บลจ. ทิสโก้ บุกตลาดกองทุนตราสารหนี้เอฟไอเอฟ (FIF) อย่างต่อเนื่อง ส่ง “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักร” เน้นลงทุนในพันธบัตรอังกฤษ ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐต่างประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และเน้นความมั่นคง สวนกระแสความไม่แน่นอนของวิกฤติซับไพรม์ โดยกองทุนนี้จะออกเป็นสกุลเงินปอนด์ เสนอขายครั้งเดียววันที่ 7-14 พฤศจิกายน 2550 ระยะเวลาลงทุน 1 ปี 4 เดือน 10 วัน เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 20,000 บาท ผลตอบแทนโดยประมาณ 4.5% ต่อปี
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทออก “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย ดิวิเดนด์ ฟันด์” โดยกองทุนดังกล่าวขายดีจนต้องขยายเงินทุนจดทะเบียนโครงการ ล่าสุดบริษัทจึงส่ง “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักร” ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรของประเทศสหราชอาณาจักร ตราสารภาครัฐต่างประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และเน้นความมั่นคงของประเทศผู้ออกตราสารหนี้เป็นหลัก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของวิกฤติซับไพร์ม หรือหนี้เสียภาคอสังหาฯ ของสหรัฐฯ และความกังวลใจในผลขาดทุนที่ผุดขึ้นกับสถาบันการเงินบางแห่งในขณะนี้
“ เหตุผลที่เน้นลงทุนกับพันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักร เนื่องจากเป็นประเทศที่มีเครดิตเรตติ้ง หรืออันดับความน่าเชื่อถือสูงที่สุด คือ AAA และมีนักลงทุนหลายรายต้องการไปลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ แต่ด้วยสภาวการณ์ที่ยังคลุมเครือจากวิกฤติซับไพร์ม จึงยังไม่วางใจที่จะไปลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนหรือแม้แต่พันธบัตรรัฐบาลบางประเทศที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ส่วนกรณีที่มุ่งเน้นไปยังประเทศเป็นสกุลเงินปอนด์ เนื่องจากต้องการเลี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินของสหรัฐ เพราะนักวิเคราะห์จากหลายสำนักฯ ต่างมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาน่าจะเข้าสู่สภาวะชะลอตัว ทำให้มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่ค่าเงินสกุลเหรียญของสหรัฐ จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักต่างๆ อาทิเช่น เงินสกุลปอนด์ของอังกฤษ หรือ เงินยูโร เป็นต้น”
โดยจากการพิจารณาอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่คาดว่าจะลงทุน คือ พันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักร รุ่น 4 03/09 (ครบอายุเดือนมีนาคม 2552) ที่สัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนประมาณ 5.1% ต่อปี และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และ/หรือเงินฝาก โดยมีค่าใช้จ่ายของกองทุนประมาณ 0.6% ต่อปี จึงเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนโดยประมาณหลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุน น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.5% ต่อปี ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนและอัตราผลตอบแทนอาจเปลี่ยนแปลงไป ขึ้นอยู่กับผลการประมูลของตราสาร ณ วันที่ลงทุนและการเปลี่ยนแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หากเทียบการลงทุนในเงินฝากหรือพันธบัตรรัฐบาลไทยที่อายุใกล้ๆกันก็นับว่าผลตอบแทนน่าสนใจกว่ามาก
“เนื่องจากกองทุนนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ ดังนั้นจะไม่มีการซื้อสัญญาฟอร์เวิร์ดเพื่อป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน เพราะหากผู้ลงทุนมองว่าในอนาคตค่าเงินบาทต่อเงินสกุลปอนด์ของอังกฤษไม่น่าจะผันผวนมากนัก ก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และจะทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากกว่า นอกจากนี้จากการที่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ามากอย่างต่อเนื่องยาวนานก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่อาจจะถึงเวลาที่ค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่าได้ โดยเฉพาะในตอนนี้ทางการเองก็มีความตั้งใจที่จะพยายามแทรกแซงการแข็งค่าของเงินบาทอย่างจริงจัง และที่สำคัญกองทุนนี้มิใช่เป็นสกุลดอลลาร์แต่เป็นเงินปอนด์ ดังนั้นความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาทต่อสกุลเงินดอลลาร์จึงไม่น่าเป็นประเด็นที่น่ากังวลใจ”
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรสหราชอาณาจักร” เน้นลงทุนในพันธบัตรของประเทศสหราชอาณาจักร ตราสารภาครัฐต่างประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลืออาจลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และเงินฝาก เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและสำรองเป็นค่าใช้จ่ายของกองทุน
ผู้สนใจลงทุนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ. ทิสโก้ โทร. 02 633 7351-57 หรือหน่วยลูกค้าสัมพันธ์กองทุนรวม โทร. 02 633 7777 หรือ www.tiscoasset.com
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน