43 บริษัทจดทะเบียนใน mai ประกาศยอดขายประจำไตรมาส 2 ปี 2550 รวมกันถึง 10,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ขณะที่กำไรสุทธิรวม 430 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 โดยมี 6 บริษัทที่กำไรสุทธิขยายตัวเกินร้อยละ 100 นำโดย TRT CIG LVT TRC ETG และ FOCUS ด้านผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก บจ. ทำยอดขายรวม 19,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 ส่วนกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 809 ลบ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เผย 8 บจ.ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล รวมมูลค่า 261 ล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประจำไตรมาส 2/2550 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 ว่าบริษัทจดทะเบียนจำนวน 43 แห่ง มียอดขายรวมกัน 10,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 8,608 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2550 ของบริษัทจดทะเบียน รวมแล้วทั้งสิ้น 430 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 414 ล้านบาท โดยมีบริษัทจดทะเบียน 6 แห่งที่มีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิเกินร้อยละ 100 คือ บมจ. ถิรไทย (TRT) มีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิร้อยละ 398 บมจ. ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) ร้อยละ 369 บมจ.แอล.วี เทคโนโลยี (LVT) ร้อยละ 267 บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) ร้อยละ 215 บมจ. อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ (ETG) ร้อยละ 164 และ บมจ.โฟคัส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (FOCUS) ร้อยละ 113 ตามลำดับ
ทางด้านผลการดำเนินงานประจำครึ่งปีแรกปี 2550 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทใน mai มียอดขายรวม ทั้งสิ้น 19,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 16,372 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 โดยมีกำไรสุทธิรวม 809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 788 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3 ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่ทำกำไรสุทธิประจำครึ่งปีแรก ปี 2550 สูงสุด 3 อันดับแรก คือ บมจ. ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง (UEC) กำไรสุทธิ 154 ล้านบาท บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) กำไรสุทธิ 119 ล้านบาท และ บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) กำไรสุทธิ 83 ล้านบาท
นายชนิตร ระบุว่า “ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประจำไตรมาส 2 ปี 2550 แสดงให้เห็นว่าโดยรวมบริษัทจดทะเบียนใน mai มียอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น หากแต่สภาวะเศรษฐกิจและการเมือง รวมทั้งปัจจัยค่าเงินบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตไม่มาก บริษัทที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ในภาคธุรกิจสื่อและบริการ
ทั้งนี้ หากมองในรายบริษัทจะพบว่ามีหลายบริษัทที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิได้มีจำนวน 32 แห่ง ในจำนวนนี้มีบริษัทจดทะเบียน 25 แห่ง ที่มีกำไรสุทธิเติบโตจากงวดเดียวกันปีที่แล้ว มองว่าในภาวการณ์เช่นนี้ นักลงทุนควรจับจังหวะเข้าลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกลงทุนในหุ้นปันผล โดยในครึ่งปีแรกนี้มีบริษัทจดทะเบียนใน mai 8 แห่งที่ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล มูลค่ารวม 261 ล้านบาท”
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล ได้แก่ บมจ. ซี.ไอ กรุ๊ป (CIG) มีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) (ณ ราคาวันที่ 17 ส.ค.) ร้อยละ 2.24 บมจ. มัลติแบกซ์ (MBAX) ร้อยละ 6.49 บมจ.ปิโก (ไทยแลนด์) (PICO) ร้อยละ 8.95 บมจ. สตีล อินเตอร์เทค (STEEL) ร้อยละ 12.56 บมจ. ทาพาโก้ (TAPAC) ร้อยละ 6.25 บมจ. พลาสติค และหีบห่อไทย (TPAC) ร้อยละ 8.77 บมจ. ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง (UEC) ร้อยละ 5.05 และบมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ร้อยละ 3.71
“สำหรับผู้สนใจข้อมูลผลการดำเนินงานและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน หรือ Opportunity Day ได้ที่ S-E-T Call Center โทร. 0-2229 -2222 หรือรับฟัง Audio Clip ทาง www.efinradio.com ในรายการ mai Focus ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 20:30-21:00 น. เริ่มออกอากาศในวันจันทร์ที่ 20 ส.ค. นี้ โดยมี บมจ. ซี.ไอ กรุ๊ป (CIG) เป็นบริษัทแรก” นายชนิตรกล่าว
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 44 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 28,707 ล้านบาท ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 238.57 (เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2550) ผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสามารถศึกษา เข้าดูข้อมูลได้ ทาง www.mai.or.th หรือสมัครรับข้อมูลตลาด mai ฟรีทางอีเมล์ที่ [email protected]