เครือกสิกรไทยออกสินเชื่อเอสเอ็มอีเพื่อการส่งออก

ธนาคารกสิกรไทย จับมือแฟคเตอริ่งกสิกรไทย ออกบริการสินเชื่อเอสเอ็มอีเพื่อธุรกิจส่งออก (K-Export Credit & Guarantee ) ให้บริการผู้ส่งออกครบวงจร โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งสินเชื่อ บริการค้ำประกันการชำระหนี้และเรียกเก็บหนี้ หวังช่วยเอสเอ็มอีบุกหาลูกค้าและตลาดใหม่ๆ โดยไม่มีความเสี่ยง ตั้งเป้ายอดธุรกรรมลูกค้า 6,000 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2549 ณ ธนาคารกสิกรไทย อาคารพหลโยธิน นายชาติชาย สุนทรเกียรติ และนายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และนางปุณฑริกา ใบเงิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดให้บริการใหม่สินเชื่อเอสเอ็มอีเพื่อธุรกิจส่งออก (K-Export Credit & Guarantee)

สินเชื่อเอสเอ็มอีเพื่อธุรกิจส่งออก เป็นบริการร่วมระหว่างธนาคารกสิกรไทย และบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ส่งออกอย่างครบวงจร ทั้งวงเงินสินเชื่อ การค้ำประกันการชำระหนี้ของผู้ซื้อ และการเรียกเก็บหนี้ในต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการให้บริการสำหรับเอสเอ็มอีที่มีธุรกิจส่งออกอย่างครบวงจรโดยไม่มีความเสี่ยงในการทำธุรกิจ

ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทย จะให้การสนับสนุนสินเชื่อระยะสั้นในรูปแบบตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนหลังการส่งออก (Post-Shipment financing) และอยู่ระหว่างการรอเรียกเก็บเงินจากต่างประเทศ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ย MOR-2.0% ถึง MOR+1.75% ต่อปี สามารถกู้ได้สูงถึง 90% ของมูลค่าใบแจ้งหนี้ หรือสูงสุด 200 ล้านบาท สำหรับผู้ที่กู้ในช่วง 3 เดือนแรก จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งธนาคารได้ตั้งเป้ายอดธุรกรรมสินเชื่อเอสเอ็มอีเพื่อการส่งออกในปีแรก 6,000 ล้านบาท

สำหรับบริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จะทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้และบริการเรียกเก็บหนี้ของผู้ซื้อในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ส่งออกมีความมั่นใจว่าจะได้รับเงินค่าสินค้าที่ส่งออกเต็มจำนวนอย่างแน่นอน ทั้งนี้บริษัทฯ จะคิดค่าธรรมเนียมบริการค้ำประกันและเรียกเก็บหนี้ 0.8-1.0% ของมูลค่าใบแจ้งหนี้ (Invoice) ที่เรียกเก็บบริการสินเชื่อเอสเอ็มอีเพื่อการส่งออก จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วยการให้การสนับสนุนด้านเงินทุนอย่างเพียงพอแก่ธุรกิจเอสเอ็มอีของไทย และช่วยเพิ่มความมั่นใจในการบุกเบิกหาลูกค้ารายใหม่ๆ หรือตลาดการค้าในประเทศใหม่เพื่อส่งออกมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงจากการชำระค่าสินค้าและเรียกเก็บหนี้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะในปัจจุบันการส่งออกไปยังตลาดหลักของไทย เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อียู อาเซียน มีการแข่งขันสูง ทำให้คู่ค้ามีอำนาจการต่อรองมาก รวมทั้งยังมีมาตรการการกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ ดังนั้นการบุกเบิกตลาดใหม่จะเป็นช่องทางการส่งออกที่จำเป็นสำหรับเอสเอ็มอีไทยในอนาคต

ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2549 ธนาคารกสิกรไทย มียอดสินเชื่อเอสเอ็มอี 233,831 ล้านบาท และมียอดธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศประมาณ 80,803 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ธนาคารมีเป้าหมายด้านผลิตภัณฑ์และบริการธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศคิดเป็นอัตราการเติบโต 35% จากยอดธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศปี 2548