ทีซีเจ เอเซีย จับมือแบรนด์ดัง OM จากอิตาลี รุกตลาดรถโฟร์คลิฟท์และยานยนต์อุตสาหกรรม

ทีซีเจ เอเซีย แตกไลน์สบช่อง ลุยตลาดรถโฟร์คลิฟท์และยานยนต์อุตสาหกรรม โดยจับมือแบรนด์ดัง “OM” จากอิตาลีรุกตลาดเมืองไทย เน้นจับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม การขนส่ง และโลจิสติกส์ มั่นใจคุณภาพสินค้าสามารถตอบสนองความต้องการตลาดได้แน่ ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 100คัน พร้อมโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปีละ 10 % เผยกลยุทธ์ด้านการตลาดเน้นเจาะตรงถึงกลุ่มลูกค้า ล่าสุดเตรียมเข้าร่วมออกงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ แฟร์ 2007 ที่ไบเทค หวังโชว์สุดยอดนวัตกรรม ผลิตภัณต์ยานยนต์อุตสาหกรรม “OM”

ดร.ทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี.เจ. เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทีซีเจ เอเซีย” เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนงานที่จะขยายฐานทางธุรกิจเพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ ที่ทำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเครื่องจักรกลหนัก รถเครน และธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายท่อสแตนเลส โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายรถยกและยานยนต์อุตสาหกรรม ภายใต้แบรนด์ “OM” จากประเทศอิตาลีแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และ เมียนมาร์ โดยการจัดจำหน่ายสินค้า “OM” นี้ เป็นการหนุนช่วยให้ ทีซีเจ เอเซีย รุกเข้าสู่ตลาดภาคอุตสาหกรรมและระบบโลจิสติกอย่างเต็มที่

ปัจจุบันประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพทางด้านอุตสาหกรรมประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่รถยกทั้งประเภทโฟร์คลิฟท์และรถยกสำหรับแวร์เฮ้าส์ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการจัดวางและลำเลียงส่วนประกอบรวมทั้งผลิตภัณฑ์ในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายขอบเขตการทำธุรกิจได้อีกมาก โดยมูลค่าตลาดรวมของรถโฟร์คลิฟท์มีมูลค่ารวมประมาณ 4 พันล้านบาทต่อปี และมีอัตราการเติบโตของตลาดราว 10 % ต่อปี

“ถือเป็นการรุกเข้าสู่อีกหนึ่งธุรกิจของเรา ซึ่งก่อนหน้านี้เราทำธุรกิจทางด้านเครื่องจักรกลหนัก และท่อสแตนเลสเป็นหลัก แต่หากดูจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และการให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศในด้านระบบโลจิสติกในประเทศไทย ธุรกิจนี้น่าจะเติบโตได้ดี ขณะที่รถที่เรานำเข้ามาจำหน่ายรับประกันด้วยมาตรฐานยุโรป ซึ่งสินค้ามีคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานง่าย สามารถตอบสนองการใช้งานได้ตรง และเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก” ดร.ทรงวุฒิ กล่าว

ดร.ทรงวุฒิ กล่าวต่อไปว่า สำหรับรถโฟร์คลิฟท์ ที่บริษัทฯ นำเข้ามาทำตลาดในช่วงแรกจะมีด้วยกันหลายรุ่น เช่น รุ่น XD25, XD30, XG25, XG30, XE20, TL20 และ CTX20 เป็นต้น โดยรถยกเล่านี้มีคุณสมบัติที่สำคัญคือ เป็นระบบ Hydrodynamic ซึ่งเป็นระบบเฉพาะตัวของสินค้า “OM” ทำให้มีความแม่นยำและคล่องแคล่ว ในการจัดวางอุปกรณ์ชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ มีรอบอายุการใช้งานนาน และมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ ถึงแม้จะเป็นสินค้าแบรนด์ยุโรป แต่ราคาสามารถแข่งขันกับตลาดรถยกในปัจจุบันได้ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 6 แสนบาทขึ้นไป โดยในปี 2550 คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 100 คัน และตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ 10% ต่อปี

ในส่วนของแผนงานด้านการตลาด จะเน้นการเจาะเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่เป็นโรงงานและที่เกี่ยวข้องกับงาน โลจิสติกโดยตรง หรือ Direct Marketing นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ แฟร์ 2007 (Thailand International Logistic Fair 2007) ในระหว่างวันที่ 12-16 กันยายน 2550 ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา เพื่อนำเสนอรูปแบบ และคุณสมบัติของรถยกประเภทต่าง ๆ ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาร่วมงาน โดยงานดังกล่าวจะมีผู้เข้าชมงานทั้งใน และต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ๆ สำหรับงานทางด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์โดยเฉพาะ ซึ่งภายในงานบริษัทฯ จะนำสิค้ารถยกเข้ามาแสดง คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี

สำหรับ ทีซีเจ เอเซีย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2523 ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องจักรกลหนักด้านงานก่อสร้าง โดยจัดจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ต่อมาได้จัดตั้งบริษัท บิ๊กเครน แอนด์ อิควิปเม้นต์ เร้นทัลส์ จำกัด โดย ทีซีเจ เอเซีย ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99 % เพื่อขยายการทำธุรกิจให้เช่าเครื่องจักร ในเวลาถัดมา ทีซีเจ เอเซีย เข้าถือหุ้น 51% ในบริษัท โตโย มิลเลนเนียม จำกัด เพื่อทำการผลิตและจำหน่ายท่อสแตนเลส นอกจากนี้ได้จัดตั้ง บริษัท ยูนิค เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ทีซีเจ เอเซีย กับ บริษัท ฟูรูกาว่า ยูนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 60% เพื่อทำธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเครนติดรถบรรทุก ภายใต้สินค้าชื่อ “UNIC”

ในส่วนของผลการดำเนินงานล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 1,665.85 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 646.52 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 1,019.33 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 451.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวม 14.34 ล้านบาท