ตะลอนทัวร์ร้านโปรดคนดัง กับ “Citibank Top Restaurants Hopping 2006”

จานโปรดเมนูเด็ดสำหรับบางคนอาจหยุดแค่ร้านข้างทาง หรือภัตตาคารสุดหรูสักแห่ง แต่สำหรับบางคนคือการเสาะหาลิ้มลองไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่หากได้เสพความสุขจากรสชาติแล้ว ยังได้ชิมอาหารตาจากบรรยากาศดีๆ แถมเป็นร้านพิเศษที่การันตีโดยเหล่าคนดังด้วยแล้ว คงจะเป็นมื้อที่เพิ่มดีกรีความอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก

บัตรเครดิตซิตี้แบงก์ ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างมีระดับ เอาใจหนุ่มสาวนักชิม ด้วยการตอกย้ำแคมเปญพิเศษ “Citibank Top Favorite Restaurants 2006” มอบส่วนลดตลอดทั้งปีให้กับการมอบความสุขจากการได้ลิ้มลองเมนูอร่อยจากร้านอาหารชั้นนำกว่า 2,800 ทั่วโลก

จากปีที่แล้วรวบรวมร้านเด็ดมาร่วมโครงการสาธิตสูตรลับเฉพาะ ร่วมกับแขกรับเชิญคนพิเศษ มาปีนี้สัมผัสความอร่อยแบบอินไซด์ยิ่งขึ้น กับงาน “Citibank Top Restaurants Hopping 2006” ทริปทัวร์อิ่มอร่อยไปด้วยกันตลอดทั้งวัน จากเหล่าคนดังผู้มีรสนิยม กับเมนูเด็ดขึ้นชื่อที่คัดสรรจากภัตตาคารร้านอาหารกว่า 1,000 ร้าน โดยไกด์ชวนชิมคนพิเศษ เหมียว-อัจฉริยา สินรัชตานันท์ ที่มาพร้อมรถโค้ชเมอซิเดสเบนซ์คันหรูที่พาตะลุยกันแบบมีระดับ

เริ่มต้นด้วยมื้อเที่ยงที่ China Gate ร้านอาหารแดนมังกรที่นอกจากจะได้รสชาติกลมกล่อมแบบไม่เลี่ยนอย่างที่คาดแล้ว ยังได้อาหารตาเป็นของแถมกับรูปแบบการตกแต่งแปลกตาแนวร่วมสมัยสไตล์จีนเซี่ยงไฮ้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นร้านอาหารจีนที่ใหญ่ที่สุดในย่านวิภาวดี เจ้าของเดียวกับขนมสุดฮิต “รอตตี้บอย” โดย พรเพ็ญ อังควานิช ซึ่งออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง พร้อมด้วยแขกคนพิเศษที่อาสามาเป็นนักชิมในมื้อนี้ ได้แก่ สาวสวยดีกรีมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2003 มิกซ์-เจนจิรา เกิดประสพ

เมนูแนะนำในมื้อนี้ เรียกน้ำย่อยด้วย ติ่มซำ, กระเพาะปลาน้ำแดง และ ปูนิ่มผัดพริกเกลือ ที่มี สุริพงษ์ ตันติยานนท์ รองผู้อำนวยการธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์ และ ต่อพันธุ์ ตู้จินดา ผู้อำนวยการฝ่ายประสานงานและสื่อสารองค์กร ธนาคารซิตี้แบงก์ อาสาพาไปชิม

เจนจิรา เกิดประสพ สาวลูกครึ่งไทย-สวีเดน กล่าวว่า “ส่วนตัวมิกซ์เป็นคนสนุกกับการกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารชาติไหน ถ้าเป็นอาหารจีนก็จะชอบติ่มซำ เพราะเป็นเมนูยอดนิยมทั่วโลก แต่ชอบที่สุดคืออาหารไทยกับอาหารอิตาเลี่ยน”

“มิกซ์ว่าเสน่ห์ของอาหารไทยอยู่ที่มีส่วนประกอบหลากหลาย และมีสมุนไพรเกือบทุกเมนู อีกอย่างคนไทยมีสัญชาติญาณในการทำอาหาร มีหัวครีเอทีฟทางด้านนี้ แค่เอาเครื่องปรุงมาผสม กันก็ออกมาเป็นกับข้าวจานอร่อยแล้ว ต่างจากชาวยุโรปเวลาทำอาหารสูตรจะต้องเป๊ะๆ แต่เสน่ห์อีกอย่างที่มิกซ์ชอบมาก ที่อาหารไทยและจีนมีคือ จะให้ความรู้สึกของการแบ่งปัน คือเมื่อยกอาหารมาทุกคนก็สามารถทานร่วมกันได้ ซึ่งสำหรับชาวต่างชาติบางคนมาเห็นการกินแบบนี้เขาจะไม่คุ้น แต่มิกซ์ว่าเป็นวัฒนธรรมการกินที่สนุกดี”

จากนั้นเปลี่ยนบรรยากาศเข้าสู่การจิบชายามบ่าย ดื่มด่ำกับกลิ่นอายการตกแต่งสไตล์อังกฤษ ที่ The Cup อาคารเลค รัชดา ที่ได้ พลอย จริยะเวช นักแปลชื่อดัง เจ้าของผลงานเขียน “หวานจับใจ” มาทำหน้าที่แนะนำของหวานจานโปรด อีกทั้งได้ศิลปินสาว โบ-สุรัตนาวี สุวิพร มาร่วมเอ็นจอยด้วย

พลอย จริยะเวช ย้อนความว่า “เริ่มรู้จักร้านนี้มาตั้งแต่อยู่สาธิตปทุมวัน จนย้ายมาอยู่ที่นี่ ตอนนั้นยังเป็นเด็กก็จะชอบทานขนม มากับคุณพ่อคุณแม่ จนเริ่มแอบมาเองมาแบบเก็บเงินหยอดกระปุก ตอนนั้นก็กลัวๆ กล้าๆ พอโตแล้วถึงรู้ว่าร้านนี้เป็นร้านสไตล์อังกฤษแท้ๆ เมนูบางอย่างเชื่อว่าหากินที่อื่นไม่มี โดยเฉพาะ Rhubarb Crumble ขนมพายที่ใส่ไส้ผัก ซึ่งเราๆ อาจจะสงสัยว่าผักเอามาทำขนมหวานจะอร่อยหรือ แต่ก็ให้รสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยวดี”

งานนี้คุณพลอยเลยสั่งเมนูดังของร้านมาให้ลองกัน อาทิ Peach Crepe (ขนมประเภทเครป), โยเกิร์ต พุดดิ้ง, Scone, Rhubarb Crumble (ขนมพายทำจากผัก) ที่ทานเข้ากันชาดาจีลิ่ง, ชาสตอเบอร์รี่, ชาเลมอน และชาเอิลเกรย์

นอกจากนี้นักแปลชื่อดัง อธิบายอย่างผู้รู้ว่า เทคนิคการดื่มชากับขนมหวานจะให้ได้รสชาติ ต้องเลือกชาและขนมที่เสริมสมดุลกันและกัน เช่นถ้าเราเลือกชารสขมจัดทานกับขนมรสอ่อนก็จะกลายเป็นว่ากลิ่นชาจะกลบความหวานของขนมจนหมด

เธอยกตัวอย่างชนิดชาที่จะเข้ากับขนมบางชนิดดี อาทิ ชาวานิลาและชาขาว เป็นชาที่มีคาเฟอินต่ำ มีกลิ่นอ่อนๆ เหมาะทานกับขนมที่มีส่วนผสมของผลไม้ ส่วนชาจีน เป็นชาที่มีรสขม ใช้ดับกลิ่นคาวได้ดี เหมาะกับขนมที่มีส่วนผสมของไข่เป็นหลัก ขณะที่ชาเขียวจะทานกับขนมฝรั่งไม่ค่อยได้ แต่เหมาะที่จะทานกับอาหารคาวมากกว่า โดยเฉพาะทานกับปลาก็จะช่วยเพิ่มความละมุนละไมให้กับอาหารจานนั้นเป็นอย่างดี
“พลอยมองว่าการดื่มชาสไตล์อังกฤษ มีเสน่ห์ตรงที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ไม่ต้องหรูหราเหมือนกับสไตล์ฝรั่งเศส แต่อาจจะด้วยพอร้านอาหารแบบนี้เข้ามาในเมืองไทยก็มาอยู่บนโรงแรม ก็เลยดูหรูหรา แต่ถ้าเราไปตามบ้านของชาวอังกฤษก็จะรู้ว่าการดื่มชาแบบนี้เป็นอะไรที่ชาวบ้านมาก เหมือนออนล็อคหยุ่นบ้านเรา ให้ความรู้สึกอบอุ่น น่ารัก เรียบง่าย จะคุยกันก็เอาชาหนึ่งกามาตั้งก็อยู่ได้จนจบ”

หลังจากตะลอนมาครึ่งวันก็เบรกพักพุงด้วยบริการคอร์สนวดมือและเท้าที่ DVN SPA ก่อนจะต่อด้วยมื้อเย็นสุดพิเศษกับคู่หูเพื่อนสนิทอย่าง ภัทศา งามจิตสุขศรี และ พลพัฒน์ อัศวประภา กับร้านอาหารอิตาเลี่ยนสุดโปรด Pomodoro โดยเมนูที่สองคู่หูแนะนำเน้นอาหารสุขภาพเป็นหลัก เพราะเห็นว่าทานหนักกันมาทั้งวันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Grilled Selection of Seasonal Vegetable, Rissotto with porcini mushroom and grilled sea bass โดยเฉพาะ Rocket Lobster Salad

พลพัฒน์ อัศวประภา เล่าว่า ปกติชอบสรรหาร้านอาหารถูกปากเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาหารสไตล์ไหนทั้งญี่ปุ่น ไทย จีน โดยเฉพาะอาหารอิตาเลียนดูจะผูกพันเป็นพิเศษ อาจเพราะตอนอยู่นิวยอร์คทำงานกับบริษัทอิตาเลียน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มิลาน ทำให้มีโอกาสเดินทางไปทานอาหารอิตาลีขนานแท้บ่อยๆ

“ผมว่าอาหารอิตาเลียนก็เหมือนกับอาหารจีน จนมีคนบอกว่าเป็นจีนตะวันตก เพราะเขาให้ความสำคัญและพิถีพิถันในการปรุงอาหาร เหมือนสูตรแม่สอนมา แต่คนไทยมักติดมองว่าเป็นอาหารหรูหรา แต่ถ้าเราไปดูพื้นฐานของมันก๊จะเห็นว่าเป็นอะไรที่พื้นบ้านมาก จะมีพิเศษก็ตรงที่ Truffle ซึ่งเป็นเห็ดที่มีราคาแพงมาก เนื่องจากหายาก บางชนิดราคากิโลละเป็นแสนก็มี ซึ่งวันนี้เราอาจจะไม่ได้ทาน แต่จะได้สัมผัสกลิ่นจากน้ำมันที่สกัดจาก Truffle ซึ่งจะใส่ใน Grilled Selection of Seasonal Vegetable”

ขณะที่เพื่อนคู่ซี้อย่าง ภัทศา งามจิตสุขศรี บอกว่า “กลายเป็นคนช่างทานเพราะเพื่อนคนนี้เป็นคนยุ แต่ส่วนตัวก็ชอบทำอาหารเป็นทุนอยู่แล้ว คือจะมีความสุขกับการได้ทำอาหารให้กับคนในครอบครัวทาน และก็พยายามเลือกอาหารที่มีประโยชน์ สำหรับวันนี้ก็จะแนะนำเมนูทีเป็นผักเสียส่วนใหญ่ อย่าง Rocket Salad ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่ชอบกินผัก ต้องไม่ผิดหวัง เพราะนอกจากไม่อ้วนแล้ว ยังได้ประโยชน์ด้วย เพราะผัก Rocket ช่วยลดคอเรสตอรอลแล้ว ยังเสริมธาตุเหล็กอีกด้วย”

ปิดท้ายทัวร์ชิมมาทั้งวัน กับคาราโกะสุดหรรษา ที่ Cenico Karaoke (เซ็นซิโอ คาราโอเกะ) โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งก่อนจะคว้าไมค์สลายไขมัน ก็ได้ชมการสาธิตการทำปอเปี๊ยะสดต้นตำรับเวียดนามแท้ๆ จาก เชฟ เหวียน ถิ เฟือง มาย แห่งห้องอาหาร เลอ ดานัง และ สาธิตการทำพาสต้าสูตรพิเศษ เชฟ จานลูก้า เพททรอนเจลลิ จากห้องอาหารดอน จิโอวานนี

วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวถึงการคัดสรรร้านอร่อยที่เข้าร่วมรายการว่า ที่ผ่านมาเราพยายามตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้านไลฟ์สไตล์มาตลอดจากการจัดกิจกรรมรูปแบบนี้มากกว่า 8-9 ปี ด้วยการมอบส่วนลดทั้งปีหลายหลากรายการ โดยเฉพาะร้านอาหารที่แต่ละปีก็จะมีเทรนด์ความนิยมแตกต่างกันไป

“จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้บัตรของลูกค้า รวมถึงร้านค้าที่เปิดขึ้นมาใหม่ๆ ทำให้เรามองเห็นความนิยมของร้านอาหารอย่างหลายปีที่แล้ว ร้านอาหารญี่ปุ่น ก็จะฮ็อต เพราะกระแสรักสุขภาพ และละครญี่ปุ่นที่กำลังมาแรง ปีที่แล้วก็จะเป็นร้านอาหารเกาหลี จากกระแสละครเช่นกัน มาปีนี้ก็จะเป็นแนวอาหารฟิวชั่น ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ China Gate ทั้งรสชาติและการตกแต่งที่เป็นแบบผสมผสาน ซึ่งจะสังเกตได้ว่าไลฟ์สไตล์ของลูกค้าจะชอบร้านอาหารอร่อย และมีบรรยากาศดีไปด้วยกัน”

ซิตี้แบงก์มอบโอกาสและความสุขให้ทุกคนได้สัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ ในการรับประทานอาหาร เลือกอร่อยกับเมนูอาหารแบบไม่ซ้ำ กับคนรู้ใจ ครอบครัว หรือเพื่อนสนิท ตลอด 365 วัน พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 30% จนถึง 31 มีนาคม 2550 จากร้านอาหารชั้นนำ อาทิ S&P, The Cup, Greyhound Caf?, สีฟ้า, แบล็คแคนยอน, เฝอ, บาย กัลปพฤกษ์, คาเฟ่ ชิลลี, ลาวิลล่า, โกลด์ คิทเช่น, ชินาโนยะ รวมทั้งร้านอาหารในโรงแรมชั้นนำ อาทิ โรงแรมดุสิตธานี, โรงแรมโฟร์ซีซั่น, โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน, โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซ่า กรุงเทพฯ เป็นต้น

สามารถสอบถามร้านอาหารและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในแคมเปญ “Citibank Top Favorite Restaurants 2006” ได้ที่ 1588 หรือ www.citibank.co.th

แล้วคุณจะได้อร่อยทุกวันชนิดไม่ซ้ำร้าน ไม่ซ้ำรสกันเลยทีเดียว!

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
เพียงเพ็ญ พรายแสง 0 1860 8225, พาพร ตั้งตรงจิตร 0 1406 6091, สุภาวดี ตันติพงศ์วศิน 0 1508 0192
โทร 0 2381 4078 แฟกซ์ 0 2381 4076