เอสบีซี คอมมิวนิเคชันส์ จะใช้ชื่อ เอทีแอนด์ที หลังเสร็จสิ้นการควบกิจการ

ซาน แอนโตนิโอ–(บิสิเนส ไวร์)–27 ต.ค. 2548 – โลโก้ใหม่ของเอทีแอนด์ทีจะได้รับการเปิดเผยในการปิดการควบกิจการ และจะมีการเปิดตัวโครงการโฆษณาผ่านทางมัลติมีเดียและการรณรงค์ด้านการตลาดครั้งใหญ่ที่สุด

แบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในด้านนวัตกรรมการสื่อสารโทรคมนาคม คุณภาพ และความน่าเชื่อถือ จะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคใหม่ของบริการด้านการสื่อสารและความบันเทิงในไม่ช้านี้

บริษัทเอสบีซี คอมมิวนิเคชันส์ อิงค์ (NYSE:SBC) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทจะใช้ชื่อ เอทีแอนด์ที อิงค์ (AT&T, Inc.) เป็นชื่อของบริษัทหลังการซื้อกิจการบริษัทเอทีแอนด์ที (NYSE:T) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2548

“ชื่อเอทีแอนด์ทีมีความภาคภูมิใจและเป็นมรดกตกทอดมาช้านาน รวมทั้งได้รับการยอมรับอย่างมากทั่วโลกจากทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค” นายเอ็ดเวิร์ด อี วิทเอเคอร์ จูเนียร์ ประธานและซีอีโอของเอสบีซี คอมมิวนิเคชัน อิงค์กล่าว

“ไม่มีชื่อใดที่เหมาะสมมากไปกว่า เอทีแอนด์ที ซึ่งจะแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทใหม่ที่จะส่งมอบนวัตกรรม ความน่าเชื่อถือ คุณภาพ ความซื่อตรง และความเอาใจใส่ลูกค้า นี่เป็นตราผลิตภัณฑ์ที่จะนำอุตสาหกรรมในการส่งมอบบริการด้านการสื่อสารและความบันเทิงสำหรับยุคหน้า”

การตัดสินใจนี้เป็นความสำเร็จในประวัติศาสตร์ของการสื่อสารโทรคมนาคมโดยการขยายอาณาจักรของบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก เอทีแอนด์ที มีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับการเกิดและการเติบโตของอุตสาหกรรมการสื่อสาร การส่งมอบนวัตกรรมที่ก้าวล้ำซึ่งทำให้สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค โทรศัพท์ไร้สาย และระบบ Voice over IP (VoIP) ตราผลิตภัณฑ์ของเอทีแอนด์ที ยังแสดงถึงบริการที่มีคุณภาพ ความซื่อตรง และความน่าเชื่อถือมานานกว่า 120 ปี

บริษัทแห่งใหม่จะเปิดเผยโลโก้ใหม่ หลังจากเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการ โดยการเปลี่ยนไปใช้ตราผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้รับการส่งเสริมอย่างมากโดยการโฆษณาทางมัลติมีเดียและการรณรงค์ทางการตลาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท รวมทั้งผ่านทางโครงการส่งเสริมอื่นๆ และเมื่อปิดการควบกิจการ บริษัทจะประกาศสัญลักษณ์ที่จะใช้ในการซื้อขายในตลาดหุ้นด้วย

ตราผลิตภัณฑ์เอทีแอนด์ทีที่มีชื่อเสียงนี้จะถูกใช้ในการให้บริการที่กว้างขวางของกลุ่มบริษัทในเครือ โดยการเปลี่ยนแปลงแบรนด์จะเริ่มขึ้นทันทีเมื่อปิดการควบกิจการ รวมถึงการรวมเครือข่าย, ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ตลอดจนระบบการดูแลลูกค้าเข้าด้วยกัน แบรนด์ใหม่จะถูกรวมเข้ากับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ และจะปรากฏในใบแจ้งหนี้และการติดต่อทางจดหมาย รวมถึงอาคารต่างๆของบริษัท

ด้วยคุณสมบัติและมรดกตกทอดที่มีมาช้านานนั้น แบรนด์ของเอทีแอนด์ทีจะนำเสนอรากฐานที่แข็งแกร่ง ขณะที่บริษัทที่ควบรวมกิจการกันนี้ จะเป็นผู้นำในการพัฒนาของอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ของบริการด้านอินเตอร์เน็ต โปรโตคอล (IP) ซึ่งสามารถส่งมอบผ่านทางเครือข่ายมีสายและไร้สายให้กับอุปกรณ์จำนวนมาก อาทิ โทรศัพท์เคลื่อนที่ พีซี และอุปกรณ์ดิจิตอลแบบพกพา

แบรนด์ของเอทีแอนด์ทีได้รับเลือก เนื่องจากเป็นรากฐานของตราผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดที่จะเชื่อมโยงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายของบริษัทที่ควบรวมกัน ภูมิศาสตร์ที่แตกต่าง รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริการ และการดูแลลูกค้าที่แข็งแกร่งเข้าด้วยกัน

แบรนด์ของเอทีแอนด์ที มีความแข็งแกร่งอย่างมากในตลาดภาคธุรกิจที่สำคัญซึ่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านข้อมูลชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมยอมรับอย่างกว้างขวางว่า เอทีแอนด์ทีเป็นแบรนด์ทางเลือกและเกี่ยวพันอย่างแข็งแกร่งกับนวัตกรรมและความเป็นผู้นำของอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ แบรนด์ดังกล่าวยังได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็นแบรนด์ด้านการสื่อสาร โดยการวิจัยภายในบ่งชี้ว่า ในสหรัฐนั้น การรับรู้แบรนด์เอทีแอนด์ทีของลูกค้าอยู่ที่ระดับ 98% และการรับรู้แบรนด์เอทีแอนด์ทีของภาคธุรกิจอยู่ที่ระดับเกือบ 100% ขณะที่การรับรู้แบรนด์เอทีแอนด์ทีทั่วโลกอยู่ที่ระดับสูงเช่นกัน

“แบรนด์เอทีแอนด์ทีจะสะท้อนถึงสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหาจากผู้ให้บริการ” นายวิทเอเคอร์กล่าว “พวกเขาต้องการเทคโนโลยีและบริการล่าสุด แต่ก็ต้องการความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และความไว้วางใจได้ด้วย ก็มีเฉพาะแต่แบรนด์ของเอทีแอนด์ทีเท่านั้นที่จะนำเสนอคุณสมบัติที่ดีเลิศทั้งหมดนี้”

ทั้งลูกค้าตามบ้าน ธุรกิจ หรือค้าส่งของทั้งเอสบีซีและเอทีแอนด์ทีไม่ต้องดำเนินการใดๆ อันเป็นผลจากการประกาศในวันนี้ โดยลูกค้าจะยังคงได้รับบริการเช่นเดียวกับที่ผ่านมาจากผู้ให้บริการในปัจจุบัน โดยจะสามารถใช้บริการ ชำระหนี้ และขอความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการปัจจุบันได้เหมือนเดิม และลูกค้าสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sbc.com/newsroom

การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับมรดกตกทอดที่ดำเนินมา 120 ปีสำหรับศตวรรษที่ 21

อุตสาหกรรมการสื่อสารในปัจจุบันอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในรอบมากกว่า 100 ปี โดยระบบ IP ทำให้สามารถส่งมอบบริการด้านเสียง ข้อมูล วิดีโอ และความบันเทิงต่างๆผ่านโครงข่ายเดียว และทำให้สามารถรวมบริการต่างๆได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในท้ายที่สุดนั้น การควบรวมกิจการระหว่างเอสบีซี-เอทีแอนด์ทีถูกผลักดันโดยเป้าหมายที่จะส่งมอบบริการด้าน IP ที่ครอบคลุมให้กับลูกค้า โดยสามารถเข้าถึงผ่านทางการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สาย

“แบรนด์ที่เราเชื่อมโยงเข้ากับการสร้างอุตสาหกรรมการสื่อสารโทรคมนาคมนั้นเป็นแบรนด์ที่จะแสดงถึงการสร้างสรรค์ด้านการสื่อสารและความบันเทิงอีกครั้งในไม่ช้านี้” นายวิทเอเคอร์กล่าว

“การผนวกเอสบีซีและเอทีแอนด์ทีเข้าด้วยกันนั้น จะเป็นการรวมสินทรัพย์และกลยุทธ์ที่เหมาะสมเข้าด้วยกันซึ่งจะกลายเป็นคู่แข่งที่เข้มแข็งอย่างมากในตลาดบริการด้าน IP ใหม่นี้ และเรามีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการฉวยประโยชน์มากที่สุดจากโอกาสที่มีเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์”

กลยุทธ์นี้จะสามารถทำได้โดยการรวมความแข็งแกร่งของเอสบีซีและเอทีแอนด์ทีเข้าด้วยกัน โดยขีดความสามารถด้านบริการท้องถิ่นและบรอดแบนด์ของเอสบีซี ซึ่งให้บริการด้าน access line จำนวน 50.2 ล้านเลขหมายและ DSL line จำนวน 6.5 ล้านเลขหมาย และเครือข่าย IP backbone ทั่วโลกและโครงสร้างซอฟท์แวร์ที่ก้าวล้ำและมีประสิทธิภาพของเอทีแอนด์ที จะทำให้บริษัทใหม่มีทรัพย์สินด้าน IP ที่ไม่มีใครเทียบเคียงในตลาด

บริษัททั้งสองแห่งจะสามารถเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์เหล่านั้นให้สูงที่สุด และพัฒนานวัตกรรมด้าน IP ใหม่ๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่บริษัทจะสามารถดำเนินการเพียงลำพัง

นอกจากนี้ บริษัทในเครือของเอสบีซีจะสามารถนำเสนอเครือข่ายไร้สายที่ครอบคลุมทั่วประเทศผ่านทาง Cingular Wireless ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากกว่า 52.3 ล้านรายทั่วประเทศ และเอสบีซีถือหุ้น Cingular อยู่ 60%

เกี่ยวกับเอสบีซี

เอสบีซี คอมมิวนิเคชันส์ อิงค์ เป็นหนึ่งในบริษัท 50 แห่งที่ติดทำเนียบนิตยสารฟอร์จูน 50 โดยเป็นเจ้าของบริษัทในเครือหลายแห่งที่ดำเนินการภายใต้แบรนด์เอสบีซี และให้บริการที่ครบวงจรด้านเสียง ข้อมูล เครือข่าย อี-บิสิเนส การตีพิมพ์สมุดโทรศัพท์ และการโฆษณา รวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องต่อธุรกิจต่างๆ ลูกค้าและผู้ให้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมรายอื่นๆ เอสบีซีถือหุ้น 60% ในบริษัท Cingular Wireless ซึ่งให้บริการลูกค้าเครือข่ายไร้สายมากกว่า 52 ล้านราย บริษัทในเครือของเอสบีซีนำเสนอบริการ DSL Internet ความเร็วสูงให้กับลูกค้าชาวสหรัฐมากกว่าผู้ให้บริการรายอื่นใดและเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการชั้นนำของประเทศในด้านอินเทอร์เน็ต และบริษัทในเครือของเอสบีซีนำเสนอบริการทีวีผ่านดาวเทียมด้วย หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอสบีซี รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการของเอสบีซีดูได้จากเว็บไซต์ www.sbc.com

ติดต่อ:เอสบีซี คอมมิวนิเคชันส์ อิงค์
ลาร์รี โซโลมอน, 210-351-3990
[email protected]
หรือ
ไมเคิล โค, 212-453-2198
[email protected]