แสนสิริโชว์ 2 ไตรมาส สร้างยอดขายโปรเจกรวมเกือบ 1.2 หมื่น ลบ.

ค่ายแสนสิริ แจงการดำเนินงานครึ่งปี ขยายการเติบโตที่ชัดเจนและต่อเนื่อง จากการสร้างยอดขายที่อยู่อาศัยครบวงจรครึ่งปีแรกแล้วเกือบ 12,000 ล้านบาท รวมถึงมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Pre-sale backlog) ช่วง 1-3 ปี สูงสุดในระบบธุรกิจกว่า 20,000 ล้านบาท เผยผลประกอบการไตรมาส 2 มียอดขายรวมเกือบ 5,500 ล้านบาท รายได้รวมกว่า 2,921 ล้านบาท ในขณะที่กำไร 45.7 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายฐานโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจร และการลงทุนทางด้านการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้ติดตลาด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่จะรองรับการขยายฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งในระยะยาว เพื่อการก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งภายใน 3 ปีข้างหน้า

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริและบริษัทในเครือในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก จากการสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมในย่านธุรกิจกลางใจเมือง และคอนโดมิเนียมตากอากาศ บ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ และบ้านแฝด รวมถึงโครงการวิลล่าตากอากาศ รวม 35 โครงการ ที่มียอดขายรวมเกือบ 3,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการขายรวมเกือบ 12,000 ล้านบาท นอกจากนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริ ยังสามารถสร้างยอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Pre-sale backlog) จากโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม เป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 1-3 ปี ซึ่งถือว่าเป็นฐานรายได้ที่สำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่มั่นคง รวมถึงสามารถรองรับแผนการรุกสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัทแสนสิริที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี

ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทแสนสิริประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ โครงการบ้านแสนปลื้ม-หัวหิน มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท ที่ปิดการขายได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ และโครงการ SIRI at Sukhumvit by Sansiri คอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมใจกลางย่านสุขุมวิท มูลค่าโครงการประมาณ 3,200 ล้านบาท ที่ปิดการขายได้ในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน นอกจากนี้ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่แบรนด์ My Condo ของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทในเครือ ที่เปิดในทำเลต่างๆ อาทิ ลาดพร้าว 27, สุขุมวิท 81, สุขุมวิท 52 และ ปิ่นเกล้า ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก บางทำเลสามารถปิดการขายได้ภายใน 1-2 วัน เป็นต้น ในขณะที่โครงการบ้านเดี่ยวก็มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายรวมเกือบ 300 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท ส่วนโครงการทาวเฮ้าส์มียอดขายประมาณ 250 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อรวมทั้งไตรมาส 2 สามารถสร้างยอดขายที่อยู่อาศัยรวมทั้งสิ้นเกือบ 5,500 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2550 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,921.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่มีกำไร 45.7 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนขยายโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกระดับความต้องการ รวมถึงมีการลงทุนทางด้านโฆษณาการตลาดและการประชาสัมพันธ์ค่อนข้างสูง เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคในแบรนด์สินค้าแต่ละประเภท ที่ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการขยายธุรกิจของบริษัท ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

“ กลุ่มบริษัทแสนสิริมีการรุกตลาดที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ รวมถึงครบทุกกลุ่มความต้องการของลูกค้า ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ดังนั้นจึงต้องมีการลงทุนในด้านโฆษณาและประชาสัมพันธ์ รวมถึงการจัดทำแคมเปญทางการตลาดอย่างเต็มรูปแบบและต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้า และเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าให้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในแต่ละประเภทของที่อยู่อาศัยก็ได้รับผลสำเร็จดีมาก จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่าและเหมาะสมที่สุด ในภาวะการขยายตัวของธุรกิจได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน รวมถึงภาวะตลาดมีการแข่งขันที่สูงเช่นนี้ด้วย” นายเศรษฐา กล่าว

แผนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ของบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 จะมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม ในทำเลย่านธุรกิจกลางใจเมือง (CBD) 4 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียมในย่านพักผ่อนตากอากาศอีกประมาณ 1-2 โครงการ มูลค่าการขายรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวสำหรับลูกค้าระดับกลาง 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังวางกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจผ่านบริษัทในเครือ อันได้แก่ บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพร้อมพัฒนา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัทเรดโลตัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เพื่อดำเนินการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียม ทาวเฮ้าส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และวิลล่าตากอากาศ เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับทั่วไป

“ ความสำเร็จจากการขยายธุรกิจของแสนสิริให้มีความครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการที่กลุ่มแสนสิริสามารถสร้างยอดขายรอรับรู้รายได้ที่สูงที่สุดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาธุรกิจ ที่จะสนับสนุนให้แสนสิริก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ในขณะที่แสนสิริยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยแตกต่าง รวมถึงการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อรองรับแก่ลูกค้าที่พร้อมเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกในสังคมของแสนสิริที่จะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง “นายเศรษฐา กล่าว