สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยในช่วง 30 วันระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน – 9 กรกฎาคม 2549 ซึ่งมีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี มีแนวโน้มจะซบเซาลงสำหรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เป็นแฟนบอลจำนวนไม่น้อยต่างชะลอการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศออกไป เพื่อเฝ้าชมการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศของตน และมีจำนวนไม่น้อยที่เดินทางเข้าไปเชียร์ทีมฟุตบอลที่ตนชื่นชอบถึงสนามแข่งขันจริงที่ประเทศเยอรมนี
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่เริ่มจะฟื้นตัวจากวิกฤตสึนามิในช่วงปลายปี 2548 ต่อเนื่องมาในปี 2549 นั้น มีแนวโน้มชะลอการขยายตัวลงในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เป็นแฟนบอลจากตลาดท่องเที่ยวหลักของไทยในภูมิภาคนี้ ได้แก่ ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน เป็นต้น มีแนวโน้มจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยลดลงในช่วงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า โดยรวมแล้วในช่วง 30 วันที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกจะมีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 5 จากปีที่แล้วช่วงเดียวกันที่อยู่ในช่วงวิกฤตสึนามิ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเดินทางมายังประเทศไทยจำนวนเกือบ 600,000 คน
ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเดินทางมายังประเทศไทยลดลงอย่างเด่นชัดในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก คือ ตลาดนักท่องเที่ยวยุโรป ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวที่มีบทบาทสำคัญต่อการท่องเที่ยวของไทย เนื่องจากมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองลงมาจากตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางเข้ามายังประเทศไทยในสัดส่วนเฉลี่ยประมาณร้อยละ 22 ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมของไทย
ตลาดท่องเที่ยวหลักของไทยในภูมิภาคยุโรป คือ อังกฤษ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยในสัดส่วนร้อยละ 24 ของตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปโดยรวมของไทย รองลงมาคือ เยอรมนี และฝรั่งเศส ในสัดส่วนร้อยละ 17 และร้อยละ 10 ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวจากตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้แก่ ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย รัสเซีย และยุโรปตะวันออก
ตลาดท่องเที่ยวยุโรปของไทยมีสัดส่วนของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวซ้ำค่อนข้างสูง คือ ร้อยละ 52 และส่วนใหญ่ คือ เกือบร้อยละ 70 เดินทางมาเที่ยวกันเอง ที่เหลือเดินทางมาในลักษณะกรุ๊ปทัวร์ จากลักษณะดังกล่าวของตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปของไทยมีความผันแปรต่อปัจจัยที่มากระทบการท่องเที่ยวน้อยกว่าตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ คือ กว่าร้อยละ 50 เพิ่งเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยเป็นครั้งแรก และนิยมเดินทางมาในลักษณะกรุ๊ปทัวร์
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากยุโรปยังใช้เวลาพำนักเฉลี่ยในประเทศไทยนานกว่านักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ คือ เฉลี่ยประมาณ 13 วัน ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้แก่ประเทศไทย เพราะมีการใช้จ่ายระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวยุโรปสูงกว่านักท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาค คือ มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณคนละ 50,000 บาทต่อการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยในแต่ละครั้ง
สำหรับช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก คือ ระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน – 9 กรกฎาคม 2549 อยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น หรือช่วงฤดูร้อนของยุโรป ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวนน้อยมากอยู่แล้ว คือ ประมาณร้อยละ 50 ของจำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในช่วงสูงสุด (peak) ของฤดูท่องเที่ยว คือ เดือนมกราคม
ดังนั้น จึงเป็นที่คาดกันว่าในช่วง 30 วันที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกดังกล่าว ตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปของไทยจะมีแนวโน้มถดถอยลงอย่างเด่นชัด เมื่อเทียบกับปีที่แล้วช่วงเดียวกันที่มีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางมายังประเทศไทยประมาณเกือบ 180,000 คน
โดย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า ในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 จะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางมายังประเทศไทยประมาณ 140,000 คน ลดลงร้อยละ 22 จากปีที่แล้วช่วงเดียวกัน หรือลดลงประมาณเกือบ 40,000 คน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ คือ ประมาณกว่าร้อยละ 50 เป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดท่องเที่ยวหลักของไทยในภูมิภาคยุโรป คือ อังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส
จากจำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปที่คาดว่าจะเดินทางมายังประเทศไทยลดลงดังกล่าวมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบ ทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้ด้านการท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท เม็ดเงินดังกล่าวเป็นรายได้ที่ธุรกิจท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องสูญเสียไปในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งสรุปได้ดังนี้
– ร้อยละ 29 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 580 ล้านบาทเป็นรายได้ที่คาดว่าธุรกิจด้านที่พัก อาทิ โรงแรม และรีสอร์ต จะสูญเสียไปจากนักท่องเที่ยวยุโรปที่เดินทางเข้ามาลดลงในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อเทียบกับปีที่แล้วช่วงเดียวกัน
– ร้อยละ 23 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 460 ล้านบาทเป็นรายได้ที่คาดว่าธุรกิจจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกนักท่องเที่ยว ซึ่งรวมทั้งร้านจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ และร้านจำหน่ายสินค้าโอทอป ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และศูนย์การค้าต่างๆจะสูญเสียไปจากนักท่องเที่ยวยุโรปที่เดินทางเข้ามาลดลง
– ร้อยละ 19 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 380 ล้านบาทเป็นรายได้ที่คาดว่าธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายเครื่องดื่มต่างๆจะสูญเสียไป
– ร้อยละ 14 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 280 ล้านบาทเป็นรายได้ที่คาดว่าธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ ธุรกิจบริการการเดินทางภายในประเทศ และมัคคุเทศก์จะสูญเสียไป
– ร้อยละ 12 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 240 ล้านบาทเป็นรายได้ที่คาดว่าธุรกิจบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งธุรกิจสปาจะสูญเสียไป
สำหรับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตที่คาดว่าจะมีรายได้ในด้านที่พักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรป ลดลงในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกดังกล่าว ส่วนใหญ่ต่างปรับกลยุทธ์การตลาด ด้วยการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆรับเทศกาลแข่งขันฟุตบอลโลกกันอย่างคึกคัก เพื่อสร้างรายได้ในด้านอื่นๆเพิ่มขึ้นมาชดเชยรายได้ด้านที่พักที่คาดว่าจะลดลง อาทิ รายได้ด้านอาหารและเครื่องดื่ม จากห้องอาหาร และสถานบันเทิงในโรงแรม โดยต่างจัดตกแต่งสถานที่และการแต่งกายของพนักงานบริการให้มีบรรยากาศเหมือนเชียร์อยู่ในสนามแข่งขันจริง มีทีวีจอยักษ์ถ่ายทอดสดและเทปบันทึกการแข่งขันทุกคู่บริการลูกค้าแฟนบอล บริการอาหารและของว่างเมนูพิเศษพร้อมเครื่องดื่ม อาทิ เบียร์สด และจัดรายการชิงโชคให้ลูกค้าได้ร่วมสนุก เป็นต้น
สำหรับโรงแรมและรีสอร์ตส่วนใหญ่ตามเมืองท่องเที่ยวสำคัญต่างจัดแพ็กเกจพิเศษกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยในช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ เพื่อทดแทนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มจะซบเซาลงในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลกของโรงแรมและรีสอร์ตในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศในปัจจุบัน ที่มีจำนวนประมาณกว่า 4,500 แห่งซึ่งมีห้องพักรวมกันประมาณ 280,000 ห้อง อยู่ในอัตราค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้วช่วงเดียวกัน ที่สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยประสบวิกฤตสึนามิ คือ เฉลี่ยประมาณร้อยละ 45
เป็นที่น่าสังเกตว่า โรงแรมในกรุงเทพฯที่มีจำนวนประมาณ 320 แห่งและมีห้องพักรวมกันกว่า 60,000 ห้องนั้น จะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่าโรงแรมตามแหล่งท่องเที่ยวในภาคต่างๆ เนื่องจากตลาดหลักของโรงแรมในกรุงเทพฯเป็นกลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสฟุตบอลโลก 2006 มากเท่ากลุ่มนักท่องเที่ยว กลุ่มประชุมสัมมนา และกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ซึ่งเป็นตลาดหลักของโรงแรมและรีสอร์ตตามแหล่งท่องเที่ยวในต่างจังหวัด นอกจากนี้ โรงแรมหรูในกรุงเทพฯยังได้รับประโยชน์จากการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีประมุขและตัวแทนจาก 25 ประเทศพร้อมผู้ติดตามเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธีสำคัญซึ่งจัดขึ้นในกรุงเทพฯระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน 2549 รวมทั้งยังมีสื่อต่างชาติจำนวนมากเดินทางเข้ามาทำข่าวในช่วงดังกล่าวเพื่อเผยแพร่ไปทั่วโลก