มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) โดยภราดา ดร. บัญชา แสงหิรัญ อธิการบดี ภราดา ดร. ประทีป มาร์ติน โกมลมาศ อธิการบดีกิตติคุณ พร้อมด้วยคณาจารย์ นักศึษา ศิษย์เก่า ตัวแทนผู้ประกอบการและภาคธุรกิจ ตลอดจนสื่อมวลชน จะทำการเปิด “เอแบค ซิตี้ แคมปัส” วิทยาเขตสำหรับหลักสูตรระยะสั้นศูนย์สอนภาษา การฝึกอบรม การสัมมนาเพิ่มพูนความรู้และทักษะทางธุรกิจและการประกอบการ รวมทั้งหลักสูตรปริญญาโทในบางสาขาวิชา สำหรับคนทำงาน องค์กรและบุคลทั่วไป ณ ชั้น 14 ห้างสรรพสินค้าเซน เซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ ในวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา 10.00 น. – 11.30 น.
“ซิตี้แคมปัส” นวัตกรรมใหม่ทางการศึกษาของคนทำงานที่ต้องการพัฒนาตนเองให้ทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม ท่ามกลางบรรยากาศทางธุรกิจ (Business Environment) ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง การเดินทางสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องหาที่จอดรถหรือเหนื่อยจากการฝ่าการจราจรที่หนาแน่นและติดขัด
มหาวิทยาลัยกลางใจเมืองของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรียกว่า “ซิตี้แคมปัส” ได้เปิดแล้วที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล ราชประสงค์ ตามแนวคิด “มหาวิทยาลัยในสถานประกอบการ” เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ต้องมีพื้นที่บริเวณกว้างขวางเหมือนวิทยาเขตสุวรรณภูมิ หรือ วิทยาเขตหัวหมาก แต่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลด้วยระบบเทคโนโลยีในเครือข่ายได้ทั้งหมด ถือเป็นความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยยุคใหม่ที่แตกต่างจากสมัยก่อน ด้วยการปรับกระบวนทัศน์ใหม่ที่จะให้บริการทางวิชาการแก่สังคมได้กว้างขวางและตรงกับกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น
แนวคิดใหม่นี้ หน้าที่ของมหาวิทยาลัยไม่จำกัดเฉพาะในกรอบเรื่องการเรียนการสอน การทำวิจัย การให้บริการสังคม และส่งเสริมวัฒนธรรมเท่านั้น แต่มหาวิทยาลัยยุคใหม่ต้องคิดและทำมากกว่านั้น คือ การเรียนการสอนจะมุ่งสู่การเป็นผู้นำ การบริหารจัดการ และการสร้างอินโนเวชั่นจากงานวิจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น งานวิจัยมิใช่เพื่อสร้างองค์ความรู้แล้วเก็บไว้เฉยๆ เท่านั้น แต่เป็นการวิจัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งในภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจฐานราก เพื่อการผลิตเชิงธุรกิจต่อไป ซึ่งประเทศไทยยังมีน้อย
การเปิด “ซิตี้แคมปัส” ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญจึงเป็นการให้บริการรูปแบบหนึ่ง ที่ต้องการตอบสนองกลุ่มนักธุรกิจทุกเพศทุกวัย ที่ประสงค์จะพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับกระแสโลกาภิวัตน์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างพลวัต ตามหลักการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะถ้าไม่แสวงหาความรู้ก็จะตามความเปลี่ยนแปลงและคนอื่นไม่ทัน จะทำให้ดำรงชีวิตงานและชีวิตครอบครัวยากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดในเรื่องเวลาและการเดินทาง (Time and Motion) มหาวิทยาลัยจึงต้องพัฒนารูปแบบการให้บริการทางวิชาการที่จะสามารถเอาชนะข้อจำกัดดังกล่าว หากมหาวิทยาลัยและวิทยาเขตยังอยู่ห่างไกลจากเมือง คนที่ทำงานแล้วต้องการเรียนรู้และพัฒนาตนเองเพิ่มเติม หากต้องฝ่าการจราจรที่ติดขัดในเมือง เพื่อไปห้องเรียนที่วิทยาเขตสุวรรณภูมิ ถนนบางนา-ตราด หรือ ฝ่าการจราจรที่คับคั่งและติดหนาแน่นย่านรามคำแหงไปเรียนที่หัวหมากทุกวันแล้ว ก็คงจะหมดกำลังใจและหมดความอดทนเสียก่อนที่จะได้เรียน ดังนั้น ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงคิดว่า “ซิตี้แคมปัส” คือ คำตอบและเป้าหมายที่จำเป็นของคนทำงาน ที่จะมาแสวงหาวิชาความรู้เพื่อพัฒนาตนเองด้วยความสะดวกสบาย
การจัดการเรียนการสอนที่ “ซิตี้แคมปัส” เน้นหลักสูตรระยะสั้น ซึ่งเหมาะสำหรับการพัฒนาและเพิ่มเติมความรู้ เช่น ความรู้ภาษาอังกฤษธุรกิจ ความรู้ภาษาจีน ความรู้ด้านธุรกิจและการประกอบการ เพื่อเรียนแล้วเอาไปใช้ในการทำงานหรือประกอบอาชีพได้ทันที เป็นการเรียนระบบเปิดที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ห้องเรียนห้องหนึ่งกำหนดไว้ไม่เกิน 30 คน เพื่อจะได้แบ่งปันความคิดเห็นและประสบการณ์กันได้อย่างทั่วถึง นักศึกษาที่มาเรียนจะเป็นผู้ที่ทำงานและส่วนมากเป็นผู้ใหญ่ จึงต้องการความสะดวกสบายในการเรียน ซึ่งแตกต่างกับการเรียนในระบบปิด การศึกษาระบบเปิดในรูปแบบของการเรียนทางไกล และการเรียนแบบคอร์สสั้นๆ นี้ ไม่เหมือนการเรียนระบบปิดในระดับปริญญาตรี ที่นักศึกษาจะต้องเน้นการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาในทุกมิติของคน คือ ต้องให้การอบรมบ่มนิสัยพร้อมไปกับวิชาความรู้ เพื่อการศึกษาต่อหรือการประกอบอาชีพ มหาวิทยาลัยไม่ใช่ให้ความรู้เพียงอย่างเดียวแต่ต้องปลูกฝังให้เยาวชนมีระเบียบวินัยด้วย เมื่อสำเร็จการศึกษาออกไปจะได้เป็นคนที่พึงประสงค์ของสังคมต่อไป นั่นคือ ไม่ว่าจะจัดการศึกษาในรูปแบบ “ระบบปิดหรือระบบเปิด” ก็ตาม มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญยังยึดมั่นในพันธกิจหลักที่สำคัญคือ “การจัดการศึกษาที่เน้นคุณภาพและคุณธรรม” ตามหลักปรัชญาการบริหารของมหาวิทยาลัยตลอดไป และไม่ว่ามหาวิทยาลัยจะจัดการศึกษาที่ไหนก็ตาม มหาวิทยาลัยจะต้องบรรลุเป้าหมายหลัก คือ “ต้องแสวงหาองค์ความรู้ใหม่มาแก้ปัญหา หรือสร้างนวัตกรรม เพื่อความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติของโลกให้ได้”
“ซิตี้แคมปัส” นี้ นอกจากจะเป็น “ศูนย์การศึกษา” ของมหาวิทยาลัยแล้ว ยังเป็น “ศูนย์การบริการ” (One Stop Service) นักศึกษาและผู้สนใจเกี่ยวกับการศึกษาของมหาวิทยาลัยอีกด้วย คือ จะให้บริการแก่นักศึกษา ศิษย์เก่า และบุคคลทั่วไปเกี่ยวกับข้อมูลของมหาวิทยาลัย รวมถึงใบรับรองผลการศึกษาหรือเอกสารต่าง ๆ แบบ One Stop Service ได้อย่างสะดวกสบาย
สนใจสอบถามข้อมูล โทรศัพท์ 02 1009115-8 โทรสาร 02 1009119 E-mail: [email protected]
