พ่อแม่กระเป๋าหนักควักใช้เงินกว่า 100 ล้าน จ่ายไม่อั้นเพื่อลูก

มหกรรมสินค้าแม่ และเด็ก จบแล้ว เอซคอน (ไทยแลนด์) ประสบความสำเร็จอย่างสูง ในงาน Thailand Baby & Kids Best Buy 2007 มียอดใช้จ่ายกว่า 100 ล้านบาท พ่อแม่จูงมือลูก ๆ ช้อปไม่ต่ำกว่า 200,000 คน สินค้าที่เข้าร่วมงานยินกันทั่วหน้า หลังสนองพฤติกรรมพ่อแม่ยุคใหม่ยังจ่ายหนักเพื่อลูก แถมแนวโน้มสินค้าเด็กดีต่อเนื่อง หลังพ่อแม่ยุคใหม่มีบุตรน้อยลง และใส่ใจในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก

นางขวัญชนก ภควลีธร ผู้อำนวยการประชาสัมพันธ์และฝ่ายขาย บริษัท เอซคอน (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้จัดงาน Thailand Baby & Kids Best Buy 2007 เปิดเผยว่า มหกรรมสินค้าแม่ และเด็กประจำปี 2550 ที่ครบวงจรมากที่สุดของประเทศไทย ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 4 กุมภาพันธ์ 2550 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยบริษัทฯ ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 15 ล้านบาท เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยมียอดใช้จ่ายกว่า 100 ล้านบาท จากนำนวนร้านค้าที่เกี่ยวกับสินค้าแม่ และเด็ก กว่า 200 แบรนด์ (กว่า 20,000 เอสเคยู) จำนวน 200 บู๊ธ เต็มพื้นที่โซนซีของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีผู้ปกครองทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูก ๆ จูงมือร่วมงานไม่ต่ำ 200,000 คน ซึ่งมากกว่าปีก่อน 10 – 20 %

ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมชมงานเป็นอย่างมาก โดยในระยะเวลาการจัดงาน 4 วัน มีผู้ร่วมชมงานถึง 200,000 คน และมียอดใช้จ่ายของพ่อแม่ ผู้ปกครองถึง 65 ล้านบาท สร้างความพอใจให้กับผู้ร่วมแสดงสินค้าภายในงานเป็นอย่างมาก สำหรับผลตอบรับในส่วนของผู้เข้า ร่วมชมงานนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากกิจกรรมภายในงานเน้นไปที่ที่การให้ความรู้และพัฒนาเด็กในรูปแบบต่างๆ พร้อมนำสินค้าราคาพิเศษมาจำหน่ายแก่ผู้สนใจ

พ่อแม่ยุคใหม่ เป็นผู้บริโภคที่ฉลาดเลือก มีการศึกษาในระดับสูง มีการหาข้อมูลความรู้ และความระมัดระวังในการคัดกรองสินค้าให้เหมาะสมกับลูก สินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นพ่อแม่ยุคใหม่จึงต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมีการคิดค้นวิจัย (Innovation) เพื่อที่จะสามารถตอบสนองการใช้งานและความต้องการได้ ทั้งยังต้องสามารถอำนวยความสะดวกในการเลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดี เนื่องจากพ่อแม่ยุคใหม่มีเวลาจำกัดมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้านกันทั้งสองคน ส่วนผู้ที่ประกอบธุรกิจในกลุ่มนี้ก็จำเป็นต้องมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของพ่อแม่ให้ได้มากที่สุด (Offering Product Verities)

สำหรับพันธมิตรที่ร่วมการออกงานในครั้งนี้ ต่างให้มุมมองด้านการเติบโตของสินค้าในกลุ่มแม่และเด็กไว้อย่างน่าสนใจ โดย นายสรพงษ์ ตั้งวิริยโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ม. อมร กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าสำหรับเด็กแรกเกิดประเภท เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มและเครื่องนอนภายใต้แบรด์ PAPA และของใช้สำหรับเด็กแบรด์ FARLIN กล่าวถึงการเติบโตของตลาดสินค้าเด็กว่าเกิดจากการที่พ่อแม่ให้ความรักและความสำคัญต่อลูกมาก ฉะนั้นการเลือกสินค้าที่นำมาใช้กับลูก จึงมีการค้นหาข้อมูลและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม โดยจะเลือกที่คุณภาพมากกว่าราคา

ซึ่งความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับ นายไพฑูรย์ เสถียรภาพอยุทธ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท มุ่งพัฒนา มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบนด์ พีเจ้น ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า พ่อแม่ยุคใหม่ เป็นผู้บริโภคที่ฉลาดเลือก มีการศึกษาสูง มีการหาข้อมูลความรู้ และระมัดระวังในการคัดกรองสินค้าให้เหมาะสมกับลูก สินค้าที่มีกลุ่ม เป้าหมายเป็นพ่อแม่ยุคใหม่จึงต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมีการคิดค้นวิจัย (Innovation) เพื่อที่สามารถตอบสนองการใช้งานและความต้องการได้ ทั้งยังต้องสามารถอำนวยความสะดวกในการเลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดี เนื่องจากพ่อแม่ยุคใหม่มีเวลาจำกัดมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้านทั้งสองคน ส่วนผู้ที่ประกอบธุรกิจในกลุ่มนี้ก็จำเป็น ต้องมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของพ่อแม่ให้ได้มากที่สุด (Offering Product Verities)

ด้าน นางสาวลดารินทร์ นันทาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรี แอล เอ็น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าสำหรับแม่และเด็กแบรด์ Mothercare จากประเทศอังกฤษกล่าวว่านอกจากตลาดสินค้าเด็กจะมีการเติบโตมากแล้ว การแข่งขันในปัจจุบันก็มีสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่การแข็งขันเฉพาะด้านราคาเท่านั้น แต่แข่งกันที่มาตรฐาน ซึ่งสินค้าของ Mothercare นั้นเป็นมาตรฐานเดียวกับของประเทศอังกฤษ จึงมีความปลอดภัยสูง นอกจากนั้นยังสร้างความมั่นใจบริการหลังการขาย โดยพนักงานของบริษัทฯ จะได้รับการอบรมเป็นอย่างดี เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง