เครื่องดื่มเกลือแร่ปี’49 : กระแสรักสุขภาพ…กระตุ้นตลาดโต

จากกระแสการตื่นตัวของคนไทยที่หันมาให้ความสนใจทางด้านสุขภาพ รวมทั้งการสนับสนุนและส่งเสริมของภาครัฐก่อให้เกิดการตื่นตัวเล่นกีฬาและออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ สนามกีฬา และสถานออกกำลังกายฟิตเนสต่างๆที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันในปี 2549 ยังมีการแข่งขันกีฬารายการสำคัญอย่างฟุตบอลโลกยิ่งเป็นการกระตุ้นให้คนไทยหันมาสนใจเล่นกีฬามากขึ้น ประการสำคัญการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ทั้งที่อยู่ในกลุ่มเครื่องดื่มเกลือแร่และสินค้าทดแทนก็ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหามาตรการส่งเสริมการขายมาแข่งขันกันซึ่งยิ่งเป็นการกระตุ้นตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ให้คึกคักมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มีมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท และมีการเติบโตทางด้านมูลค่าประมาณร้อยละ 10-15 ต่อปี อย่างไรก็ตามผลจากการแข่งขันที่เริ่มรุนแรงมากขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวรับมือด้วยการพัฒนารสชาติและบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งวัยเรียนและวัยทำงานที่มีบทบาทมากขึ้นในตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ ในขณะเดียวกันก็ควรขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขายและลดต้นทุนต่อหน่วยให้ลดลง

เครื่องดื่มเกลือแร่ (Sports Drink หรือ Electrolyte Drink) เป็นเครื่องดื่มที่ประกอบไปด้วยน้ำ และส่วนผสมแร่ธาตุต่างๆที่จำเป็นต่อร่างกายอาทิ โซเดียม โปตัสเซียม น้ำตาลกลูโคสหรือซูโครส และคลอไรด์ เป็นส่วนประกอบ และถือเป็นเครื่องดื่มที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องสูญเสียเหงื่อและต้องการความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าภายหลังจากการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา และผู้ที่ทำงานหนัก ทั้งนี้จากข้อมูลของกรมสรรพสามิตพบว่า ปริมาณการจำหน่ายเครื่องดื่มเกลือแร่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 46.6 ล้านลิตรในปี 2546 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 61.3 ล้านลิตรในปี 2547 และ 92.4 ล้านลิตรในปี 2548 ในขณะที่ในช่วง 5 เดือนแรกปี 2549 ปริมาณการจำหน่ายเครื่องดื่มเกลือแร่มีทั้งสิ้น 50.7 ล้านลิตรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีปริมาณการจำหน่าย 28.4 ล้านลิตรคิดเป็นร้อยละ 78.5 เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่สนใจเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มากขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้ได้รับอนุญาตผลิตเครื่องดื่มเกลือแร่จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งสิ้น 25 ราย ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ประกอบการเครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีบทบาทครองส่วนแบ่งสูงในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมในกลุ่มเครื่องดื่มอาทิ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง อยู่แล้ว และต้องการเพิ่มความหลากหลายทางด้านสินค้าให้มีมากขึ้นเพื่อขยายตลาดโดยอาศัยข้อได้เปรียบทางด้านประสิทธิภาพการกระจายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่ายที่มีเครือข่ายทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่สปอนเซอร์ของ บริษัท ที.ซี. ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด เครื่องดื่มเอ็มสปอร์ตของบริษัท โอสถสภา จำกัด และเครื่องดื่มเกเตอเรด ที่ผลิตโดย บริษัท เอส.พี.เอ็ม อาหารและเครื่องดื่ม จำกัด และจัดจำหน่ายโดยบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เกิดจากกระแสของความใส่ใจด้านสุขภาพของคนไทยที่ขยายตัวออกไปยังกลุ่มคนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอันเป็นผลมาจากปัญหาทางด้านสุขภาพร่างกาย ปัญหาความเครียด ทำให้ประชาชนหาวิธีที่จะเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายมากขึ้น รวมไปถึงการเข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนของภาครัฐที่ต้องการให้คนไทยมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัย เพื่อลดภาระทางด้านงบประมาณการรักษาพยาบาลลงจึงมีการจัดงบประมาณและกิจกรรมกระตุ้นให้คนไทยหันมาออกกำลังกายมากขึ้น ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2547 พบว่าจำนวนประชากรที่มีอายุ 11 ปีขึ้นไปที่ออกกำลังกายมีถึงประมาณ 15.6 ล้านคน โดยส่วนใหญ่จะเล่นกีฬาประมาณ 7.9 ล้านคน วิ่ง 2.8 ล้านคน แอโรบิค 2.1 ล้านคน เดิน 1.8 ล้านคน และฟิตเนส 0.3 ล้านคน โดยผู้ที่ออกกำลังกายส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 25-59 ปีเป็นส่วนใหญ่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43.0 ช่วงอายุระหว่าง 15-24 ปีสัดส่วนร้อยละ 30.9 และช่วงอายุระหว่าง 11-14ปี มีสัดส่วนร้อยละ 8.7 ทั้งนี้เหตุผลที่ประชาชนหันมาออกกำลังกายก็เพื่อต้องการให้ร่างกายแข็งแรงคิดเป็นร้อยละ 70.1 เพื่อนชวน ร้อยละ 8.7 และมีปัญหาสุขภาพร้อยละ 5.2 ซึ่งจากปัจจัยดังที่กล่าวส่งผลให้ความต้องการบริโภคเครื่องดื่มที่ส่งผลดีต่อสุขภาพมีมากขึ้นโดยเฉพาะเครื่องดื่มเกลือแร่ซึ่งเหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทยที่ร้อนทำให้ร่างกายต้องสูญเสียเหงื่อจากการทำกิจกรรมต่างๆมากขึ้นกว่าปกติ

สำหรับกลยุทธ์การตลาดของเครื่องดื่มเกลือแร่นั้น เนื่องจากสินค้าจะอยู่ในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ของเครื่องดื่มเกลือแร่ รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมทางด้านการออกกำลังกายและการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดซึ่งมีจำนวนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่หันมาให้ความสนใจเล่นกีฬาและออกกำลังกายเป็นจำนวนมาก อาทิ การแข่งขันฟุตบอล บาสเก็ตบอล การแข่งขันวิ่งทางไกล การแข่งขันจักรยานทางไกล ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากที่สุด ในขณะที่การใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆแต่เดิมยังมีการใช้ไม่มากนักเนื่องจากการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ เริ่มกลับมามีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นอันเป็นผลจากการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มเกลือแร่เองและการเข้ามาแย่งตลาดของกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มที่ทดแทนกันเช่นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวิตามินและเกลือแร่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มเกลือแร่เริ่มจัดรายการชิงโชคแจกแถมของรางวัลรวมทั้งการเพิ่มงบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดเด่นทางด้านเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่รองรับผู้บริโภคในกลุ่มผู้เล่นกีฬา ออกกำลังกายและผู้ใช้แรงงานที่สูญเสียเหงื่อที่นับวันจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่เองก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ผู้ประกอบการเครื่องดื่มเกลือแร่เผชิญและต้องเร่งแก้ไขซึ่งสรุปได้ดังนี้

1.การแข่งขันที่รุนแรง/ ผลจากการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ที่สูงต่อเนื่องประกอบกับตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่มีบทบาทในตลาด ส่งผลให้มีผู้ประกอบการเครื่องดื่มเกลือแร่รายใหม่ๆรวมทั้งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มประเภทต่างๆหวังเข้ามาแย่งตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มากขึ้น อาทิ เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมเกลือแร่และวิตามิน ซึ่งเป็นสินค้าที่มีจุดเด่นคือมีกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายหลากหลาย รวมทั้งความถี่ในการดื่มที่สูงเนื่องจากไม่ได้มุ่งเน้นกลุ่มผู้เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเท่านั้น ในขณะที่เครื่องดื่มเกลือแร่ยังเป็นสินค้าที่ภาครัฐควบคุมดูแลอยู่โดยตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 195 กำหนดให้เครื่องดื่มเกลือแร่เป็นอาหารที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน และกำหนดให้ผู้ผลิตต้องแสดงรายละเอียดบนบรรจุภัณฑ์เกี่ยวกับปริมาณการดื่มที่รวมกันทุกขนาดบรรจุไม่ควรเกินวันละ 1 ลิตร ประกอบกับการมีภาพลักษณ์สินค้าที่เหมาะสำหรับผู้สูญเสียเหงื่อจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเป็นหลักทำให้เป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นความถี่ในการบริโภคของเครื่องดื่มเกลือแร่พอสมควร

2.การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต แม้ว่าปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่จะมีการเติบโตทางด้านมูลค่าตลาดถึงประมาณร้อยละ 10-15 ต่อปี แต่เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นต้นทุนค่าจ้างแรงงาน ต้นทุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของตนเอง ต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ทั้งขวดแก้วและกระป๋อง ในขณะที่การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการเครื่องดื่มเกลือแร่และสินค้าทดแทนที่ทวีความรุนแรง ส่งผลให้การปรับขึ้นราคาสินค้าให้เหมาะสมกับต้นทุนการผลิตทำได้ลำบาก ตรงข้ามผลจากการแข่งขันที่เริ่มรุนแรงยังทำให้ผู้ประกอบการบางรายจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์เพิ่มปริมาณสินค้าและจำหน่ายในราคาเท่าเดิมเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดอีกด้วย

ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่มีในตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่โดยเฉพาะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ประกอบการควรมีการพัฒนาและปรับปรุงรสชาติและบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า รวมทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัยเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ทั้งวัยรุ่นและวัยทำงานที่ชอบออกกำลังกาย ในขณะเดียวกันก็ควรส่งเสริมความรู้ความเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของเครื่องดื่มเกลือแร่ให้มากขึ้นเพื่อให้ตลาดกระจายไปสู่กลุ่มที่ออกกำลังกายและเล่นกีฬาที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้า ทั้งนี้การเพิ่มจำนวนผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่มากขึ้นจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเครื่องดื่มเกลือแร่ลดลง เนื่องจากปริมาณการผลิตที่มาก ประการสำคัญคือผู้ประกอบการควรหันไปให้ความสนใจขยายตลาดไปสู่การส่งออกซึ่งแม้ว่าจะยังมีปริมาณการส่งออกไม่สูงนักแต่หากพิจารณาถึงอัตราขยายตัวในแต่ละปีที่มีสูงอย่างต่อเนื่องก็นับเป็นตลาดที่ไม่ควรมองข้ามในภาวะที่การแข่งขันของตลาดในประเทศเริ่มรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้จากข้อมูลของกรมสรรพสามิตพบว่าปริมาณการส่งออกเครื่องดื่มเกลือแร่ของไทยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับจาก 1.5 ล้านลิตรในปี 2546 เพิ่มขึ้นมาเป็น 2.3 ล้านลิตรในปี 2547 และ 3.7 ล้านลิตรในปี 2548 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 57.1 ต่อปี ส่วนในช่วง 5 เดือนแรกปี 2549 ปริมาณการส่งออกเครื่องดื่มเกลือแร่มีทั้งสิ้น 3.3 ล้านลิตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 132.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ตลาดส่งออกเครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีแนวโน้มสดใสได้แก่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนที่ไทยมีความได้เปรียบสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีรวมทั้งต้นทุนค่าขนส่ง ในขณะที่ตลาดสหรัฐฯอเมริกาและสหภาพยุโรป รวมทั้งประเทศอื่นๆนั้นเครื่องดื่มเกลือแร่ของไทยยังคงจำเป็นต้องใช้ความพยายามสูงหากต้องการเข้าไปขยายตลาด เนื่องจากปัจจุบันตลาดเหล่านี้มีผู้ประกอบการเครื่องดื่มเกลือแร่รายใหญ่ของโลกที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ ดังนั้นในระยะเริ่มต้นการสร้างฐานการตลาดในกลุ่มเพื่อนบ้านใกล้เคียงให้สินค้าเป็นที่นิยมแพร่หลายจะเป็นช่องทางขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่นๆในระยะต่อไป

กล่าวโดยสรุปแล้ว ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ มีแนวโน้มเติบโตสูงเนื่องจากการที่ประชาชนหันมาให้ความสนใจเล่นกีฬาและออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้จะนิยมเครื่องดื่มที่ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างไรก็ตาม ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ก็กำลังถูกท้าทายจากสินค้าทดแทนซึ่งอยู่ในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทอื่นๆที่เข้ามาแย่งตลาดเพิ่มขึ้น โดยมีสร้างจุดเด่นคือสามารถบริโภคได้ทุกช่วงโอกาสไม่ว่าจะเสียเหงื่อหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นผู้ประกอบการเครื่องดื่มเกลือแร่ที่อยู่ในตลาดปัจจุบันคงต้องเพิ่มกลยุทธ์และมาตรการทางการตลาดเพิ่มขึ้นเพื่อคงบทบาทและรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ต่อไป