บลจ.ไอเอ็นจี ตอกย้ำเศรษฐกิจเอเชียสดใส เชื่อพื้นฐานแกร่ง แม้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางกดดัน แนะนักลงทุนระยะยาวทยอยซื้อกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ออล เอเชีย อีควิตี้ มั่นใจแนวโน้มระยะยาวไปต่อ เผยมีทีมงานคุณภาพเกาะติดตลาดโลกใกล้ชิด พร้อมปรับแผนลงทุนทันท่วงที
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด-กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์การลงทุนในกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย ออล เอเชีย อีควิตี้ ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชียว่า แม้ว่าขณะนี้ตลาดหุ้นในเอเชียจะปรับตัวลดลงตามเหตุการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและเลบานอน รวมถึงการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งผลักดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แต่การลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ออล เอเชีย อีควิตี้ ยังคงอยู่ในระดับที่ถือว่าน่าพอใจ
โดยล่าสุด มูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุนคำนวณเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 10.0256 บาท ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมของกองทุนอยู่ที่ 728.35 ล้านบาท
“หากพิจารณาจากตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างผันผวนมาก แต่มูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยหรือเอ็นเอวีต่อหน่วยกลับเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ โดยเอ็นเอวีต่อหน่วยต่ำสุดที่ระดับ 9.8837 บาทเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2549 และขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 10.2529 บาทเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2549 ซึ่งเป็นการแกว่งตัวที่ไม่มากสะท้อนถึงการกระจายการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ และจากการตรวจสอบภาพรวมของกองทุนล่าสุด พบว่ายังไม่มีนักลงทุนขายคืนหน่วยลงทุน ขณะที่การเข้าลงทุนใหม่ก็ชะลอลงด้วย ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเพราะนักลงทุนยังคงกังวลกับเหตุการณ์ตึงเครียดในต่างประเทศ” นายจุมพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกแล้ว เศรษฐกิจเอเชียยังคงมีแนวโน้มที่สดใสกว่ายุโรปและอเมริกา ซึ่งจากการคาดการณ์ของสำนักวิจัยหลายแห่งต่างก็มองสอดคล้องกันว่า เศรษฐกิจเอเชียไม่นับรวมประเทศญี่ปุ่น จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับ 7% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะลดลงจาก 3.4% ในปีที่แล้วเหลือ 3% เช่นเดียวกับการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะลดลงจาก 6.4% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปีก่อน เหลือ 5.2% ต่อจีดีพี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการการบริโภคที่ยังเติบโตต่อเนื่อง
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ออล เอเชีย อีควิตี้ ลงทุนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของพอร์ตนั้น ขณะนี้เชื่อว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น ทั้งการบริโภคภายในประเทศ การลงทุน รวมถึงการขยายตัวของสินเชื่อ
“ขณะนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มมีกิจกรรมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้สินเชื่อกับธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งก่อนหน้านี้สถาบันการเงินจะไม่ปล่อยกู้ให้เลย เพราะกังวลในเรื่องเครดิตของผู้กู้ หรือในกรณีของสินเชื่อบ้านก็มีการปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน จากธุรกรรมการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาของสินทรัพย์ก็เพิ่มขึ้นด้วย จึงเชื่อว่าในปีนี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัวได้ 2.5%-3.5% ซึ่งถือว่าค่อนข้างดี โดยแนวโน้มดังกล่าวมีความชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% หลังจากคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0% เป็นเวลานาน และมีการคาดการณ์ด้วยจะปรับขึ้นอีก 0.25% ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งสะท้อนว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวจริงๆ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายการตลาด-กองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี กล่าว
ดังนั้น การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นไปตามความวิตกกังวลจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางในขณะนี้ จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาวที่จะทยอยเข้าลงทุน เนื่องจากเมื่อพิจารณาแนวโน้มในอนาคตแล้ว เชื่อว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียจะยังคงมีทิศทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) มีทีมผู้จัดการกองทุนของกลุ่มไอเอ็นจีที่มีคุณภาพที่จะติดตามสถานการณ์ในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงทันทีหากว่ามีเหตุการณ์ที่เกินกว่าความคาดหมายเกิดขึ้น โดยเฉพาะการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบกับเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันในระดับปัจจุบันที่ 77-78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลนั้น ยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่หากราคาปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทาง บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ก็พร้อมที่จะลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและญี่ปุ่น เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าวอย่างทันท่วงที