พวงมาลัยดอกมะลิ : สินค้าขายดีช่วงเทศกาลสงกรานต์

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์คนไทยนิยมซื้อพวงมาลัยดอกมะลิเพื่อไหว้พระและสิ่งศักสิทธิ์ นอกจากนี้พวงมาลัยดอกมะลิยังเป็นที่นิยมนำไปไหว้บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ และผู้ที่เคารพนับถือในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ด้วย รวมทั้งบรรดาผู้ที่เข้าร่วมเทศกาลสงกรานต์ยังนิยมนำดอกมะลิมาร้อยเป็นพวงมาลัยเส้นเดียวโดยการร้อยดอกต่อๆกันเพื่อนำมาคล้องคอ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับชุดพื้นเมืองและชุดไทยที่นิยมใส่กันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย บรรดาร้านดอกไม้ต้องจัดเตรียมพวงมาลัยไว้รองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และพวงมาลัยดอกมะลิมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวทีเดียว นอกจากนี้ปัจจัยหนุนที่จะทำให้ยอดจำหน่ายพวงมาลัยดอกมะลิในวันสงกรานต์ปีนี้ขายดีกว่าทุกปี ก็คือ วันที่ 13 เมษายน 2549 นั้นเป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเป็นวันพระใหญ่ ซึ่งโดยปกติแล้วทุกวันพระนั้นพวงมาลัยดอกมะลิก็ขายดีกว่าในวันธรรมดาอยู่แล้ว ทำให้บางร้านต้องมีการเตรียมร้อยมาลัยดอกมะลิล่วงหน้าหนึ่งคืนแล้วแช่น้ำแข็งไว้เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า และทำให้ลูกค้าไม่ต้องรอคิวนาน หรือมีการรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าสำหรับลูกค้าประจำ

มะลิเป็นไม้ดอกเศรษฐกิจที่นับวันมีความสำคัญมากขึ้น ประโยชน์ที่ได้รับจากมะลิ เช่น เก็บดอกสำหรับทำพวงมาลัย ดอกไม้แห้ง และใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น นอกจากการใช้ประโยชน์จากดอกมะลิแล้วส่วนต่างๆของต้นมะลิเช่น ดอกสด ดอกแห้ง ใบสด ต้น ราก เป็นต้น ก็ยังนำมาใช้เป็นพืชสมุนไพรรักษาโรคได้ เช่น มะลิซ้อนดอกสดใช้รักษาโรคตาเจ็บ แก้ไข้ตัวร้อนและแก้หวัด ดอกแห้งใช้ปรุงเป็นสารแต่งกลิ่น ใบสดนำมาตำให้ละเอียดจะช่วยรักษาแผลพุพองและแผลฝีดาษ ต้นใช้รักษาโรคคุดทะราด ขับเสมหะและโลหิต รากนำมาฝนใช้แก้ปวด รักษาโรคร้อนในและอาการเสียดท้อง เป็นต้น มะลินั้นมีหลายสายพันธุ์ เช่น มะลิลา มะลิฉัตร มะลิพวง เป็นต้น แต่มะลิที่นิยมปลูกเพื่อเด็ดดอกจำหน่ายนั้นคือ มะลิลา โดยพันธุ์ที่ส่งเสริมและนิยมปลูกมี 3 พันธุ์คือ พันธุ์แม่กลอง พันธุ์ราษฎร์บูรณะ และพันธุ์ชุมพร ซึ่งพันธุ์ที่นิยมมากคือ พันธุ์ราษฎร์บูรณะ เนื่องจากให้ดอกดก และทยอยให้ออกดอกตลอดทั้งปี

พื้นที่การปลูกมะลิในเชิงการค้าของประเทศไทยมีประมาณ 4,000 ไร่ แหล่งปลูกอยู่ในเขตกรุงเทพฯและจังหวัดรอบๆกรุงเทพฯ นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำพูน และหนองคาย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของดอกมะลิ โดยเฉพาะนครปฐมซึ่งคาดว่ามีพื้นที่ปลูกมะลิประมาณร้อยละ 50 ของพื้นที่ปลูกมะลิในเชิงการค้าทั้งประเทศ นอกจากนั้นมีการปลูกมะลิในเชิงการค้าที่มีพื้นที่ปลูกเกิน 100 ไร่ ได้แก่จังหวัดนครสวรรค์ กรุงเทพฯ(โดยเฉพาะพื้นที่แถบชานเมือง) และสมุทรสาคร อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีการปลูกมะลิกระจายอยู่ทุกจังหวัดแต่ไม่ได้เป็นการปลูกในลักษณะเป็นแปลงขนาดใหญ่เท่านั้น ผลผลิตของดอกมะลิจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอายุของต้นมะลิ กล่าวคือ ถ้าต้นมะลิอายุ 1 ปี ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 1,000 – 2,000 ลิตร/ไร่ อายุ 2 ปี ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 3,000 – 4,000 ลิตร/ไร่ อายุ 3 ปี ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 3,000 ลิตร/ไร่ และหลังจากนั้นแล้วผลผลิตจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ

ตลาดใหญ่ของดอกมะลิอยู่ที่ปากคลองตลาด และร้านดอกไม้โดยทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่งมะลิจะให้ดอกมากในฤดูร้อนและฤดูฝนแล้วจะน้อยที่สุดในฤดูหนาว ดังนั้นราคาของดอกมะลิในช่วงฤดูหนาวจะแพงมากบางปีประมาณลิตรละ 600-700 บาท(ราคาที่ปากคลองตลาด) หรืออาจสูงถึง 1,000 บาท ส่วนฤดูร้อนและฤดูฝนเฉลี่ยราคาลิตรละ 30 บาท ซึ่งในช่วงที่ดอกมะลิขาดตลาดนั้นจะสังเกตได้จากมาลัยดอกมะลิจะมีจำนวนดอกมะลิน้อยโดยบรรดาพ่อ/แม่ค้าจะร้อยมาลัยโดยใช้ดอกรักมาแซมเพิ่มเพื่อไม่ให้ขาดทุนโดยไม่ได้ขึ้นราคาพวงมาลัย ซึ่งดอกมะลิในช่วงนี้ดอกจะเล็กและมีสีเขียวอ่อน ซึ่งเมื่อเทียบกับในช่วงที่มะลิให้ดอกมากนั้นพวงมาลัยจะเป็นดอกมะลิเต็มทั้งพวง และดอกมะลิจะมีสีขาวและดอกใหญ่ เมื่อเทียบกับผลผลิตเฉลี่ยของดอกมะลิที่เกษตรกรปลูกและความต้องการดอกมะลิที่มีอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เกษตรกรที่ปลูกมะลิก็มีรายได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว ส่วนบรรดาร้านขายพวงมาลัยก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำเช่นกัน

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เคยทำการสำรวจพฤติกรรมการซื้อพวงมาลัยของคนกรุงเทพฯ พบว่าพฤติกรรมการซื้อพวงมาลัยดอกมะลิของคนกรุงเทพฯทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจร้านค้าดอกไม้สดประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจากการสอบถามบรรดาพ่อ/แม่ค้าร้านจำหน่ายดอกไม้สดพบว่าโดยปกติแล้ววันพระจะเป็นวันที่ยอดจำหน่ายพวงมาลัยสูงขึ้นกว่าปกติ ส่วนเทศกาลที่ยอดจำหน่ายพวงมาลัยเพิ่มขึ้นคือ วันปีใหม่และวันสงกรานต์ โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์พวงมาลัยก็เป็นหนึ่งในสินค้ายอดนิยมทั้งเพื่อไหว้พระและสิ่งศักสิทธิ์ นอกจากนี้พวงมาลัยดอกมะลิยังเป็นที่นิยมของคนไทยนำไปไหว้บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ และผู้ที่เคารพนับถือในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ด้วย ความต้องการพวงมาลัยดอกมะลิในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้นเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ทำให้ผู้ที่ต้องการใช้อาจจะต้องมีการสั่งล่วงหน้าหรือต้องไปเข้าคิวรอ โดยเฉพาะร้านที่มีฝีมือในการร้อยที่สวยงาม ซึ่งเทศกาลสงกรานต์นับว่าเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่บรรดาร้านขายพวงมาลัยและดอกไม้สดสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

ประเด็นที่น่าสนใจคือนอกจากความต้องการภายในประเทศแล้ว ในปัจจุบันไทยมีการส่งออกดอกมะลิทั้งในรูปของดอกมะลิ ต้นมะลิและในรูปของพวงมาลัย โดยมูลค่าการส่งออกในแต่ละปีเฉลี่ยประมาณ 4 ล้านบาท โดยการส่งออกเกือบทั้งหมดอยู่ในรูปของพวงมาลัย กล่าวคือส่งออกในรูปพวงมาลัยร้อยละ 85.0 ส่งออกในรูปของดอกมะลิร้อยละ 10.0 และส่งออกในรูปของต้นมะลิร้อยละ 5.0 โดยตลาดพวงมาลัยที่สำคัญคือ สหรัฐฯและญี่ปุ่น ส่วนตลาดของดอกและต้นมะลิที่สำคัญคือ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐฯ และเบลเยี่ยม

มะลินั้นกลายเป็นไม้ดอกเศรษฐกิจที่สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในแต่ละปีไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศจากการจำหน่ายในลักษณะพวงมาลัยซึ่งเป็นที่นิยมของคนไทยโดยเฉพาะการไหว้พระและสักการะสิ่งศักสิทธิ์ และในช่วงเทศกาลสงกรานต์พวงมาลัยดอกมะลิก็เป็นตัวแทนแสดงความเคารพของคนไทยต่อบิดามารดา ญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพนับถือ ซึ่งทำให้พวงมาลัยดอกมะลิเป็นสินค้าหนึ่งที่ขายดิบขายดีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2549 นี้