ค่าดอลลาร์ถล่ม … ทรุดทะลุ $1.36 ต่อยูโร ค่าดอลลาร์ถล่ม … ทรุดทะลุ $1.36 ต่อยูโร

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าตกต่ำในรอบ 2 ปี เมื่อเทียบกับเงินยูโร ทะลุแนวต้าน 1.36 ดอลลาร์/ยูโร ขณะเดียวกันเงินดอลลาร์ก็ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 15 ปี เมื่อเทียบกับเงินปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ โดยแตะระดับเฉลี่ย 2.0 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น มีค่ากระเตื้องเล็กน้อยในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังจากที่นักลงทุนและนักเก็งกำไรผวาความผันผวนของตลาดหุ้นในเอเชีย ส่งผลให้ชะลอการทำธุรกรรม carry trade สกุลเงินเยน

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าร่วงลงอย่างต่อเนื่องในตอนต้นสัปดาห์ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินยูโร แม้ว่ารายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯบางรายการที่ทยอยประกาศออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ อาทิ ยอดค้าปลีกเดือนมีนาคม ดัชนีภาคอุตสาหกรรมการผลิตย่านนิวยอร์ค เป็นต้น แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนค่าเงินดอลลาร์แต่ประการใด ในทางตรงกันข้าม เงินดอลลาร์กลับได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนหันไปสนใจถือสกุลเงินยูโรเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตลาดเงินคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกลุ่มยูโรที่เข้มแข็ง ตามคำพยากรณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประมาณ 2.3% ในปี 2550 เทียบกับสหรัฐฯที่คาดว่าจะเติบโตราว 2.2% ดังนั้น จึงมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรปอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนมิถุนายน เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ และอาจขยับเพิ่มอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยยุโรปจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ยราว 4.25% ภายในปีนี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ กลับมีทิศทางที่คาดว่าน่าจะทรงตัวหรือลดต่ำลง เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนกำลังลง ประกอบกับดัชนีผู้บริโภคเดือนมีนาคมค่อนข้างต่ำ จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้ตลาดเงินเก็งว่าธนาคารกลางสหรัฐฯไม่น่าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหมือนธนาคารกลางยุโรป

สำหรับเงินเยนญี่ปุ่น มีค่าอ่อนแอในช่วงต้นสัปดาห์ เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ หลังจากที่ผลการประชุมรัฐมนตรีคลังและธนาคารกลางของกลุ่ม G7 ที่สหรัฐฯ ไม่ได้มีการพาดพิงถึงความอ่อนแอของค่าเงินเยนหรือธุรกรรม carry trade จึงกลายเป็นแรงกระตุ้นให้นักเก็งกำไรหวนกลับสู่ตลาดเงินอีกระลอก ด้วยการกู้เงินเยนด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ และนำไปลงทุนซื้อสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น เงินปอนด์ ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และฟรังก์สวิส เป็นต้น กระบวนการเหล่านี้ทำให้มีการเทขายเงินเยนออกมามาก และฉุดให้ค่าเงินเยนลดต่ำลงมาโดยตลอด เมื่อกลุ่ม G7 ไม่ได้ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมดังกล่าว จึงเป็นเสมือนการเปิดโอกาสให้นักเก็งกำไรซื้อขายเงินเยนกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม เงินเยนมีค่าฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงท้ายสัปดาห์ เมื่อนักลงทุนชะลอการเก็งกำไรในตลาดต่างๆ รวมถึงการทำ carry trade ด้วย หลังจากที่ตลาดหุ้นเอเชียปั่นป่วน โดยเกรงว่าธนาคารกลางจีนอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดความร้อนแรงของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดทางการจีนได้ประกาศตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นถึง 11.1% จนหวั่นวิตกว่าอาจก่อให้เกิดเงินเฟ้อในที่สุด

เงินปอนด์อังกฤษ ทะยานผ่านแนวต้าน 2.0 ดอลลาร์ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2535 สาเหตุสำคัญที่ผลักดันค่าเงินปอนด์อย่างมาก ได้แก่ ตัวเลขดัชนีผู้บริโภคเดือนมีนาคมของอังกฤษเพิ่ม 3.1% ซึ่งอยู่ในระดับเกินเป้าหมายที่ธนาคารกลางอังกฤษกำหนดไว้ที่ 2.0% ส่งผลให้ธนาคารกลางอังกฤษมีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เพื่อป้องกันเงินเฟ้อรุนแรงในอังกฤษ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้เงินปอนด์เป็นสกุลเงินที่น่าลงทุนที่สุดสกุลหนึ่ง ด้วยอัตราผลตอบแทนสูงสุด

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐ ฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 16 เมษายน 2550 เทียบกับวันที่ 19 เมษายน 2550 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.3531 ดอลลาร์/ยูโร (1.3609 ดอลลาร์/ยูโร) 119.73 เยน (118.43 เยน) และ 1.9898 ดอลลาร์/ปอนด์ (2.0022 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2550 เท่ากับ 687.25 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 692.05 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2550