หลังจากที่ค่าย “สิงห์” ได้เคยส่ง “ซันโว” ลงตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มาแล้วในปี 2556 โดยที่เปิดตัวพร้อมพรีเซ็นเตอร์ “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยขวัญใจคนไทย ถือว่าเป็นการลงมาสร้างสีสันให้ตลาดเกลือแร่อยู่พอสมควร เพราะที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ไม่ได้หวือหวาเท่าไหร่นัก การแข่งขันหลักอยู่ที่ 2 แบรนด์ใหญ่อย่างสปอนเซอร์และ เอ็มสปอร์ต
จากการโหมกระหน่ำสร้างแบรนด์ในช่วง 2 ปีแรกของซันโวก็เป็นผล เพราะสามารถกินส่วนแบ่งทางการตลาดมาได้เกือบ 10% จากตลาดรวม 4,500 ล้านบาท ซึ่งเบอร์หนึ่ง 80% ยังคงเป็นสปอนเซอร์จากค่ายกระทิงแดง และเบอร์สอง 12% เป็นเอ็มสปอร์ตจากค่ายโอสถสภา
แต่มาร์เก็ตแชร์ที่ได้มาเกือบ 10% ก็ยังไม่สมใจทางสิงห์เสียเท่าไหร่ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงนั้นต้องไม่ใช่ “ผู้ตาม” แต่คือการขึ้นเบอร์สองเป็น “ผู้ท้าชิง” พร้อมกวาดแชร์ 20% ในปีนี้ให้ได้ ยุทธศาสตร์หลักจึงต้องเดินเกมรุกอย่างรุนแรง ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ครอบคลุมทั้ง “การตลาด” “สินค้า” และ “ช่องทางการจัดจำหน่าย”
โดยที่ไฮไลท์อยู่ที่การดึง “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ประกบคู่ “บัวขาว” พรีเซ็นเตอร์คู่บุญตั้งแต่สร้างแบรนด์ ซึ่งจะเป็นการขยายฐานลูกค้าไปกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น จากเดิมที่ภาพของบัวขาวจะอยู่ในกลุ่มนักกีฬามากกว่า
ณัฐวิทย์ กัณฐศากุล ผู้จัดการฝ่ายช่องทางจัดจำหน่ายแบรนด์ซันโว บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า คาแรคเตอร์ของติ๊ก เจษฎาภรณ์มีความเป็นแมสที่เข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม ในขณะที่คาแรคเตอร์ของบัวขาวจะได้ภาพของนักกีฬามากกว่า การนำมาเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่ถือเป็นคู่ที่ลงตัว และติ๊ก เจษฎาภรณ์จะช่วยในการขยายกลุ่มลูกค้าไปกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มคนเมืองมากขึ้น ซึ่งก็เป็นการเพิ่มยอดขายด้วยเช่นกัน และเป็นการต่อยอดจากแคมเปญกาลาปากอสของสิงห์ที่ติ๊กเขามีส่วนร่วมด้วย ถือเป็นการเชื่อมโยงแบรนด์ซึ่งกันและกันระหว่างซันโวและสิงห์”
ณัฐวิทย์ เป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ที่ทำงานกับสิงห์มาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว อยู่ในส่วนของธุรกิจนอน-แอลกอฮอล์ ซึ่งล่าสุดได้มาดูแลแบรนด์ซันโวเต็มตัวในส่วนของช่องทางการขาย ที่มีเป้าหมายจะผลักดันให้ซันโวเข้าถึงช่องทาง “เทรดดิชั่นนอล เทรด” มากขึ้น เพราะเป็นหัวใจสำคัญของสินค้าเครื่องดื่มเกลือแร่ที่จำหน่ายผ่านช่องทางนี้ถึง 80% จากที่ผ่านมาวางจำหน่ายได้ 30-40% ของพื้นที่ขายทั้งหมด โดยเริ่มต้นจากโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อก่อน ส่วนเทรดดิชั่นนอล เทรดเข้าถึงเพียง 50% จากร้านโชห่วยทั่วประเทศกว่า 2 แสนร้านค้า ตั้งเป้าจะต้องเข้าให้ครอบคลุม 80% ภายในปีนี้
พร้อมทั้งเพิ่มหน่วยรถขายเคลื่อนที่ “ซันโว โมบาย” ที่เป็นทั้งรถกระจายสินค้า และจัดกิจกรรมทางการตลาด เพื่อให้เข้าถึงชุมชนได้มากที่สุด ซึ่งซันโว โมบายจะมาทำลายข้อจำกัดของรถกระจายสินค้าของสิงห์ที่ไม่สามารถเข้าถึงบางสถานที่ได้ เช่น โรงเรียน ปัจจุบันมีทั้งหมด 30คัน และ “สาวซันโว” อีก 60 คน ตั้งเป้าจะต้องมีซันโว โมบายจังหวัดละ 1 คันภายในปีนี้
สำหรับสินค้า จากเดิมที่ซันโวมี 2 รสชาติคือ สีเหลือง และสีแดง ในปีนี้จะให้น้ำหนักกับรสชาติใหม่ “บลู พันซ์” หรือซันโว สีฟ้ามากขึ้น ที่เพิ่งวางตลาดไม่นานนัก เพราะจะเป็นตัวสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด เพราะแบรนด์อื่นไม่มีรสชาตินี้ ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายยังคงเป็นสีเหลือง 60% สีแดง 20% และสีฟ้า 20% แต่ในปีนี้จะดันสีฟ้าขึ้นมาเป็น 30% ให้ได้
ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวเสริมว่า ถ้าเราทำรสชาติแต่สีเหลืองอย่างเดียว เราสู้เขาเหนื่อยแน่นอน เพราะเจ้าอื่นก็มีกันหมด เบอร์หนึ่งก็แข็งแกร่ง แต่เราสู้เอางบไปลงทุนทำสีอื่นออกมาเพื่อสร้างกิมมิคดีกว่า สร้างความแตกต่างในตลาด สร้างทางเลือกให้ผู้บริโภค
“สปอนเซอร์” ไม่น้อยหน้า คว้า “เมสซี่เจ” นำทัพแข้งไทย ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์
หลังจากที่ซันโวได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ดูโอไปแล้ว เบอร์หนึ่งอย่าง “สปอนเซอร์” ไม่ยอมนั่งให้บัลลังก์สะเทือนอยู่อย่างเดียวแน่นอน ได้เตรียมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สุดฮ็อตแห่งวงการลูกหนัง “เมสซี่เจ” หรือชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย นำทัพนักเตะ กวิน ธรรมสัจจานันท์, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, สารัช อยู่เย็น, อดิศักดิ์ ไกรษร และโค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่มาพร้อมแคมเปญใหม่ “ท้าทายทุกขีดจำกัด”
ซึ่งสปอนเซอร์เองปกติเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬา หรือการฝึกซ้อมให้นักกีฬาอยู่แล้ว ไม่ได้ใช้กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์บ่อยมากนัก ล่าสุดคือตั้งแต่ปี 2552 ที่ใช้ศิลปินวง “เคโอติก” เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อขยายฐานสู่กลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น
โดยที่ทางสปอนเซอร์ได้มีการจัดกิจกรรมในเฟซบุ๊คก่อน เป็นการให้ทายภาพพรีเซ็นเตอร์ในภาพว่าคือใคร เพื่อชิงของรางวัล ทั้งนี้จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้