ลูกฟุตบอลไทย : ตลาดส่งออก…มูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท

ท่ามกลางเสียงเชียร์และการลุ้นผลการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2006 นี้ อรรถรสของการเชียร์ทั้งในสนามและการนั่งชมผ่านเครื่องรับโทรทัศน์จะทวีความตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้นนั้น ลูกฟุตบอลจัดว่ามีบทบาทสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าฝีเท้านักเตะระดับโลก และทีมเวอร์กที่แข็งแกร่งของแต่ละประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก2006 การผลิตลูกฟุตบอลเพื่อใช้ในการแข่งขันในมหกรรมฟุตบอลโลกในแต่ละครั้งจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและดีไซน์ลูกฟุตบอล โดยลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก2006 ตีตรา“ทีมไกซ์ท”(Teamgeist)ปี 2006 ประเทศเยอรมนี Teamgeist แปลว่า “จิตวิญญาณแห่งทีม (Team Spirit)” ลูกฟุตบอลTeamgeist ได้ผลิตและบรรจุแยกเป็นชุด พิมพ์ไว้ที่ลูกฟุตบอลว่าเป็นลูกฟุตบอลนัดใด การแข่งขันระหว่างทีมใดกับทีมใดก็จะมีการระบุชื่อทีมในนัดนั้นๆไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งวันที่แข่งขันไว้อย่างชัดเจน และจะมีลูกฟุตบอลTeamgeist พิเศษสำหรับนัดชิงชนะเลิศด้วย โดยเป็นลูกฟุตบอลTeamgeist สีทอง และมีคำว่า Berlin อยู่ ซึ่งเป็นสถานที่ในนัดชิงชนะเลิศ2006 ในครั้งนี้ โดยฟีฟ่ากำหนดว่าจะต้องใช้ลูกฟุตบอลทั้งหมด 2,880 ลูก ทั้งในการเตรียมตัว การซ้อมและในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ รวมทั้งคาดว่ายอดจำหน่ายลูกฟุตบอล“ทีมไกซ์ท”นี้จะสูงถึง 10 ล้านลูกเพื่อสนองความต้องการจากทั่วโลก.

ประเด็นที่น่าสนใจคือลูกฟุตบอล“ทีมไกซ์ท”ที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกเหล่านี้ผลิตในประเทศไทยทั้งหมด ในโรงงานของอดิดาส ที่ชลบุรี โดยโรงงานในไทยจะเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนลูกฟุตบอลในขั้นตอนสุดท้าย กล่าวคือ การออกแบบทำในเยอรมนี จุกสำหรับสูบลมลูกฟุตบอลมาจากอินเดีย หนังเทียมมาจากเกาหลีใต้ และที่บุข้างในลูกฟุตบอลที่ทำจากฝ้ายนั้นผลิตในเวียดนาม จึงอาจกล่าวได้ว่าไทยเป็นฐานการผลิตลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยลูกฟุตบอลทุกลูกพิมพ์ข้างลูกชัดเจนว่า Made in Thailand ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโรงงานผลิตลูกฟุตบอลในประเทศไทยมีชื่อเสียงและมาตรฐานการผลิตเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

โรงงานที่ผลิตลูกฟุตบอลในประเทศไทยในปัจจุบันมีอยู่ 11 โรงงาน เงินลงทุนรวม 760 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์กีฬาทั้งลูกฟุตบอล ลูกบาสเกตบอล และวอลเล่ย์บอล การผลิตอุปกรณ์กีฬาของไทยมีทั้งลักษณะที่ผลิตโดยใช้แรงงานเป็นหลักและใช้เครื่องจักรเป็นหลัก ประเภทที่ใช้แรงงานเป็นหลัก เช่น ถุงกอล์ฟ ลูกตะกร้อ ลูกฟุตบอล ลูกกอล์ฟ ลูกเทนนิส เป็นต้น ส่วนประเภทที่ใช้เครื่องจักรเป็นหลัก ได้แก่ ไม้กอล์ฟ แร๊กเก็ต คันเบ็ด เป็นต้น การผลิตแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ ผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง ผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทแม่ในต่างประเทศ และผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งอุปกรณ์กีฬาของไทยที่ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศจะเป็นอุปกรณ์กีฬาสำหรับเล่นกลางแจ้ง โดยเฉพาะลูกฟุตบอล ลูกกอล์ฟ และลูกเทนนิส ซึ่งเป็นอุปกรณ์กีฬาประเภทที่ใช้แรงงานเป็นหลักในการผลิต

ตลาดอุปกรณ์กีฬาในประเทศเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น เมื่อคนไทยหันมาสนใจการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายกันมากขึ้น ซึ่งลูกฟุตบอลก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์กีฬายอดนิยมสำหรับคนไทย อันเป็นผลมาจากความนิยมในกีฬาฟุตบอล นอกจากนี้มาตรการของรัฐบาลรวมทั้งนโยบายของภาคเอกชนหลายแห่งก็มีส่วนช่วยสนับสนุนให้ความต้องการลูกฟุตบอลเพิ่มขึ้น กล่าวคือ นโยบายรัฐบาลในระยะที่ผ่านมาที่ให้การสนับสนุนอุปกรณ์กีฬาสำหรับโรงเรียนที่ขาดแคลน และมาตรการที่จะให้มีการจัดตั้งศูนย์กีฬาเพื่อต่อต้านยาเสพติด ซึ่งลูกฟุตบอลเป็นหนึ่งในอุปกรณ์กีฬาที่ได้รับการจัดซื้อเป็นจำนวนมาก

นอกจากไทยมีการผลิตลูกฟุตบอลสำหรับใช้ในประเทศแล้วยังมีการส่งออกไปจำหน่ายยัง 50 กว่าประเทศทั่วโลกอีกด้วย โดยปริมาณการส่งออกลูกฟุตบอลในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2549 เท่ากับ 634,686 ลูก มูลค่า 174.09 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้วทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.1 และร้อยละ 125.7 ตามลำดับ ตลาดส่งออกลูกฟุตบอลของไทยกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ประเทศในยุโรป เช่น สเปน เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม โปรตุเกส เป็นต้น ตลาดในทวีปอเมริกาเช่น เม็กซิโก เวเนซูเอลา เอลซัลวาดอร์ เปรู เอกวาดอร์ ปานามา ฮอนดูรัส เป็นต้น ส่วนตลาดส่งออกอื่นๆที่น่าจับตามอง ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง และแอฟริกาใต้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกในปี 2549 จะสูงถึง 510 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในปี 2548 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.4 และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหากได้รับการพัฒนาคุณภาพการผลิตและเร่งส่งเสริมลูกฟุตบอลไทยให้ตลาดต่างประเทศยอมรับมากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็สามารถผลักดันให้มูลค่าส่งออกลูกฟุตบอลไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเทคนิคการผลิตลูกฟุตบอลของไทยนั้นได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดในประเทศก็นับว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ เนื่องจากในปัจจุบันคนไทยหันมาสนใจในการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายมากขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐบาลและเอกชนในการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาให้กับสถานศึกษาเพื่อเป็นการส่งเสริมการเล่นกีฬาในกลุ่มเยาวชน โดยที่ลูกฟุตบอลก็เป็นอุปกรณ์กีฬาที่มีการจัดซื้ออย่างต่อเนื่องเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มาตรการด้านการเร่งรัดการลดภาษีวัตถุดิบและอื่นๆ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้ส่งออก ในการลดต้นทุนการผลิต ทำให้ราคาสินค้าต่ำลงสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ไทยต้องพยายามแก้ไขการพัฒนาฝีมือของแรงงานให้มีทักษะการตัดเย็บมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้นให้คุ้มกับค่าแรงที่แพงกว่า อีกทั้งยังต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตให้ทันสมัยขึ้นด้วย นอกจากนี้ประเด็นที่มีการต่อต้านการผลิตลูกฟุตบอลในบางประเทศที่มีการใช้แรงงานเด็ก นับว่าเป็นประเด็นที่ได้รับการหยิบยกมากล่าวถึงอยู่เสมอ ดังนั้นการส่งเสริมให้เห็นถึงภาพลักษณ์ว่าการผลิตลูกฟุตบอลไทยนั้นได้มาตรฐานสากลและไม่มีการใช้แรงงานเด็กก็นับว่าเป็นประเด็นที่จะช่วยผลักดันการจำหน่ายลูกฟุตบอลไทยในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี แม้มูลค่าการส่งออกจะอยู่ในระดับกว่า 500 ล้านบาท แต่นับได้ว่ายังเป็นอุตสาหกรรมที่ยังมีแนวโน้มจะขยายตัวได้อีกมาก หากได้รับการส่งเสริมและพัฒนาอย่างจริงจัง

ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งที่ผู้ผลิตลูกฟุตบอลของไทยต้องเผชิญคือ การผลิตลูกฟุตบอลของไทยเสียเปรียบด้านค่าจ้างแรงงานเมื่อเทียบกับจีน อินเดียและปากีสถาน ประกอบกับการขาดแคลนวัตถุดิบบางประเภท โดยเฉพาะหนังดิบและหนังฟอก รวมทั้งยังเป็นรองจีน อินเดียและบังคลาเทศที่มีต้นทุนแรงงานที่ต่ำกว่า ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ไทยมีการนำเข้าลูกฟุตบอลทั้งจากจีนและปากีสถาน ทั้งนี้เพื่อป้อนตลาดล่างหรือตลาดลูกฟุตบอลราคาถูก โดยผู้ซื้อคำนึงถึงแต่ราคา ไม่เน้นยี่ห้อและคุณภาพมากนัก กล่าวคือ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2549 ปริมาณการนำเข้าลูกฟุตบอลเท่ากับ 155,414 ลูก มูลค่า 13.54 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาแล้วทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 367.3 และร้อยละ 226.0 ตามลำดับ โดยเป็นการนำเข้าจากจีนร้อยละ 61.7 ของมูลค่าการนำเข้าลูกฟุตบอลทั้งหมด และจากปากีสถานร้อยละ 28.9 ซึ่งไทยไม่ควรต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศส่วนนี้ไป และลูกฟุตบอลนำเข้าเหล่านี้กำลังเข้ามาแย่งตลาดลูกฟุตบอลไทยบางส่วนไป ดังนั้นถึงเวลาที่ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องต้องหันมาสนับสนุนอย่างจริงจังให้มีการใช้ลูกฟุตบอลที่ผลิตในประเทศในการแข่งขันฟุตบอลทุกระดับ รวมทั้งส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงคุณภาพของลูกฟุตบอลที่ผลิตในประเทศที่ผลิตได้มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศทั่วโลก