สายการบินนอร์ธเวสต์ (หรือมีชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กว่า NWA) ได้นำหลักทรัพย์ของบริษัทกลับเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กอีกครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา หลังจากบริษัทได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรแล้วเสร็จ ตอกย้ำปณิธานของบริษัทที่มุ่งให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้าและพนักงาน
ทั้งนี้ ตัวแทนพนักงานจากฝ่ายต่างๆ ของสายการบินนอร์ธเวสต์รวม 13 คน ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ลั่นระฆัง เพื่อเป็นสัญญาณเปิดการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ในวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับพนักงานทั้ง 13 คนดังกล่าวเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากเพื่อนร่วมงานให้เป็นผู้รับรางวัลเดอะ เพรสิเด้นท์ อวอร์ด (the President’s Award) ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดที่มอบให้แก่พนักงานของนอร์ธเวสต์ที่ได้ทุ่มเททำงานให้แก่บริษัทอย่างเต็มที่และให้บริการที่เปี่ยมคุณภาพแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
มร. ดั๊ก สตีนแลนด์ ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนอร์ธเวสต์ ได้ร่วมลั่นระฆังดังกล่าว พร้อมทั้งเป็นนักลงทุนรายแรกที่เข้าซื้อหุ้นสามัญใหม่ของนอร์ธเวสต์
มร. สตีนแลนด์ กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นวันสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์การดำเนินธุรกิจครบ 81 ปีของสายการบินนอร์ธเวสต์ ซึ่งได้มีการพัฒนาและปฏิรูปองค์กรให้เป็นสายการบินชั้นนำที่มีความแข็งแกร่งระดับโลก โดยมีเครือข่ายเส้นทางการบินที่ครอบคลุมกว้างขวาง พร้อมด้วยฝูงบินอันทันสมัยภายใต้การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมทัพด้วยงบดุลที่มีเสถียรภาพ ภายใต้เจตนารมณ์ที่มุ่งเพิ่มความคุ้มค่าให้กับทรัพย์สินหลักของบริษัท พร้อมทั้งเพิ่มความสำคัญให้แก่ลูกค้าและพนักงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับฝูงบินของนอร์ธเวสต์นั้น มร. สตีนแลนด์กล่าวว่า “นอร์ธเวสต์ได้จัดสรรเงินจำนวนมากกว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 210,000 ล้านบาท) สำหรับการพัฒนาฝูงบินให้ทันสมัย
ปัจจุบัน ฝูงบินของนอร์เวสต์ในเส้นทางบินระหว่างประเทศ ประกอบด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ330 ซึ่งได้นำออกให้บริการแทนเครื่องบินดีซี 10 ในเส้นทางยุโรปและเอเชีย เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เป็นสายการบินแรกในภูมิภาคอเมริกาเหนือที่ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 787 รุ่นใหม่ ซึ่งมีกำหนดจะนำออกให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 เป็นต้นไป”
“นอร์ธเวสต์เป็นหนึ่งในสายการบินที่มีเครือข่ายเส้นทางบินในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเอเชีย แปซิฟิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยได้ขยายเส้นทางบินสู่จุดหมายต่างๆ ให้ครอบคลุมกว้างขวางยิ่งขึ้น ภายใต้การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสายการบิน เคแอลเอ็ม รอยัล ดัชท์ และพันธมิตรกลุ่มสกายทีม รวมทั้งได้บรรลุข้อตกลงการทำตลาดเส้นทางบินภายในประเทศร่วมกับสายการบินอลาสก้าและเดลต้า เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ลูกค้า” มร. สตีนแลนด์กล่าว และเสริมว่า “ในปี 2550 เราได้จัดสรรงบประมาณมูลค่ากว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,750 ล้านบาท) สำหรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางอันล้ำค่าให้แก่ผู้โดยสาร”
“เราเชื่อมั่นว่า ความสำเร็จจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายใต้แผนการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งประกอบด้วย การปรับเปลี่ยนโครงสร้างต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ การพัฒนารูปแบบการทำธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการพัฒนางบดุลของบริษัทให้มีเสถียรภาพ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นโดยรวม และด้วยแผนการทำธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เรามั่นใจว่า เราจะสามารถสร้างสรรค์ผลกำไรได้อย่างงดงามในอนาคต”
นอกจากนี้ มร. สตีนแลนด์ยังกล่าวถึงพนักงาน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดของนอร์ธเวสต์ว่า “การปรับโครงสร้างองค์กรตลอดระยะเวลา 20 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ หลายประการ ถือเป็นช่วงเวลาอันยากลำบากสำหรับพนักงานของบริษัท อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา พนักงานของนอร์ธเวสต์ได้ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อให้บริการที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ซึ่งส่งผลให้เราสามารถดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรจนแล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็ว”
“ด้วยความทุ่มเททำงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องของพนักงานนอร์ธเวสต์ ผมจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศให้ทราบว่า บริษัทได้ตกลงเห็นชอบที่จะมอบผลตอบแทนทางการเงินให้กับพนักงานนอร์ธเวสต์ในรูปของผลประโยชน์ที่เกิดจากการชำระหนี้แบบไม่มีหลักประกันของลูกหนี้ (unsecured claims) และการแบ่งสรรผลกำไรจากการดำเนินงาน (profit sharing) รวมเป็นมูลค่าประมาณ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 56,000 ล้านบาท) ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปี 2553” มร. สตีนแลนด์ กล่าวทิ้งท้าย
การปรับโครงสร้างองค์กร
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา สายการบินนอร์ธเวสต์ได้เสร็จสิ้นกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้เมื่อผู้พิพากษา อัลแลน แอล. กร็อบเปอร์ แห่งศาลล้มละลายสหรัฐอเมริกา แขวงนิวยอร์กใต้ ได้ลงนามคำสั่งยืนยันแผนการปรับโครงสร้างองค์กรของนอร์ธเวสต์ โดยในวันที่ 9 พฤษภาคม นอร์ธเวสต์ได้ประกาศว่า แผนการปรับโครงสร้างองค์กรดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากหนี้สินทุกๆ 1 เหรียญสหรัฐที่ได้ลงคะแนนสนับสนุนคิดเป็นร้อยละ 98.4 และเจ้าหนี้ที่ได้ลงคะแนนสนับสนุนคิดเป็นร้อยละ 96.9
ในการเตรียมการสำหรับการเริ่มต้นของการพ้นสภาพการคุ้มครองการล้มละลาย นอร์ธเวสต์ ได้ประกาศรายชื่อคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ และได้รับอนุมัติให้นำหุ้นสามัญใหม่ของบริษัทเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กภายใต้ชื่อย่อว่า NWA
การซื้อขายหุ้นของนอร์ธเวสท์ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งจะมีการซื้อขายเมื่อมีการออกหุ้น (“when issued” basis โดยใช้ชื่อย่อว่า NWA WI) เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2550 และการซื้อขายหุ้นตามปกติเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 สายการบินนอร์ธเวสต์ได้พ้นสภาพการคุ้มครองการล้มละลาย (Chapter 11) หลังจากเสร็จสิ้นการปรับโครงสร้างองค์กรตรงตามเงื่อนไขการยุติการปรับโครงสร้างองค์กร และได้รับเงินจาการขายหุ้นใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในราคาที่ลดลงจากราคาขายตามปกติ (new equity rights offering) รวมเป็นมูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ
อนึ่ง สืบเนื่องจากการประกาศของสายการบินนอร์ธเวสต์ก่อนหน้านี้ และตามที่ระบุในแผนการปรับโครงสร้างองค์กรที่ได้รับอนุมัติโดยศาลล้มละลาย หุ้นสามัญที่ซื้อขายภายใต้ชื่อย่อ NWACQ.PK และหุ้นบุริมสิทธิ์ได้รับการยกเลิกโดยไม่มีการตอบแทน ดังนั้น ผู้ถือหุ้นเก่าจะไม่ได้ถือหุ้นอีกต่อไป
สายการบินนอร์ธเวสต์เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของโลกรายหนึ่ง มีศูนย์การบินอยู่ที่ดีทรอยต์ มินนิอาโปลิส/ เซ็นต์พอล เมมฟิส โตเกียว และอัมสเตอร์ดัม โดยให้บริการเที่ยวบินประมาณ 1,400 เที่ยวบินเป็นประจำทุกวัน นอร์ธเวสต์ยังเป็นสมาชิก ของสกายทีมซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรการบินระดับโลกที่มีเครือข่ายการบินครอบคลุมจุดหมายปลายทางมากที่สุดรายหนึ่ง สายการบินนอร์ธเวสต์และพันธมิตรสามารถให้บริการเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางมากกว่า 900 แห่ง ในมากกว่า 160 ประเทศ ครอบคลุม 6 ทวีป