พลัส พร็อพเพอร์ตี้ สวนกระแสตลาดครั้งใหญ่ ด้วยยอดขายครึ่งปีแรกแบบผ่านฉลุย 6 เดือนโกยยอดขายกว่า 2,900 ล้านบาท มั่นใจครึ่งปีหลังเดินหน้าเตรียมเปิดโครงการใหม่ ทั้งคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์อย่างต่อเนื่องอีก 6 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท พร้อมทั้งลุยเพิ่มฐานลูกค้าในส่วนธุรกิจบริหารและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ แบบเต็มสูบ
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกนี้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและภาวะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นมาก ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ในการเป็นมืออาชีพด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง จนได้รับความเชื่อมั่นเป็นอย่างดีทั้งจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ เห็นได้จากผลตอบรับจากการเปิดขายโครงการที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี 2550 จำนวน 8 โครงการ เป็นทาวน์เฮ้าส์ (Town+) 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม (My Condo) 5 โครงการ โดยทุกโครงการสามารถสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม My Condo ที่มียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งบางโครงการสามารถปิดขายการได้ภายในระยะเวลาอันสั้น อาทิเช่น โครงการ My Condo สาทร-ตากสิน My Condo สุขุมวิท 103 และโครงการ My Condo สุขุมวิท 81 เป็นต้น ในส่วนของโครงการทาวน์เฮ้าส์ Town+ ก็สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน เช่น โครงการ Town+ ลาดพร้าว 101 ปัจจุบันมียอดขายกว่า 80 % แล้ว ทั้งนี้เนื่องจากเรามองเห็นถึงความต้องการของลูกค้า และสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยได้ตรงกับความต้องการนั่นเอง ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าว
โดยในครึ่งปีแรกของปี 2550 พลัสมียอดขายจากการเปิดขายโครงการทั้งคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์รวม 2,900 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ทั้งหมดจาก 4 ธุรกิจหลักในครึ่งปีแรกรวม 1,059 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจการพัฒนาโครงการรวม 785 ล้านบาท, ธุรกิจการบริหารจัดการโครงการ 101 ล้านบาท, ธุรกิจตัวแทนซื้อขาย ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ 143 ล้านบาท และจากธุรกิจอื่นๆ 30 ล้านบาท ทั้งนี้จากเป้ารายได้ที่ตั้งเป้าไว้ทั้งปี 4,300 ล้านบาท ในครึ่งปีหลังรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากยอดรับรู้รายได้จากการโอนที่อยู่อาศัยที่จะทยอยสร้างเสร็จจำนวน 880 ยูนิต แบ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 193 ยูนิต และโครงการคอนโดวัน 687 ยูนิต นอกจากนั้นยังมีการเติบโตของรายได้ในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ของบริษัท ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว เชื่อว่าปลายปี 50 เราจะสามารถสร้างรายได้ทะลุเป้าอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มีอัตราการเติบโตทางธุรกิจประมาณ 51 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้พลัสยังมียอดขายโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการรอรับรู้รายได้ (Presale Backlog) กว่า 8,600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และอีก 1-2 ปี ข้างหน้า
จากผลความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ในครึ่งปีหลังของปี 2550 พลัสจึงมีแผนการลงทุนโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอีกจำนวน 6 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ 3 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมอีก 3 โครงการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท โดยหนึ่งใน 6 โครงการใหม่ ซึ่งได้แก่ โครงการ My Condo สุขุมวิท 52 มีจำนวน 148 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 320 ล้านบาท จะเปิดขายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทั้งนี้คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าอย่างเช่นที่ผ่านมา
ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จะมุ่งเน้นการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ และขณะเดียวกันก็จะดูแลรักษากลุ่มลูกค้าเดิมไว้ด้วย “นอกจากจะมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่ตรงกับความต้องการของตลาดแล้ว ในครึ่งปีหลัง พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จะยังคงดำเนินกิจกรรมด้าน CRM (Customer Relations Management) เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับลูกค้า ซึ่งนอกจากจะทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในตัวบริษัทฯแล้ว เรายังมีโอกาสได้ดูแลให้บริการหลังการขายอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมีโอกาสได้สอบถามถึงความต้องการสินค้าและบริการด้านอื่นๆ จากลูกค้าเพิ่มเติมอีกด้วย” โดยเราได้เตรียมงบประมาณสำหรับโครงการ CRM ในปีนี้รวมทั้งสิ้น 10 ล้านบาท โดยจะนำไปจัดทำกิจกรรมและมอบอภิสิทธิ์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ภายใต้ชื่อโครงการ Plus Society ที่ทำอย่างต่อเนื่อง และได้รับการตอบรับในการเข้าร่วมทำกิจกรรมเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าใน Plus Society รวมทั้งสิ้น 4,607 คน นายเมธา จันทร์แจ่มจรัสอธิบายเพิ่มเติม
เกี่ยวกับ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ด้วยทุนจดทะเบียน (ชำระแล้ว) 600 ล้านบาท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย ให้บริการด้านการเป็นตัวแทนนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์, บริหารงานขายโครงการอสังหาริมทรัพย์, ให้คำปรึกษาเรื่องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์, การบริหารอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย และโครงการที่พัฒนาเอง ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 42 โครงการ และโครงการที่รับบริหาร (Property Management) รวม 122 โครงการ ซึ่งถือเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน