ซาน แอนโตนิโอ–(บิสิเนสไวร์)–18 พ.ย. 2548 – เอสบีซี คอมมิวนิเคชันส์ อิงค์ (SBC Communications Inc. – NYSE:SBC) ได้เสร็จสิ้นการซื้อกิจการเอทีแอนด์ที คอร์ป (AT&T Corp.) ในวันนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำกับดูแลแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียได้อนุมัติการทำธุรกรรมดังกล่าว และจำเป็นต้องมีการอนุมัติในขั้นสุดท้ายสำหรับการควบรวมเครือข่าย ผลิตภัณฑ์ ขีดความสามารถ และมรดกตกทอดร่วมกันของทั้งสองบริษัท องค์กรที่รวมกันนั้นจะเริ่มกระบวนการรวมกิจการที่วางแผนในทันที ซึ่งจะทำให้บริษัทต่างๆในตระกูลใหม่ของเอทีแอนด์ทีสามารถส่งมอบประโยชน์ให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้นได้อย่างรวดเร็ว
บริษัทเอทีแอนด์ที อิงค์ซึ่งมีบริษัทสาขาและบริษัทในเครือจำนวนมากนั้นเป็นบริษัทด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐและเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทที่รวมกันนั้นจะเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐในด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระบบ DSL และบริการโทรศัพท์ในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูลอันดับ 1 แก่บริษัทในทำเนียบ Fortune 1000 โดยบริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่นั้นจะถือหุ้น 60% ของบริษัทซิงกูลาร์ ไวร์เลส (Cingular Wireless) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายอันดับ 1 ของสหรัฐ
บริษัทที่ควบรวมกันนั้นจะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในด้านการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในด้านเทคโนโลยีการสื่อสารเนื่องจากการประดิษฐ์โทรศัพท์มากว่า 120 ปีและการให้บริการบนพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต โปรโตคอล (ไอพี) จะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการต่างๆได้ทุกที่และทุกเวลา
“เราพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ในด้านการสื่อสารและความบันเทิง” เอ็ดเวิร์ด อี วิทเทเคอร์ จูเนียร์ ประธานและซีอีโอของเอทีแอนด์ที อิงค์กล่าว
“การรวมบริษัทเอสบีซีและเอทีแอนด์ทีเข้าด้วยกันนั้นจะทำให้เรามีทรัพยากรเครือข่ายในประเทศ ทั่วโลก และเครือข่ายไร้สาย รวมถึงความเชี่ยวชาญในการกำหนดมาตรฐานสำหรับการส่งมอบนวัตกรรมที่มีความสำคัญและทำให้คำมั่นสัญญาในด้านการสื่อสารและความบันเทิงเป็นจริงสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและกลุ่มธุรกิจ” นายวิทเทเคอร์กล่าว “การรวมธุรกิจกันนี้มีพลังมากขึ้น เพราะมรดกร่วมของเราในด้านนวัตกรรม คุณภาพบริการ ความน่าเชื่อถือ และความมั่นคง”
การประกาศสัญลักษณ์ในการซื้อขาย และการเปิดเผยโลโก้ใหม่ในวันที่ 21 พ.ย.
เอสบีซีประกาศเมื่อวันที่ 27 ต.ค. ว่า จะใช้ชื่อเอทีแอนด์ที อิงค์หลังเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการ และประกาศในวันนี้ว่า จะเริ่มการซื้อขายหุ้นโดยใช้สัญลักษณ์ “T” ในตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันที่ 1 ธ.ค. และในช่วงนี้ บริษัทจะทำการซื้อขายหุ้นภายใต้สัญลักษณ์ “SBC” ไปก่อน ส่วนในวันจันทร์ที่ 21 พ.ย.นั้น บริษัทจะเปิดเผยโลโก้ใหม่และจะเป็นวันแรกของบริษัทในการดำเนินงานในฐานะบริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่ด้วย
ประโยชน์ที่ธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไปจะได้รับในทันที
ธุรกิจระดับโลก ระดับประเทศ และระดับภูมิภาค รวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลกลาง จะสามารถทำการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวสำหรับการเข้าถึงเครือข่ายในประเทศและการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายหลัก (backbone) ทั่วโลก ตลอดจนบริการไร้สายต่างๆที่ได้รับการสนับสนุนด้วยคุณสมบัติที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมในด้านการดูแลลูกค้าและความปลอดภัย เครือข่ายไอพีหลักของเอทีแอนด์ทีซึ่งเป็นโครงข่ายซอฟท์แวร์ชั้นนำในอุตสาหกรรม จะทำให้ลูกค้าสามารถควบคุมและมีความยืดหยุ่นในการจัดการกับเครือข่ายของตนเองและส่งมอบแอพพลิเคชันที่หลากหลายได้ด้วยความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
ลูกค้าทั่วไปและธุรกิจขนาดย่อม จะได้ประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ในการสื่อสารด้านไอพีอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เนื่องจากบริษัทต่างๆในเครือของเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่นั้นจะใช้โซลูชันต่างๆที่สร้างขึ้นสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ และจะประยุกต์ใช้สำหรับธุรกิจขนาดย่อมและผู้ใช้ทั่วไป บริษัทต่างๆภายใต้เอทีแอนด์ทีโฉมใหม่นั้นจะนำเสนอการเชื่อมต่อระบบไฟเบอร์บรอดแบนด์ไปยังบ้านเรือนและธุรกิจขนาดย่อมจำนวนหลายล้านแห่ง ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากไอพี วิดีโอและแอพพลิเคชั่นใหม่ๆด้วยการส่งมอบคอนเทนต์ผ่านทางเครือข่ายไอพีหลักของเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่ นอกจากนี้ บริษัทต่างๆในเครือของเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่นั้นจะนำเสนอบริการรวมด้านการสื่อสารที่สะดวกสบายและคุ้มค่าให้กับลูกค้ารายใหม่ในสหรัฐจำนวนหลายล้านราย โดยจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับบริการรวมเหล่านั้นในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
บริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่ให้ความสำคัญกับการรวมธุรกิจอย่างราบรื่น
ทีมผู้บริหารของบริษัทเอทีแอนด์ทีใหม่นั้นจะเริ่มดำเนินการรวมเครือข่าย ผลิตภัณฑ์ ทีมดูแลลูกค้า และการดำเนินงานทั้งหมดของทั้งสองบริษัทในทันที เพื่อรับประกันว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ทีมผู้จัดการได้เริ่มวางแผนการรวมธุรกิจอย่างรวดเร็วตามแนวทางที่ได้รับการอนุมัติทางด้านกฎหมายหลังจากการประกาศในเบื้องต้นที่จะช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงหลังเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการ โดยความสำคัญเร่งด่วนสูงสุดของทีมผู้จัดการได้แก่การรับประกันด้านบริการและความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุดสำหรับลูกค้าในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง
“เราจะเริ่มดำเนินการอย่างเต็มที่ตั้งแต่วันแรกเพื่อที่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นของเราจะได้รับประโยชน์และศักยภาพอย่างมากและอย่างรวดเร็วจากการควบรวมกิจการนี้” นายวิทเทเคอร์กล่าว “ทีมรวมกิจการได้ดำเนินการมาเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อวางแผน เรียกร้องให้ลูกค้าร่วมเสนอ และพัฒนาแนวทางสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จ เมื่อเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการ ทีมรวมกิจการก็พร้อมที่จะดำเนินการและเพิ่มศักยภาพสูงสุดให้กับบริษัทที่ควบรวมกัน”
ลูกค้าทั้งผู้ใช้ตามบ้าน ธุรกิจ และผู้ขายส่งนั้น ไม่ต้องดำเนินการใดๆในทันที นอกเสียจากว่าพวกเขาต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์หรืออื่นๆ พวกเขาจะยังคงสั่งซื้อบริการ ชำระเงิน และขอรับบริการสำหรับลูกค้าจากผู้ให้บริการของพวกเขาในปัจจุบันได้เหมือนเดิม ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอใหม่ๆสำหรับลูกค้าที่ซื้อบริการจากทั้งสองบริษัทนั้นจะเปิดเผยในในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
บริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม มีสินทรัพย์ด้านไอพีที่ไม่มีใครเทียบเคียง มุ่งมั่นต่อการให้อย่างต่อเนื่อง
บริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่นั้นจะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่โดดเด่นด้วยสินทรัพย์และโซลูชันเครือข่ายไอพีที่ไม่มีใครเทียบเคียง โดยสินทรัพย์เหล่านี้จะนำเสนอแพลตฟอร์มที่ล้ำหน้าสำหรับการส่งมอบบริการด้านไอพีที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม
บริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่นี้จะต่อยอดประวัติที่แข็งแกร่งในการมีส่วนร่วมในชุมชนและการลงทุนของทั้งเอทีแอนด์ทีเดิมและเอสบีซี
บริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่คาดว่า จะยังคงสามารถมอบเงินช่วยเหลือด้านการกุศลและมอบเงินสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนมากกว่า 60 ล้านดอลลาร์ต่อปีได้ โดยบริษัทเป็นหนึ่งในมูลนิธิธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรกในสหรัฐ
บริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่ให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายมูลค่าสำหรับผู้ถือหุ้น
บริษัทเอสบีซีมีประวัติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในการส่งมอบมูลค่าในระดับสูงจากความพยายามในการควบรวมกิจการเช่นเดียวกับการจัดตั้งบริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่ โดยคาดว่าธุรกรรมนี้จะเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นสุทธิในปัจจุบันมากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยบริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานและแนวโน้มทางการเงินสำหรับบริษัทที่ควบรวมกัน รวมถึงมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในการประชุมนักลงทุนที่กรุงนิวยอร์ก ซิตี้ในวันที่ 31 ม.ค. 2549
ผู้ถือหุ้นของเอทีแอนด์ทีเดิมนั้น ได้รับหุ้นเอสบีซี 0.77942 หุ้นต่อหุ้นเอทีแอนด์ที 1 หุ้น ขณะที่เอทีแอนด์ทีเดิมได้จ่ายเงินปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น 1.30 ดอลลาร์/หุ้น อันเป็นส่วนหนึ่งของการเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการ และกรรมการใหม่ 3 คนจากคณะกรรมการบริหารของเอทีแอนด์ทีเดิมนั้น จะร่วมเป็นกรรมกรรมของบอร์ดเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่ซึ่งจะรวมทั้งหมดเป็น 18 คน โดยกรรมการใหม่ดังกล่าวได้แก่ เดวิด ดับบลิว ดอร์แมน, วิลเลียม เอฟ อัลดินเจอร์ และจอน ซี มาดอนนา พวกเขาจะได้รับการแต่งตั้งเข้าร่วมคณะกรรมการที่มีอยู่ โดยการเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการนั้นเป็นการบรรลุเป้าหมายของกระบวนการทบทวนระยะ 10 เดือนซึ่งรวมถึงการทบทวนหรือการยื่นรายงานต่อ 36 รัฐในสหรัฐและ District of Columbia, กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ, คณะกรรมาธิการด้านการสื่อสาร และ 14 ประเทศ
สำหรับข่าวเกี่ยวกับการควบรวมกิจการดูได้ที่ www.sbc.com/att
เกี่ยวกับบริษัทเอทีแอนด์ทีโฉมใหม่
เอทีแอนด์ที อิงค์เป็นหนึ่งในบริษัทโฮลดิ้งด้านการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในโลกและใหญ่ที่สุดในสหรัฐ บริษัทมีการดำเนินงานทั่วโลกภายใต้แบรนด์เอทีแอนด์ที โดยบริษัทต่างๆในเครือเอทีแอนด์ทีได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านการสื่อสารบนเครือข่ายไอพีต่อกลุ่มธุรกิจและยังเป็นผู้ให้บริการชั้นนำของสหรัฐในด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระบบ DSL บริการโทรศัพท์ในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบริการด้านการพิมพ์รายนามผู้ใช้โทรศัพท์และบริการด้านการโฆษณา เอทีแอนด์ที อิงค์ ถือหุ้น 60% ของซิงกูลาร์ ไวร์เลสซึ่งเป็นผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายอันดับ 1 ของสหรัฐและมีลูกค้ามากกว่า 52 ล้านคน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทเอทีแอนด์ที อิงค์ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ สามารถดูได้ที่ www.TheNewATT.com
สงวนลิขสิทธิ์ 2548 บริษัท Knowledge Ventures, L.P. SBC เป็นเครื่องหมายการค้าของ Knowledge Ventures, L.P และ/หรือบริษัทในเครือ
ติดต่อ: เอทีแอนด์ที อิงค์
แลร์รี โซโลมอน, โทร 210-351-3990
อีเมล์: [email protected]
หรือ
ไมเคิล โค, โทร 212-453-2198
อีเมล์: [email protected]