กิจการโทรคมนาคมปี 50 : แนวโน้มชะลอตัวลง

ในปี 2549 นั้น ธุรกิจโทรคมนาคมมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในการให้บริการจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. หลายประการ เช่น การกำหนดแผนเลขหมายให้บริการในกิจการโทรคมนาคมแต่ละประเภทซึ่งรวมถึงการเพิ่มเลขหมายการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ การเปิดให้ใบอนุญาตกับกิจการโครงข่ายอินเทอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ การให้ใบอนุญาตใหม่กับกิจการจุดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การให้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีผลต่อการแข่งขันของตลาดให้บริการโทรคมนาคมค่อนข้างมาก นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวทางการตลาดของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เปิดการแข่งขันทางด้านราคาค่าบริการและการนำระบบการคิดค่าเชื่อมโครงข่ายมาใช้ในผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บางราย ก่อนที่ กทช. จะเปิดให้มีการใช้ค่าเชื่อมโครงข่ายอย่างเป็นทางการ โดยเป็นการนำมาใช้เพื่อทดแทนระบบการจ่าย access charge เดิมที่ผู้ให้บริการได้จ่ายเพื่อให้สามารถเชื่อมเครือข่ายระหว่างกันได้ ซึ่งในกรณีนี้ได้นำมาสู่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้ให้เชื่อมต่อโครงข่ายที่เคยได้รับค่า access charge อยู่ก่อนแล้วกับผู้ให้บริการที่จะขอเชื่อมต่อโครงข่าย และอาจนำไปสู่การพิจารณากรณีแปรสัญญาสัมปทานการให้บริการโทรคมนาคมที่เคยเป็นประเด็นถกเถียงกันมาแล้วเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา
แม้ว่าในช่วงปี 2550 นั้นปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและราคาน้ำมันอาจไม่ส่งผลกระทบตอภาวะการดำรงชีพของผู้บริโภคมากนัก แต่ปี 2550 ก็นับเป็นปีท้าทายสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในประเทศอาจจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านการเปลี่ยนแปลงของกฏระเบียบในการให้บริการ การแข่งขันที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อมีผู้ให้บริการรายใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น ในขณะที่แนวโน้มของตลาดค่อนข้างทรงตัว หรือมีการเติบโตของจำนวนของจำนวนผู้ใช้ใหม่ค่อนข้างน้อยกว่าในช่วงที่ผ่านมา
ความแพร่หลายในการใช้บริการโทรคมนาคมในประเทศไทย
บริการโทรคมนาคมในประเทศภายหลังการเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินกิจการในรูปของสัญญาสัมปทานภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐ ก็มีแนวโน้มของการใช้บริการโทรคมนาคมหรือมีการเข้าถึงบริการโทรคมนาคมสื่อสารของประชากรในประเทศก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปัจจุบันการให้บริการโทรคมนาคมนั้นอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของการกำกับดูแลการให้บริการจากภาครัฐไปสู่องค์กรอิสระ หรือ กทช. ที่เข้ามาทำหน้าที่ในการกำกับดูแลการให้บริการโทรคมนาคมในประเทศ การใช้บริการโทรคมนาคมในประเทศไทยก็มีการแพร่หลายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2549 นั้น บริการโทรคมนาคมที่สำคัญของไทยมีประเด็นที่สำคัญดังนี้
1. ด้านการใช้บริการ ความแพร่หลายของบริการโทรคมนาคมในประเทศนั้นเพิ่มสูงขึ้นในปี 2549 โดยเฉพาะบริการที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยเฉพาะบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ต มีแนวโน้มของผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 2549 จะมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านราย หรือ ประมาณร้อยละ 12.3 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างมาก โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 6.5 แสนราย ในขณะที่บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็มีแนวโน้มการเติบโตดี โดยในปี 2549 จำนวนผู้ใช้ใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นอีก 7 ล้านราย ทำให้ยอดรวมของผู้ใช้ในระบบตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้นเป็น 37.8 ล้านเลขหมายหรือประมาณร้อยละ 58.2 ของประชากร ในขณะที่บริการโทรศัพท์พื้นฐานนั้นมีการขยายตัวของการให้บริการค่อนข้างน้อยมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10.46 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
2. ด้านการให้บริการ จำนวนผู้ให้บริการโทรคมนาคมในประเทศนั้น ค่อนข้างมีการเพิ่มจำนวนน้อย เนื่องจากเป็นบริการที่ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบการจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนา หรือ กทช. และในขณะนี้ กทช. กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาและเปิดให้ใบอนุญาตประกอบกิจการได้ในบางประเภท เช่น การให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ อินเทอร์เน็ตเกตย์เวย์ บริการโทรศัพท์พื้นฐาน บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ เป็นต้น อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าการให้บริการโทรคมนาคมของไทยนั้นมีลักษณะกระจุกตัวของการให้บริการอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายในตลาด ทั้งนี้เนื่องจากการให้บริการอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากเดิมที่ให้บริการโดยรัฐวิสาหกิจ มาเป็นการควบคุมดูแลโดยองค์กรอิสระ ทำให้จำนวนผู้ให้บริการมีจำนวนไม่มากนัก นอกจากนี้โดยธรรมชาติของธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมนั้นเป็นกิจการที่ต้องใช้เงินลงทุนประกอบกิจการสูง และทรัพยากรนำมาใช้ในการให้บริการ เช่น คลื่นความถี่มีจำนวนจำกัด ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ได้
3. ด้านการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม ในช่วงปี 2549 นั้น กทช. ได้ออกกฎเกณฑ์การแข่งขันไว้หลายประการที่สำคัญ ดังนี้
– การให้ใบอนุญาตใหม่ กทช. ได้ให้ใบอนุญาตใหม่กับกับกิจการโทรคมนาคมดังนี้
? ใบอนุญาตประกอบกิจการประเภทที่ 1 หรือ กิจการที่ไม่มีโครงข่ายของตนเอง จำนวน 47 ราย โดยแบ่งออกเป็น บริการอินเทอร์เน็ต 44 ราย บริการการ์ดโทรศัพท์ระหว่างประเทศ 3 ราย และ บริการโทรศัพท์สาธารณะ 1 ราย
? ใบอนุญาตประกอบกิจการประเภทที่ 2 หรือ กิจการที่มีโครงข่ายของตนเอง จำนวน 4 ราย คือ International Internet Gateway (IIG) จำนวน 2 ราย และ บริการ Network Provider จำนวน 2 ราย
? ใบอนุญาตประกอบกิจการประเภทที่ 3 หรือกิจการที่มีโครงข่ายของตนเองและให้บริการในเชิงพาณิชย์ จำนวน 4 ราย ได้แก่ Network Provider and Services จำนวน 3 ราย และบริการอินเทอร์เน็ต 1 ราย
– ประกาศว่าด้วยการใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายคมโทรคมนาคม (Interconnection Framework) กทช. ได้ประกาศใช้กฎเกณฑ์การใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ประกาศการใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายนั้นได้กำหนดแทนทางการเชื่อมต่อโครงข่ายระหว่างกิจการโทรคมนาคมแต่ละประเภทและกำหนดให้กิจการโทรคมนาคมสามารถกำหนดอัตราการใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายที่ให้บริการระหว่างกันได้ ซึ่งในปัจจุบันมีการกำหนดอัตราการใช้และเชื่อมโครงข่ายระหว่างผู้ให้บริการเอกชนบางรายเข้ามาใช้บ้างแล้ว โดยอัตราค่าเชื่อมโครงข่ายมีความแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ให้บริการ
– การกำหนดแผนเลขหมายโทรคมนาคม (Numbering Plan) ซึ่งกำหนดเลขหมายที่ไว้สำหรับกิจการประเภทต่างๆ อย่างชัดเจน รวมถึงการเพิ่มจำนวนหลักของโทรศัพท์เคลื่อนที่จาก 9 หลัก เป็น 10 หลักเพื่อขยายเลขหมายสำหรับการให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 300 ล้านเลขหมายเป็นเลขหมายรองรับการขยายตัวของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอีก 30 ข้างหน้า รวมถึงจัดสรรเลขหมายให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการใช้บริการแทนรัฐวิสาหกิจ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้เลขหมายสำหรับเลขหมายที่ใช้บริการและไม่มีการใช้บริการด้วย
– การกำหนดอัตราขั้นสูงของค่าบริการและการเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้า กทช. กำหนดวิธีการคำนวณค่าบริการขั้นสูงให้กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมแต่ละประเภทโดยรวบรวมเป็นข้อมูลให้กับกทช. ในการพิจารณาค่าบริการขั้นสูงต่อไป โดยฐานการกำหนดค่าบริการจะมาจากต้นทุนการให้บริการของผู้ให้บริการแต่ละราย ส่วนการเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้านั้นห้ามผู้ให้บริการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการก่อนล่วงหน้า
– มาตรการเพื่อป้องกันการผูกขาดและความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน กทช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณากิจการโทรคมนาคมที่เข้าข่ายกิจกรรมที่มีกลักษณะผูกขาด หรือจำกัดการแข่งขันและมาตรการเฉพาะให้กับกิจการดังกล่าว เช่น การสั่งให้กระทำหรือไม่กระทำในการใดๆ เพื่อก่อให้เกิดการผูกขาด การบังคับให้แยกขายบริการ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมค่าบริการใหม่ เป็นต้น
4. ข้อพิพาทในกิจการโทรคมนาคม เนื่องจากบริการโทรคมนาคมของไทยนั้น ยังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านการให้บริการจากเดิมเป็นการให้บริการโดยรัฐวิสาหกิจของรัฐ ให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนในการให้บริการโดยผู้รับสัมปทานมีการจัดส่วนแบ่งรายได้ให้กับรัฐวิสาหกิจเป็นการตอบแทน และรัฐวิสาหกิจของรัฐเองจะเป็นผู้กำหนดแนวทางในการประกอบกิจการเรื่อยมา ต่อมาเมื่อมีการกำหนดให้ กทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระเข้ามากำกับดูแลการให้บริการกิจการโทรคมนาคมแทนรัฐวิสาหกิจ ต้องกำหนดแนวทางการกำกับดูแล การให้ใบอนุญาต ฯ แม้ว่า กทช.จะได้รับการจัดตั้งมาแล้วกว่า 2 ปี แต่เนื่องจากการให้บริการกิจการโทรคมนาคมที่ผ่านมานั้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสัมปทาน ซึ่งมีความแตกต่างกัน ในขณะที่การกำกับดูกิจการโทรคมนาคมของ กทช. นั้นต้องอยู่ในลักษณะการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน จึงทำให้ที่ผ่านมามีการเรียกร้องของเอกชนถึงเรื่องความไม่เท่าเทียมกันของสัญญาสัมปทานที่เคยกำหนดขึ้นในอดีตอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างของความแตกต่างของสัญญาสัมปทานของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละราย เช่น ผู้ให้สัมปทาน จำนวนย่านคลื่นความถี่ที่ได้รับการจัดสรร อายุสัมปทาน สัดส่วนของส่วนแบ่งรายได้ และการจ่าย access charge ที่มีการเรียกร้องให้มีการจ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ดังตารางต่อไปนี้
5 ภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม ในปี 2546 ที่ผ่านมา ครม. ได้มีมติให้มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากกิจการโทรคมนาคม ประเภท โทรศัพท์เคลื่อนที่และโทรศัพท์พื้นฐาน ในอัตราร้อยละ 10 และ ร้อยละ 2 ตามลำดับ โดยให้เอกชนผู้ได้รับสัญญาสัมปทานสามารถนำเงินที่จะต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตไปหักจากส่วนแบ่งรายได้ที่จะต้องจ่ายให้กับเจ้าของสัมปทานได้ โดยในปีงบประมาณ 2548 ที่ผ่านมาภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากกิจการโทรคมนาคมมีมูลค่าถึง 14,071 ล้านบาท และในปี 2549 เพิ่มขึ้นเป็น 14,154 ล้านบาทซึ่งกรณีการหักภาษีออกจากส่วนแบ่งรายได้ที่จะต้องนำส่งนั้นได้กลายมาเป็นข้อพิจารณาถึงความไม่เหมาะสมเนื่องจากผู้ให้สัมปทานจะได้รับรายได้จากส่วนแบ่งรายได้ลดลงและเป็นที่มาของการนำประเด็นเรื่องภาษีสรรพสามิตขึ้นมาพิจารณาว่าจะยกเลิกเงื่อนไขการให้นำภาษีมาหักจากส่วนแบ่งรายได้ซึ่งในกรณีนี้จะทำให้เอกชนผู้ให้บริการจะมีต้นทุนภาษีเพิ่มขึ้นตามอัตราที่กำหนด หรือ มีการเรียกร้องให้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตหรือลดอัตราภาษีให้เหลือ 0 เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ

แนวโน้มของบริการสื่อสารในปี 2550 … การแข่งขันรุนแรง
ในช่วงปี 2550 นั้น แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่คาดว่าจะมีราคาเฉลี่ยต่ำลงกว่าในปี 2549 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าให้ชะลอการขึ้นราคาและช่วยเพิ่มกำลังซื้อและความมั่นใจในการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้สภานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยในประเทศที่น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น การเร่งใช้จ่ายของรัฐบาลในกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเมกะโปรเจ็กหลายโครงการก็มีส่วนสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตามในปี 2550 นั้นก็นับเป็นปีท้าทายสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในประเทศที่อาจจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านกฏระเบียบในการให้บริการ การแข่งขันที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อมีผู้ให้บริการรายใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น ในขณะที่แนวโน้มของการเติบโตของตลาดในกิจการโทรคมนาคมหลายประเภทค่อนข้างทรงตัว หรือมีการเติบโตของจำนวนของจำนวนผู้ใช้ใหม่ค่อนข้างน้อยกว่าในช่วงที่ผ่านมา โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินภาพรวมของตลาดโทรคมนาคมในกิจการที่สำคัญดังต่อไปนี้

? โทรศัพท์พื้นฐาน การขยายตัวของหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐานนั้ยังมีแนวโน้มการเติบโตของเลขหมายค่อนข้างน้อย แม้ว่าจะมีความต้องการมาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวขึ้นและการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศ แต่ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็ได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของโทรศัพท์เคลื่อนที่และการปรับลดค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่จนมีอัตราที่ต่ำกว่าการให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานค่อนข้างมากและมีการใช้งานที่สะดวก แม้ว่าโทรศัพท์พื้นฐานจะมีส่วนสำคัญในการเป็นช่องทางเชื่อมต่อโครงข่ายอินเทอร์เน็ต แต่การขยายโครงข่ายที่ค่อนข้างกระจุกตัวในเขตเมืองและต้นทุนการขยายสายสัญญาณที่ค่อนข้างสูงนั้นกลับเป็นอุปสรรคที่ทำให้การให้บริการขยายวงกว้างได้ไม่มากนัก นอกจากนี้ความล่าช้าของโครงการโทรศัพท์ 5.6 แสนเลขหมายยิ่งทำให้การขยายตัวของเลขหมายทำให้การเติบโตของจำนวนเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานล่าช้าลงตามไปด้วย ในขณะที่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เป็นธุรกิจแข่งขันนั้นได้มีการพัฒนาทั้งในด้านการบริการและปรับลดค่าบริการลงมาก สำหรับแนวโน้มในปี 2550 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าบริการโทรศัพท์พื้นฐานจะยังคงมีการขยายตัวในระดับต่ำประมาณร้อยละ 1-2 จากปี 2549 โดยมีจำนวนเลขหมายทั้งหมด 6.8 ล้านเลขหมาย
? โทรศัพท์เคลื่อนที่ แม้ว่าในช่วงต้นปี 2549 นั้น มีการคาดการณ์ตัวเลขผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะเติบโตตลอดทั้งปีว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากตลาดที่ค่อนข้างอิ่มตัวแต่การดำเนินแผนการตลาดเชิงรุกของผู้ประกอบการโดยเน้นการกระจายเลขหมายให้กับผู้ใช้บริการในราคาถูกทำให้จำนวนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นในปี 2549 นั้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 7.4 ล้านหมาย โดยมีตัวเลขผู้ใช้บริการสูงถึง 37.8 ล้านเลขหมายหรือประมาณร้อยละ 58.2 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และในปี 2550 นั้น จำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ขยายตัวลดลงนั้น จะส่งผลให้ภาวะการแข่งขันของตลาดมีความเข้มข้นขึ้น โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5 ล้านเลขหมายโดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรวมประมาณ 42.8 ล้านเลขหมาย หรือประมาณร้อยละ 65.8 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ สำหรับการแข่งขันในตลาดนั้นมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากตลาดเติบโตน้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการเข้าสู่ตลาดของโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA ของ กสท. โทรคมนาคม ที่ขยายบริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ยังแข่งขันกับการรักษาฐานลูกค้าในระบบไม่ให้เกิดการไหลไปอยู่ผู้ให้บริการรายอื่นๆ การปรับลดค่าบริการอาจไม่รุนแรงเท่ากับในปี 2549 ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ให้บริการมีการนำระบบการเชื่อมต่อโครงข่ายมาใช้ ทำให้มีต้นทุนการให้บริการขั้นต่ำที่จะต้องชำระและคาดว่าจะเริ่มมีการนำมาใช้ในช่วงต้นปี 2550
? บริการอินเทอร์เน็ต การให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตของจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี เนื่องจากฐานผู้ใช้บริการยังมีจำนวนไม่มากนัก โดยในปี 2549 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 8 ล้านราย และจะเพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านรายในปี 2550 ทั้งนี้ตลาดให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะเป็นตลาดที่มีการตเติบโตดี เนื่องจากมีความต้องการใช้งานมาก โดยได้รับปัจจัยหนุนมาจากอัตราค่าบริการที่มีแนวโน้มต่ำลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้คอนเทนท์หรือเนื้อหาที่ให้บริการทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตทีมีความเร็วมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาวะการแข่งขันการให้บริการมีแนวโน้มค่อนข้างรุนแรงขึ้นตามไปด้วยเนื่องจากมีผู้ให้บริการรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้นภายหลังจากการเปิดให้ใบอนุญาตประกอบการใหม่จาก กทช. นอกจากนี้การเพิ่มผู้ให้บริการเครือข่ายเชื่อมต่อวงจรต่างประเทศ หรือ IIG (International Internet Gateway) นั้นก็ทำให้การเชื่อมต่อกับต่างประเทศของอินเทอร์เน็ตมากยิ่งขึ้นลดการคับคั่งของวงจรที่เป็นเหตุให้อินเทอร์เน็ตมีความล่าช้าเกิดขึ้น
สรุปและข้อคิดเห็น
ความเคลื่อนไหวของธุรกิจสื่อสารในปี 2550 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า บริการสื่อสารบางประเภทคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลง เช่น บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการโทรศัพท์พื้นฐานอัตราการเติบโตของเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานจะอยู่ในอัตราเพียงร้อยละ 1-2 ในขณะที่โทรศัพท์เคลื่อนที่จะมีจำนวนผู้ใช้ขยายตัวขึ้นประมาณร้อยละ 13.2 ในขณะที่บริการอินเทอร์เน็ตนั้นคาดว่า จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12.5 อย่างไรก็ตาม ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจยังได้รับผลต่อเนื่องมาจากการที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) ที่จะกำหนดกฎระเบียบการแข่งขันของธุรกิจมากยิ่งขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การแข่งขันหรือข้อขัดแย้งในเรื่องของสัญญาสัปทาน หรือความล่าช้าในการแก้ไขกฎเกณฑ์การแข่งขันที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการที่กิจการโทรคมนาคมของไทยจะต้องเปลี่ยนมาจากการควบคุมดูแลโดยรัฐวิสาหกิจมาเป็น กทช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการโดยตรงมากนัก กล่าวคือ ผู้ใช้บริการยังคงได้รับการบริการที่ดีขึ้น ค่าบริการโทรคมนาคมกลับมีแนวโน้มถูกลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้วการให้บริการโทรคมนาคมของไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว ความแพร่หลายของการให้บริการของไทยไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมากนัก การกระจายการให้บริการยังอยู่ในลัษณะกระจุกตัว ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยหากเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งหากมีการแก้ไขกฎเกณฑ์การแข่งขันให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ลดการขัดแย้งที่เกิดขึ้นในการให้บริการระหว่างผู้ให้สัมปทานกับผู้รับสัมปทาน ต้นทุนการให้บริการที่ถูกลงแล้ว ก็น่าจะมีผลต่อเนื่องให้การให้บริการโทรคมนาคมของไทยก้าวหน้าเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้