กรุงเทพฯ : 15 พฤศจิกายน 2548 – บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตแบตเตอรี่สัญชาติไทย แบรนด์ “3เค แบตเตอรี่” สรุปรายได้รวมงวด 9 เดือน ปี 48 กว่า 2,124.42 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 ด้วยกำไรสุทธิ 135.40 ล้านบาท เผยเป็นผลจากการขยายตัวของตัวแทนจำหน่ายและโปรโมชั่นการขาย พร้อมย้ำปี 48 โตตามเป้าแน่ 10 เปอร์เซ็นต์
นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาส 3 ประจำปี 2548 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 723.01 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.17 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 606.71 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 40.62 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ยอดรายได้รวมของบริษัทฯ งวด 9 เดือน (ม.ค. – ก.ย.) ปี 48 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 2,124.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนกว่า 25 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ จากผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปี 2548 พบว่ากำไรสุทธิมีการลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีมาตรการในการควบคุมต้นทุนในการผลิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการลงทุนในบริษัท ไทย นันเฟอรัส เมทัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบกิจการหลอมตะกั่วผสม วัตถุดิบหลักในการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยควบคุมต้นทุนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพในภาวะดังกล่าว
“จากผลประกอบการที่ผ่านมา ถือว่าบริษัทฯ สามารถขยายตัวได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยล่าสุดบริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการขยายตัวของตลาดแบตเตอรี่ในระดับมหภาค รวมถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อันมีปัจจัยสำคัญมาจากจำนวนร้านค้าตัวแทนจำหน่ายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นกว่า 20.4 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา เป็น 602 ร้านในปัจจุบัน อีกทั้งความสำเร็จจากการสร้างสรรค์โปรโมชั่นด้านขาย รวมถึงความสำเร็จจากการบุกตลาดต่างประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์” นายวีรวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ สามารถทำรายได้สูงถึง 382.41 ล้านบาทในไตรมาสที่ผ่านมา โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 15.61 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 เป็นผลมาจากการเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ อาทิ แบตเตอรี่โซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่สำหรับรถโฟล์คลิฟต์ และแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า เป็นต้น ประกอบกับความได้เปรียบทางด้านราคาและมาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากเหล่าลูกค้านานาชาติ ซึ่งในปัจจุบัน แบตเตอรี่ 3เค ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก อาทิ ตะวันออกกลาง, แอฟริกา, อินโดจีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, ยุโรป และ อเมริกา รวมถึงการขยายตลาดไปยังทวีปออสเตรเลีย
“บริษัทฯ มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าผลประกอบการปี 2548 จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน 3เค แบตเตอรี่ ถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ประกอบกับความพร้อมในการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์จากการสร้างสรรค์กิจกรรมทางการทางการตลาด และโปรโมชั่นต่างๆ พร้อมด้วยแคมเปญเพื่อสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้า 3เค แบตเตอรี่ อาทิ 3K Roadside Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ สำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ทุกรุ่น เหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการขยายตัว และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ 3เค แบตเตอรี่ให้โดดเด่น ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในปี 2548 เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์” นายวีรวัฒน์ กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่ ภายใต้ชื่อ 3เค แบตเตอรี่ ประกอบด้วยบริษัทในเครือที่ครบวงจรเพื่อสนับสนุนธุรกิจโดยรวมของบริษัท ได้แก่ บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่รถกอล์ฟ แบตเตอรี่เพื่อแสงสว่างและแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ บริษัท ไทย นันเฟอรัส เมทัล จำกัด ผู้ประกอบกิจการหลอมตะกั่วผสม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการใช้ผลิตแบตเตอรี่ พร้อมด้วยบริษัทร่วม คือ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ เจแปน จำกัด บริษัทจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใน ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดูแลการจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไป และแบตเตอรี่เพื่ออุตสาหกรรม รวมทั้งให้บริการหลังการขาย และให้ความรู้แก่ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค รวมถึงการส่งเสริมการจำหน่าย สินค้าของ 3เค ในตลาดประเทศญี่ปุ่น