“เครดิตบูโร” แนะสารพัดวิธี รับมือสารพันปัญหาเครดิตผู้บริโภค

เทคโนโลยีต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในโลกปัจจุบันส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบแก่ทุกด้านของชีวิต เช่นเดียวกับปัญหาใกล้ตัวอย่างข้อมูลเครดิต หรือประวัติการชำระสินเชื่อ ซึ่งดำเนินการรวบรวมประวัติการชำระสินเชื่อกว่า 56 ล้านบัญชีในประเทศไทย โดยมีบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยตามข้อเท็จจริง

ปัจจุบัน “เครดิตบูโร” ไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะข้อมูลเครดิตหรือข้อมูลสินเชื่อที่เครดิตบูโรได้จัดเก็บไว้นั้นเป็นข้อมูลของผู้บริโภคแต่ละบุคคลเอง เมื่อใดก็ตามที่มีการแสดงเจตจำนงยื่นขอสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สมัครบัตรเครดิต หรือ ชีวิตเงินผ่อนทั้งหลาย สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรแต่ละแห่งจะนำข้อมูลจากเครดิตบูโรไปพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นๆ เช่น รายได้ หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อประกอบการตัดสินใจอนุมัติหรือไม่อนุมัติสินเชื่อ ซึ่งจะเห็นได้ว่าข้อมูลเครดิตมีความสำคัญยิ่ง แต่หลายครั้งกลับเกิดสถานการณ์คาดไม่ถึงขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยปราศจากความรู้ความเข้าใจ และการใส่ใจดูแลรักษาเครดิตของตนเอง

สถานการณ์คาดไม่ถึงอันดับแรก เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้บริโภคที่ได้รับจดหมายทวงหนี้จากสถาบันเจ้าหนี้หรือบริษัทติดตามหนี้ หรือ ได้รับหมายศาล ว่าให้ดำเนินการชำระหนี้อันเกิดจากการค้างชำระเป็นระยะเวลานาน ซึ่งต้องวินิจฉัยแยกความเป็นไปได้ออกเป็น 2 กรณี

กรณีที่ 1 ท่านที่ได้ทำการสมัครใช้บริการสินเชื่อไว้จริง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อเงินสดจากสถาบันการเงินต่างๆ (นอนแบงก์) ซึ่งต้องย้อนถามก่อนว่าท่านผิดนัดชำระหนี้จริงหรือไม่ อย่างไร ซึ่งการผิดนัดชำระหนี้ในหลายประเภทดังกล่าวอาจเกิดขึ้นโดยรู้ตัว และไม่รู้ตัว หากท่านมีการผิดนัดชำระจริง ควรรีบติดต่อชำระสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เพื่อให้ปรากฎข้อมูลการชำระหนี้เดิมในเดือนถัดไปทันที

อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ หรือค้างชำระเงินค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตใดๆ ควรรีบติดต่อสถาบันการเงินดังกล่าวโดยด่วน เพื่อเจรจาขอให้มีการตรวจสอบแก้ไขข้อมูล หรือ ติดต่อขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัดก่อนได้เช่นกัน

กรณีที่ 2 ท่านที่ไม่เคยแจ้งความจำนงยื่นขอใช้บริการสินเชื่อทุกประเภทมาก่อนนั้น อาจจะกลายเป็นกรณีเหตุทุจริต มีผู้นำเอาเอกสารสำคัญ อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านของท่านไปใช้ ซึ่งทางเครดิตบูโรมีข้อแนะนำว่า

การระบุวัตถุประสงค์ทุกครั้งที่มีการลงนามเอกสารส่วนตัวของท่าน การมอบสำเนาบัตรประชาชนของท่านให้แก่บุคคลอื่น อาทิ การสมัครบัตรเครดิต สมัครสมาชิกบริการรูปแบบต่างๆ ฯลฯ ควรเขียนให้ชัดเจนว่าลงนามไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ดังเช่น “สำเนาถูกต้องเพื่อใช้ใน…..เท่านั้น..” ตลอดจนวันเดือนปีที่ลงนาม และควรที่จะขีดคร่อมบริเวณรูปภาพของท่านในสำเนาบัตรประชาชนด้วย เพราะจะมีส่วนช่วยป้องกันมิให้มีผู้ทุจริตนำเอาข้อมูลของท่านไปใช้ซ้ำได้ และก่อให้เกิดผลเสียหายต่อข้อมูลเครดิตส่วนบุคคลของท่านตามมา ในลักษณะเดียวกันกับปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น

ในทางกลับกัน กลุ่มผู้บริโภคที่มีประวัติการชำระดี มีวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ดังเช่นในสถานการณ์ลำดับ 2 ที่ ผู้บริโภคอาจพบเจอเหตุการณ์คนโทรศัพท์มาชักชวนให้สมัครใช้บริการสินเชื่อบัตรเครดิต โดยอ้างคำพูดว่าท่านได้รับเชิญจากธนาคาร เนื่องด้วยเป็นผู้ที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี

นั่นอาจเป็นเพราะมีการทุจริตนำเอาข้อมูลของท่านจากสถาบันการเงินที่ท่านมีสินเชื่ออยู่ด้วยมาเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในกรณีที่ท่านไม่เคยใช้บริการสินเชื่ออื่นใดมาก่อนอาจเป็นเพราะท่านได้เคยทำประกัน หรือท่านไปงานนิทรรศการต่างๆ แล้วลงทะเบียนให้ข้อมูลส่วนตัวบางอย่างไว้ก็เป็นไปได้ โดยมีโบรกเกอร์นำเอาข้อมูลของท่านมาเปิดเผยต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกที

เนื่องจากในบ้านเรา ยังไม่มีการบังคับใช้ Data Privacy Law ซึ่งบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เห็นด้วยกับแนวทางการนำมาปรับใช้อย่างจริงจังภายในอนาคต เพื่อรักษาสิทธิของเจ้าของข้อมูลไว้ โดยเมื่อหน่วยงานใดทำการเก็บข้อมูลแล้ว ไม่ว่าจะนำเอาข้อมูลดังกล่าวไปทำอะไรต้องให้เจ้าของข้อมูลอนุญาตอย่างเป็นทางการก่อน

บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เน้นย้ำนโยบายการรักษาความลับของลูกค้าอย่างยิ่ง บริษัทฯ ถือว่าข้อมูลเครดิตของลูกค้าสินเชื่อเป็นสิ่งสำคัญ ข้อมูลใดๆ ที่บริษัทฯ ได้รับจากสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกจะถือเป็นความลับ และบริษัทฯ จะเปิดเผยข้อมูลเครดิตของลูกค้าสินเชื่อแก่เฉพาะสถาบันการเงินที่ท่านไปขอสินเชื่อและผู้บริโภคที่เป็นเจ้าของข้อมูลเองเท่านั้น
เพื่อรับมือกับสถานการณ์คาดไม่ถึงต่างๆ เกี่ยวกับข้อมูลเครดิต การตรวจสอบข้อมูลเครดิตเป็นประจำ 1-2 ครั้งต่อปีจึงมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งในการป้องกันปัญหาทุจริตท่ามกลางโลกาภิวัฒน์ได้อย่างทันท่วงที

แม้จะยังไม่มีแผนขอสินเชื่อจากผู้ให้บริการสินเชื่อรายใดในอนาคตอันใกล้ แต่การใส่ใจดูแลเครดิตหรือสุขภาพทางการเงินของตนเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยคุ้มครองให้สิทธิในการกู้ยืมของท่านแข็งแรง พร้อมสำหรับแผนการขอสินเชื่อทุกประเภทในอนาคตอยู่ตลอดเวลา ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนบริหารข้อมูลผู้บริโภค บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ชั้น 2 อาคาร 2 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำนักงานใหญ่ ถนนพระราม 9 โทรศัพท์ 0-2643-1250 หรือ www.ncb.co.th

ล่าสุด บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เตรียมจัดโรดโชว์เพื่อให้ความรู้และคำปรึกษาทางด้านข้อมูลเครดิต พร้อมทั้งเปิดให้บริการตรวจสอบข้อมูลเครดิตนอกสถานที่ แก่ผู้บริโภครวมถึงนิติบุคคลที่สนใจ ณ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ชั้น 6 ระหว่างวันที่เสาร์-อาทิตย์ที่ 1-2 กันยายน 2550 นี้ โดยนอกเหนือจากการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลเครดิตแล้ว ภายในงานยังมีการสอดแทรกวิธีการดูแลข้อมูลเครดิตผ่านรูปแบบกิจกรรมและความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมได้ในวันและเวลาดังกล่าว