นักท่องเที่ยวจากรัสเซียเป็นตลาดท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มทวีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวไทยมากขึ้นตามลำดับ โดยปัจจุบันตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียสามารถสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,200 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาทในปี 2550 อย่างไรก็ตาม การที่นักท่องเที่ยวสาวชาวรัสเซีย 2 คนถูกสังหารอย่างอุกอาจบริเวณชายหาดจอมเทียนกลางดึกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติโดยรวม ไม่เฉพาะนักท่องเที่ยวจากรัสเซียซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติของผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวพัทยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ รวมทั้งภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยโดยรวม
นักท่องเที่ยวรัสเซีย : ใช้จ่ายในไทย….เม็ดเงินสะพัด 1 หมื่นล้านบาท
จากสถิตินักท่องเที่ยวระหว่างประเทศของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า ตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียเติบโตมาอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราเฉลี่ยร้อยละ 27 ต่อปีในช่วงระหว่างปี 2543-2547 จากที่มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพียง 36,574 คนในปี 2542 เพิ่มขึ้นเป็น 118,895 คนในปี 2547 และลดลงร้อยละ 10 เป็น 107,017 คนในปี 2548 ทั้งนี้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิ
สำหรับในปี 2549 ช่วง 10 เดือนแรกตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียมีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 123,551 คนเพิ่มขึ้นร้อยละ 91.6 จากปี 2548 ช่วงเดียวกันที่มีจำนวน 64,482 คน ทั้งนี้ด้วยแรงเกื้อหนุนจากปัจจัยหลายประการ ดังนี้
– ภาวะเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยของรัสเซียจากการส่งออกน้ำมัน ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวรัสเซียนิยมเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้น
– รัสเซียเป็นตลาดท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง และสามารถขายโปรแกรมท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ตั้งแต่ช่วงฤดูหนาว (คือ ระหว่างเดือนกันยายน-มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของตลาดยุโรปโดยรวม) ไปจนถึงช่วงฤดูร้อน (คือ ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนของไทย) โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระยะใกล้ของนักท่องเที่ยวรัสเซีย ซึ่งนิยมการจับจ่ายซื้อสินค้าแบรนด์เนม รวมทั้งชื่นชอบการพักผ่อนตามหาดทรายและชายทะเล
– การเดินทางระหว่างรัสเซียและไทยที่สะดวกขึ้น จากการเพิ่มเที่ยวบินเช่าเหมาลำมายังประเทศไทย และการเปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-มอสโกของการบินไทย รวมทั้งการเปิดเที่ยวบินประจำเข้าไทยในเส้นทางวาลาดิวอสสต็อก-โซล-กรุงเทพฯ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ของสายการบินวาลาดิวอสสต็อกในช่วงปลายปี 2549 หลังจากที่ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำมาหลายปีจนตลาดขยายตัวกว้างขวางพอที่จะให้บริการในลักษณะบินประจำได้
– หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในตลาดรัสเซียอย่างจริงจัง ด้วยการนำผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลต่างๆ อาทิ พัทยา สมุย ภูเก็ต และกระบี่ เดินทางไปโรดโชว์ยังเมืองสำคัญๆในรัสเซียเพื่อขยายตลาดนักท่องเที่ยว
จากปัจจัยเกื้อหนุนดังกล่าว บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี 2549 จะมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นร้อยละ 77 เป็น 190,000 คน และก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศประมาณ 8,200 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 69 จากปี 2548
สำหรับในปี 2550 คาดว่าหากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงใดมากระทบแล้วจะมีนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้ามารวมทั้งสิ้นประมาณ 250,000 คนเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 และก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดในพัทยาและเมืองท่องเที่ยวอื่นๆรวมทั้งสิ้นประมาณ 10,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 22
การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียซึ่งจะเป็นแนวทางในการขยายตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซีย โดยพิจารณาจากสถิตินักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ สามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
– ตลาดนักท่องเที่ยวสตรีเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สัดส่วนของนักท่องเที่ยวสตรีเพิ่มขึ้นตามลำดับ จากร้อยละ 45 ในปี 2539 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 49 ในปี 2548
– ตลาดกลุ่มเที่ยวซ้ำมีบทบาทมากขึ้น จากการคมนาคมระหว่างรัสเซียและไทยที่สะดวกขึ้น เกื้อหนุนให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวซ้ำเติบโตอย่างรวดเร็วและมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นตาม จากร้อยละ 33 ในปี 2539 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 46 ในปี 2548
– ตลาดกรุ๊ปทัวร์มีบทบาทลดลง นักท่องเที่ยวรัสเซียส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาในลักษณะกรุ๊ปทัวร์ เนื่องมาจากปัญหาด้านการสื่อสาร แต่จากการเข้ามาดำเนินธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นของนักธุรกิจชาวรัสเซีย และการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวซ้ำ ส่งผลให้สัดส่วนของนักท่องเที่ยวรัสเซียที่จัดการเดินทางมาเที่ยวกันเองเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 37 ในปี 2539 เป็นร้อยละ 47 ในปี 2548
จากโครงสร้างการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวรัสเซียระหว่างที่พำนักท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทย ซึ่งสำรวจโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สามารถคาดการณ์เม็ดเงินรายได้ที่จะสะพัดไปสู่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของไทยในปี 2550 ได้ดังนี้
? การใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและของที่ระลึกนักท่องเที่ยวในสัดส่วนร้อยละ 27 คิดเป็นมูลค่า
ประมาณ 3,000 ล้านบาท
–
? ค่าใช้จ่ายในด้านที่พักในสัดส่วนร้อยละ 23 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท
? ค่าใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่มในสัดส่วนร้อยละ 17 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,900 ล้าน
บาท
? ค่าบริการนำเที่ยวและพาหนะเดินทางในประเทศในสัดส่วนร้อยละ 15 คิดเป็นมูลค่าประมาณ
1,650 ล้านบาท
? ค่าบริการด้านบันเทิงและสันทนาการต่างๆในสัดส่วนร้อยละ 10 คิดเป็นมูลค่าประมาณ
1,000 ล้านบาท
รัสเซีย : ตลาดท่องเที่ยวหลักของพัทยา
นักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางมายังประเทศไทยนิยมเดินทางมากับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ จากสถิตินักท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เดินทางเข้ามาผ่านสนามบินนานาชาติในปี 2548 พบว่า นักท่องเที่ยวรัสเซียร้อยละ 75 บินลงที่กรุงเทพฯ ร้อยละ 22 บินลงที่สนามบินอู่ตะเภา และร้อยละ 2 บินลงที่สนามบินภูเก็ต
จากการสำรวจนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศจำแนกตามแหล่งท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในปี 2548 พบว่า นักท่องเที่ยวรัสเซียนิยมเดินทางไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลในภาคต่างๆของไทย โดยร้อยละ 37 เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลในภาคตะวันออก (ได้แก่ พัทยาร้อยละ 29 ตราดร้อยละ 5 และระยองร้อยละ 3 ตามลำดับ) รองลงมาคือ กรุงเทพฯในสัดส่วนร้อยละ 27 นอกจากนี้ยังแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลในภาคอื่นๆที่นักท่องเที่ยวรัสเซียนิยมเดินทางไปเที่ยว ได้แก่ สมุยร้อยละ 11 กระบี่ร้อยละ 7 ภูเก็ตและประจวบคีรีขันธ์ในสัดส่วนเท่ากันคือ ร้อยละ 5 และพังงาร้อยละ 2 เป็นต้น
เมื่อพิจารณาจากสถิติการเข้าพักแรมของนักท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวต่างๆในปี 2549 ช่วง 9 เดือนแรก ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า นักท่องเที่ยวรัสเซียเป็น 1 ในตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีขนาดใหญ่ 3 อันดับแรกซึ่งครองตลาดท่องเที่ยวพัทยา ประกอบด้วย จีน ครองตลาดในสัดส่วนร้อยละ 12 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้ามายังพัทยาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 รองลงมา คือ รัสเซีย ในสัดส่วนร้อยละ 10 และ เกาหลีใต้ ในสัดส่วนร้อยละ 8
ในปี 2549 การท่องเที่ยวพัทยามีแนวโน้มเติบโตในอัตราร้อยละ 12 เป็นประมาณ 6 ล้านคน ทั้งนี้โดยได้แรงเกื้อหนุนสำคัญจากการขยายตัวในอัตราสูงถึงร้อยละ 15 ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยขยายตัวในอัตราประมาณร้อยละ 8 และ สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดในพัทยาคิดเป็นมูลค่าประมาณ 54,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปี 2548 ที่มีมูลค่า 48,522 ล้านบาท
การประสานความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวพัทยาอย่างจริงจังและต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ นับเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการที่เกื้อหนุนต่อการท่องเที่ยวพัทยานอกเหนือจากกระแสความนิยมแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลในภาคตะวันออกหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ และปัจจัยอื่นๆ ดังนี้
– การคมนาคมที่สะดวกเพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และการเปิดให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปลายเดือนกันยายน 2549 เอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยวพัทยายิ่งขึ้น
– พัทยามีบริการต่างๆรองรับนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน ทั้งกิจกรรมด้านกีฬาประเภทต่างๆ ศูนย์การประชุมที่สามารถรองรับการประชุมระดับนานาชาติขนาดใหญ่ได้ สถานที่ท่องเที่ยวประเภทต่างๆที่มีอยู่อย่างหลากหลาย
– ค่าครองชีพที่ถูกกว่าเมืองท่องเที่ยวชายทะเลหลายแห่งของไทย อาทิ หัวหิน ภูเก็ต และสมุย เป็นต้น
การท่องเที่ยวพัทยาพึ่งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลักโดยมีสัดส่วนเกือบร้อยละ 70 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังพัทยาเกือบร้อยละ 50 เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมี จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย และเวียดนามเป็นตลาดหลัก รองลงมา คือ นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปในสัดส่วนร้อยละ 40 โดยมีนักท่องเที่ยวจาก รัสเซีย อังกฤษ เยอรมนี ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย เป็นตลาดหลัก นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอเมริกา ภูมิภาคตะวันออกกลางในสัดส่วนร้อยละ 5 เท่ากัน และภูมิภาคโอเชียเนียในสัดส่วนร้อยละ 2 ตามลำดับ
ความปลอดภัยต่อชีวิต&ทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว : ปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขของพัทยา
ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของพัทยาเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งปี 2547 เป็นต้นมา ปัญหาในด้านความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวรัสเซียถูกทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในพัทยา จนสื่อรัสเซียลงข่าวเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินทางมาพัทยา หากเดินทางมาก็ต้องระมัดระวังให้ดีเพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทั้งหลาย ดังนั้น เมื่อเกิดคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวสาวชาวรัสเซีย 2 คนอย่างอุกอาจในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในพัทยาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะบรรดานักท่องเที่ยวเพื่อนร่วมชาติชาวรัสเซียที่พำนักท่องเที่ยวอยู่ในพัทยาจำนวนมากขณะนี้ (ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูท่องเที่ยวของตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซีย) โดยส่วนใหญ่ต่างหวาดผวาหวั่นเกรงอันตรายไม่กล้าออกไปเที่ยวต่างสถานที่ต่างๆเหมือนเดิม นอกจากนี้ เหตุฆาตกรรมดังกล่าวยังมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบนักท่องเที่ยวรัสเซียบางส่วน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยมาเที่ยวพัทยามาก่อน ทำให้มีแนวโน้มจะชะลอการเดินทางมายังพัทยาในช่วงนี้ออกไปก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เคยเดินทางมายังพัทยาแล้ว คาดว่าบางส่วนก็จะหันไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลแถบอื่นๆ เช่น สมุย ภูเก็ต และกระบี่ แทน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในพัทยาจะต้องเร่งประสานความร่วมมือเพื่อติดตามหาฆาตกรมาลงโทษโดยเร็ว รวมทั้งมีมาตรการคุมเข้มเพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวในพัทยา เพื่อเรียกความมั่นใจด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวม ไม่เฉพาะแต่นักท่องเที่ยวรัสเซียให้กลับคืนมาโดยเร็ว และส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนเกิดคดีฆาตกรรม
สำหรับมาตรการคุมเข้มด้านความปลอดภัยในพัทยาและพื้นที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศที่ควรเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันโดยได้รับความร่วมมือในการสอดส่องดูแลจากประชาชนในพื้นที่ร่วมด้วย เพื่อประโยชน์ด้านปลอดภัยและสงบสุขของชุมชนต่างๆในพัทยาเอง ได้แก่
– การเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตราพื้นที่ต่างๆให้ทั่วถึง โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยจุดต่างๆรวมทั้งตามซอกซอยที่เปลี่ยว
– การติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะเพิ่มเติมตามพื้นที่ต่างๆ
– เพิ่มการติดตั้งกล้อง CCTV ที่มีประสิทธิภาพสูงตามพื้นที่ต่างๆพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าติดตาม โดยแบ่งเป็นโซนๆ