กสิกรไทยวางเอสเอ็มอียังเป็นเป้าหมายหลักปล่อยกู้ปีหน้า ชูยุทธศาสตร์สร้างความยั่งยืนให้ลูกค้าเก่า รุกลูกค้าใหม่ ออกโครงการ K SME Care เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ SMEs เริ่มแรกตั้งกองทุนเข้าร่วมทุนกับเอสเอ็มอีเป็นธนาคารแรก พร้อมจับมือกับพันธมิตรมืออาชีพให้ความรู้เชิงลึกและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ตั้งเป้าปล่อยกู้ปีหน้าเพิ่ม 20% หรือ 5 หมื่นล้านบาท
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าในปี 2550 ธนาคาร กสิกรไทย จะยังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจากการให้สินเชื่อตามปกติ ธนาคารฯได้จัดตั้งโครงการ K SME Care ที่เป็นความตั้งใจที่จะใช้ทรัพยากรของธนาคารกลับเข้าไปพัฒนาธุรกิจ SMEs ของไทยให้มีความสามารถในการแข่งขัน มีประสิทธิภาพ และเติบโตอย่างยั่งยืน โดยโครงการ K SME Care นี้จะครอบคลุมด้านต่างๆ ดังนี้
Capital
การสนับสนุนด้านเงินทุน เนื่องจากธุรกิจ SMEs มีความต้องการด้านเงินทุนอย่างมาก เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวทางธุรกิจที่รวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม SMEs ไม่สามารถพึ่งพิงแหล่งเงินทุนในรูปแบบของสินเชื่อจากธนาคารฯ เพียงอย่างเดียวเนื่องจากเป็นแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่อธุรกิจ เงินทุนในรูปแบบของส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity Funding) ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกแหล่งหนึ่ง
ธนาคารกสิกรไทยอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการร่วมลงทุน โดยจะให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย (KAsset) ถือหุ้น 100% เพื่อบริหารกองทุน (K SME Venture Capital Fund) ที่มีนโยบายเข้าไปร่วมถือหุ้นในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยกองทุนจะถือหุ้นในเอสเอ็มอีไม่น้อยกว่า 5 ปี ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทยจะเป็นผู้ลงทุนรายแรกในกองทุน ด้วยเงินลงทุนขั้นต้น 200 ล้านบาท ซึ่งการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนนี้จะเป็นครั้งแรกของธนาคารพาณิชย์ไทย และจะเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจ นอกเหนือจากการขอสินเชื่อจากธนาคาร
Advice
เริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี 2550 ธนาคารกสิกรไทยและพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ได้ตกลงที่จะร่วมกันพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อให้คำปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consulting) แก่ SMEs เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ โดยจะมีการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โครงการต่างๆ จะครอบคลุมด้านต่างๆ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการธุรกิจ การจัดการกระบวนการ การบริหารทรัพยากรบุคคล โดยเบื้องต้นได้ร่วมมือกับ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) ที่มีโครงการระบบวินิจฉัยธุรกิจ (Business Competitiveness Diagnosis) เพื่อช่วยผู้ประกอบการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการบริหารจัดการของธุรกิจ เพื่อให้ทราบถึงจุดแข็ง และจุดอ่อนของธุรกิจ เพื่อใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาต่อไป
ธนาคารฯยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาร่วมกับสถาบันที่ปรึกษาต่างๆ เพื่อให้คำปรึกษาแก่ SMEs ในการปรับปรุงการบริหารจัดการธุรกิจ การจัดการกระบวนการต่างๆ ตลอดจนการบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
Research / Market Information
การให้ข้อมูล ความรู้ ตลอดจนข่าวสารใหม่ๆ แก่ลูกค้าผู้ประกอบการของธนาคาร เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจทำธุรกิจ รวมทั้งเพื่อเพิ่มความรอบรู้ และสามารถพัฒนาธุรกิจให้สำเร็จได้ โดยลูกค้าของธนาคารจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลของบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านธุรกิจ และเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมรอบด้าน นอกจากนั้นยังมีข้อมูลข่าวสารจากวารสารรายไตรมาส ที่จัดส่งให้แก่ลูกค้าของธนาคาร พร้อมทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการธุรกิจ SMEs
Education / Training
ธนาคารฯได้ร่วมมือกับสถาบันชั้นนำต่าง ๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อเปิดอบรมให้ความรู้ด้านการจัดการต่างๆ แก่ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ โดยเนื้อหาจะครอบคลุม 5 หมวดหลัก ซึ่งได้แก่ การบริหารจัดการกระบวนการและผลิตภัณฑ์ (Business Process & Productivity Management) การขายและการตลาดแบบบูรณาการ (Integrated Sales & Marketing Management) การเงินและการบริหารความเสี่ยง (Finance & Risk Management) การบริหารทรัพยากรบุคคล (Human Resources Management) ภาษีและการบัญชีสำหรับ SMEs (Tax & Accounting for SMEs)
นายบุญทักษ์กล่าวสรุปว่าภายใต้โครงการ K SME Care นี้ ธนาคารจะมีโปรแกรมออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี 2550 โดยโปรแกรมแรกๆ ที่จะออกมาในไตรมาสแรก คือ K SME Venture Capital Fund ธนาคารฯ มีความมั่นใจว่าโครงการ K SME Care จะทำให้ SMEs มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น มีประสิทธิภาพ เพื่อสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป