จากคำรายงานของสื่ออเมริกัน แหล่งข่าววงในระบุว่าเจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่างแอปเปิล (Apple) กำลังวางแผนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ผู้ใช้ต้องชาร์จแบตเตอรี่หรือ Electric Vehicle (EV) เต็มตัวในปี 2020 สิ่งที่หลายคนรอดูคือแอปเปิลจะสามารถสร้าง”รถแบรนด์ตัวเอง”ในเวลา 5 ปีได้จริงหรือ? ในเมื่ออุตสาหกรรมรถยนต์เคยมีการประเมินกันไว้ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีประสบการณ์ยังต้องใช้เวลาราว 5-7 ปีในการพัฒนารถยนต์รุ่นเดียว
สำหรับผู้ผลิตที่ไม่มีประสบการณ์ การเริ่มต้นพัฒนารถยนต์จากศูนย์อาจต้องใช้เวลานานนับ 10 ปี เนื่องจากรถยนต์ถูกยกให้เป็น ”เครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีซึ่งซับซ้อนมาก”
การตอบคำถามว่าแอปเปิลจะทำได้ตามเป้าหมายผลิตรถใน 5 ปีได้หรือไม่นั้นต้องดูที่ความพร้อมของทีมงานแอปเปิล วันนี้สื่อต่างประเทศจึงรายงานว่าแอปเปิลเดินหน้าทุกวิถีทางในการดึงตัวหัวกะทิวงการรถยนต์และวงการอิเล็กทรอนิกส์ จนล่าสุดแอปเปิลถูกบริษัทผลิตแบตเตอรี่ในรัฐแมสซาชูเซ็ตส์นามว่า “A123 Systems LLC” ฟ้อง โดย A123 เรียกร้องให้ศาลคุ้มครองกรณีแอปเปิลดึงตัวพนักงานไปเพื่อสร้างสินค้าลักษณะเดียวกันอย่างไม่เป็นธรรม
A123 ระบุในคำฟ้องว่าแอปเปิลว่าจ้างทีมงานจาก A123 จำนวน 5 คน ขณะเดียวกันก็ดึงตัวผู้เชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่จำนวนมากจากแอลจี (บริษัท LG Chem Ltd.) รวมถึงซัมซุง (Samsung Electronics Co.), พานาโซนิก (Panasonic Corp.), โตชิบา (Toshiba Corp.) และบริษัทจอห์นสันคอนโทรลส์ (Johnson Controls Inc.)
การดึงทีมงานแบบยกชุดจากบริษัทอื่นเพื่อพัฒนาสินค้าลักษณะเดียวกันถือเป็นเรื่องผิดกฏหมายการค้ายุติธรรมในสหรัฐฯ จุดนี้ A123 ให้รายละเอียดว่าพนักงานที่ถูกดึงตัวไปคือ “มูจีบ อิจาซ (Mujeeb Ijaz)” อดีตวิศวกรจากฟอร์ด (Ford Motor Co.) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแผนกงานวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ให้ A123 โดยหลังจากเริ่มงานกับแอปเปิลในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทีมงานคนอื่นของแผนกวิจัย A123 ก็ถูกดึงตัวไปที่แอปเปิลต่อเนื่อง
รถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท Tesla ที่วางจำหน่ายแล้วในสหรัฐฯ
ไม่เพียง A123 ที่ถูกแอปเปิลดูดดึงพนักงาน ก่อนหน้านี้ซีอีโอบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเทสลา (Tesla) “อีลอน มัสค์ (Elon Musk)” ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่าแอปเปิลเสนอโบนัสมูลค่ากว่า 250,000 เหรียญสหรัฐเพื่อดึงตัวพนักงานเทสลา (ราว 8 ล้านบาท) แถมยังให้เงินเดือนมากกว่าเดิม 60%
ถามว่าทำไมแอปเปิลจึงยอมทุ่มเงิน และตั้งเป้าหมายบีบตัวเองให้สามารถพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าภายใน 5 ปี คำตอบคือ 2 ยักษ์ใหญ่วงการรถไฟฟ้าทั้งเทสลาและจีเอ็ม (General Motors Co.) ล้วนประกาศเป้าหมายว่าปี 2017 จะเป็นปีที่บริษัทสามารถวางจำหน่ายรถไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกล 200 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สนนราคารถคาดว่าจะต่ำกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐด้วย (ต่ำกว่า 1.2 ล้านบาท)
การประกาศนี้สะท้อนว่า ปี 2017 อาจเป็นปีที่รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นสินค้าสำหรับคนกลุ่มใหญ่ (Mass) เมื่อเวลาไม่คอยท่า บริษัทที่มีเงินสดหมุนเวียนในมือมากกว่า 1.78 แสนล้านเหรียญสหรัฐจึงตัดสินใจประกาศเป้าหมายนี้อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร
ที่สำคัญ งบประมาณวิจัยหลายพันล้านในแต่ละปีของแอปเปิลยังกดดันให้แอปเปิลต้องเร่งมือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ทำเงินให้นักลงทุน โดยตัวเลขงบประมาณวิจัยของแอปเปิลในปีที่ผ่านมาสูงถึง 6.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.9 แสนล้านบาท)
ไม่ว่าอีก 5 ปีเราจะได้เห็น “iCar” จากแอปเปิลหรือไม่ แต่ที่แน่นอนคือข่าวคราวของรถไฟฟ้าแอปเปิลจะถูกหยิบยกมารายงานแก่ชาวโลกอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้โดยที่แอปเปิลไม่ต้องเสียเงินโฆษณาแม้แต่แดงเดียว