กลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย จัดพิธีมอบประกาศเกียรติคุณ พร้อมการนำเสนอผลงานการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนและชุมชน โดยโรงเรียนตัวอย่างระดับภาคจำนวน 12 โรงเรียนจากทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ ที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมด้านการจัดการปัญหาน้ำเสีย ขยะ และพลังงาน โดยจะคัดเลือกให้เหลือ 6 โรงเรียนในรอบชิงชนะเลิศ เพื่อชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โครงการโรงเรียนสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมดีเด่น เฉลิมพระเกียรติ ครั้งที่ 4 นี้ ริเริ่มและดำเนินงานโดยกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ภายใต้คำปรึกษาของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยประกาศเปิดโครงการไปเมื่อเดือนกันยายน 2549 ที่ผ่านมา โดยมีโรงเรียนส่งข้อเสนอโครงการเข้าประกวด
เพื่อขอรับทุนดำเนินโครงการมากถึง 627 แห่งจากทั่วประเทศ และมีโรงเรียนที่ได้รับมอบทุนดำเนินโครงการจากฮอนด้าจำนวน 60 โรงเรียนด้วยกัน
นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานโครงการฯ เปิดเผยว่า “ในช่วง 1 ปีเต็มนับจากที่เราได้ประกาศเปิดโครงการฯ มานั้น ฮอนด้าและหน่วยงานร่วมดำเนินโครงการจากภาครัฐ ได้ทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง จนเกิดผลที่เป็นรูปธรรมและน่าภาคภูมิใจเช่นในวันนี้ ทั้งนี้ ฮอนด้าได้สะท้อนให้เห็นจุดยืนที่ชัดเจนในการเป็นผู้เชื่อมโยงให้เกิดเครือข่ายการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในแต่ละชุมชน โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริมาปรับใช้ ภายใต้แนวคิด “ตามรอยเท้าพ่อ…กับฮอนด้า” เพื่อให้โครงการสิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนพยายามดำเนินการอยู่นั้นเกิดความต่อเนื่องและยั่งยืนผ่านการพึ่งพาเครือข่าย”
ฮอนด้าได้เสริมสร้างองค์ความรู้ในด้านการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะด้านการจัดการปัญหาขยะ น้ำเสีย และพลังงานให้กับโรงเรียนและชุมชนผ่านรูปแบบของค่ายเสริมความรู้ การจัดกิจกรรมศึกษาดูงาน ณ ศูนย์ศึกษาพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั่วประเทศ การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเพื่อให้คำแนะนำแก่โรงเรียนที่ได้รับทุน 60 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยนักวิชาการท้องถิ่นกว่า 200 คน และล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฮอนด้าและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกว่า 50 คน จากหน่วยงานร่วมดำเนินโครงการฯ ได้ลงพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อตรวจประเมินโครงการของโรงเรียนทั้ง 60 แห่ง และคัดเลือกโรงเรียนตัวอย่างระดับภาคๆ ละ 3 โรงเรียน รวม 12 โรงเรียน นอกจากนั้น ทางโครงการฯ ยังได้เพิ่มรางวัลชมเชยให้แก่ 19 โรงเรียนที่มีผลงานดีเด่นในด้านต่างๆ ได้แก่ การประยุกต์ใช้แนวพระราชดำริ การประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น การเชื่อมโยงเครือข่าย การขับเคลื่อนโครงการ และการบูรณาการหลักสูตร อีกด้วย
ลำดับต่อไป โรงเรียนทั้ง 12 แห่งที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ จะนำเสนอผลงานพร้อมจัดนิทรรศการที่กรุงเทพฯ ในวันนี้ (15 ต.ค.) ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คณะกรรมการระดับประเทศได้พิจารณาคัดเลือกเหลือเพียง 6 โรงเรียนที่จะก้าวเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศต่อไป โดยหลังจากนี้ คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าว จะลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อตรวจประเมินโครงการก่อนจะประกาศโรงเรียนถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 1 รางวัล และโรงเรียนยอดเยี่ยมประเภทน้ำเสีย ขยะ พลังงาน อีกประเภทละ 1 รางวัล รวมทั้งสิ้น 4 รางวัล ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อโรงเรียนที่เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอย่างเป็นทางการได้ภายในวันที่ 30 ตุลาคมศกนี้
“ผมเชื่อว่า การดำเนินงานของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ นั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการลงมือแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในชุมชน และถ้าเราทุกคนในโครงการฯ มีความตั้งใจจริงที่จะร่วมเดินตามรอยเท้าพ่อ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับสังคมของเรา ก็จะเป็นการร่วมกันสนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลานของเราต่อไป” นายอดิศักดิ์กล่าวปิดท้าย
