการดำเนินอุตสาหกรรมขั้นต้นในสหรัฐสำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้นั้นอยู่ที่ 2,742 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 351 ล้านดอลลาร์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนกำไรนอกสหรัฐอยู่ที่ 7,220 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1,752 ล้านดอลลาร์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

กำไรจากอุตสาหกรรมขั้นปลายไม่รวมรายการพิเศษอยู่ที่ 3,364 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 853 ล้านดอลลาร์จากช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว เนื่องจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลกและผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของโรงกลั่น ซึ่งถูกชดเชยไปบ้างจากค่าการตลาดที่ย่ำแย่ ส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอยู่ที่ 8,244 kbd เทียบกับ 8,074 kbd ในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว

กำไรจากอุตสาหกรรมขั้นปลายในสหรัฐ ไม่รวมกรณี Allapattah อยู่ที่ 1,844 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 545 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรจากอุตสาหกรรมขั้นปลายนอกสหรัฐไม่รวมกรณีซิโนเปคอยู่ที่ 1,520 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 308 ล้านดอลลาร์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

กำไรจากเคมีภัณฑ์ ไม่รวมซิโนเพค อยู่ที่ 2,096 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 925 ล้านดอลลาร์จากช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้วเนื่องจากค่ามาร์จิ้นที่สูงขึ้นซึ่งถูกชดเชยบางส่วนจากปริมาณที่ลดลง ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์หลักอยู่ที่ 13,530 kt ลดลง 192 kt จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ค่าใช้จ่ายในองค์กรและการจัดหาเงินทุนอยู่ที่ 182 ล้านดอลลาร์ ลดลง 129 ล้านดอลลาร์เนื่องจากมีรายได้จากผลประโยชน์เพิ่มขึ้น

การซื้อหุ้นรวมในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีมูลค่า 7,337 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้จำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วลดลง 1.5 %

การคาดการณ์ข้อมูลสำคัญทางการการเงินและการดำเนินงานจะประกาศออกมาในภายหลัง สำหรับข้อมูลทางการเงิน ยกเว้นจำนวนต่อหุ้น มีหน่วยเป็นล้านดอลลาร์

เอ็กซอนจะแถลงผลการดำเนินงานและผลประกอบการรวมถึงประเด็นอื่นๆผ่านทางเว็บไซท์ในเวลา 10.00 น.วันที่ 28 ก.ค.2548 ตามเวลาภาคกลางของสหรัฐ ซึ่งท่านสามารถรับฟังการถ่ายทอดสดหรือใน archive ได้ที่เว็บไซต์ของเรา www.exxonmobil.com

ติดต่อ: เอ็กซอนโมบิล
ฝ่ายสื่อสัมพันธ์, 972/444-1109, 1108, 1107 และ 1141