ธนาคารทิสโก้ได้รับการจัดอันดับให้ได้รับรางวัลผู้ค้าหุ้นกู้ภาคเอกชนยอดเยี่ยม หรือ “Best Bank in Thai Baht Corporate Bonds 2007” จากนิตยสาร The Assetต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยนิตยสารดังกล่าวจัดทำผลสำรวจนักลงทุนสถาบันทั่วเอเชีย เผยปีหน้าเตรียมยกระดับคุณภาพบริการและพัฒนาทีมงาน เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดค้าหุ้นกู้เอกชนด้วยส่วนแบ่งกว่า 50%
นายเมธา ปิงสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการสายบริหารเงินและธนบดีธนกิจ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นิตยสาร The Asset ฉบับเดือนธันวาคม 2550 ได้ทำการประกาศผล The Asian Currency Bond Benchmark Survey 2007 Awards หรือผลการสำรวจเครื่องมือชี้วัดการดำเนินงานของตราสารหนี้สกุลเงินเอเชียประจำปี 2550 ซึ่งในปีนี้ ธนาคารทิสโก้ได้รับรางวัล Best Bank in Thai Baht Corporate Bonds 2007 หรือธนาคารผู้ค้าตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ภาคเอกชนสกุลเงินบาทยอดเยี่ยม โดยได้รับรางวัลดังกล่าวเป็นปีที่สองติดต่อกัน
โครงการ The Asian Currency Bond Benchmark Awards จัดโดย The Asset Benchmark Research ซึ่งเป็นหน่วยงานในเครือของ The Asset Magazine ได้ติดตามการเติบโตและการพัฒนาของตลาดตราสารหนี้สกุลเงินเอเชียเป็นประจำทุกปี โดยทำการสำรวจข้อมูลดังกล่าวทั้งจากด้านผู้ขาย (Sellside) และผู้ซื้อ (Buyside) ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบัน 9 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน และประเทศไทย โดยพิจารณาในด้านประสิทธิภาพการให้บริการ ปริมาณซื้อขาย (Trade Volume) รวมถึงความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อนักลงทุนและนำมาจัดอันดับผู้ให้บริการยอดเยี่ยม
“รางวัลนี้เป็นรางวัลสำหรับผู้ค้าตราสารหนี้ในตลาดรอง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญอีกหน้าที่หนึ่งของฝ่ายบริหารเงินธนาคารทิสโก้ ซึ่งให้บริการซื้อขายหุ้นกู้ภาคเอกชนให้แก่นักลงทุนสถาบัน ประเภทกองทุนต่างๆ บลจ. บริษัทประกันต่างๆ ซึ่งผลการสำรวจพบว่าตลาดตราสารหนี้สกุลเงินเอเชียมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนสถาบันเริ่มมีความต้องการที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น รวมถึงคาดหวังว่าจะได้รับบริการจากผู้ค้าตราสารหนี้ที่ดีขึ้นเช่นกัน”
สำหรับเกณฑ์ในการพิจารณา มาจากคุณภาพการให้บริการเป็นหลัก กล่าวคือ การตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว เข้าใจความต้องการของลูกค้า ราคาในการซื้อขายสมเหตุสมผล สาเหตุที่ธนาคารทิสโก้ได้รับรางวัลน่าจะมาจากจุดเด่นที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าสถาบันหลายราย สามารถจัดสรรตราสารที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ในราคาที่เหมาะสม นอกจากนี้ เรามีการฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่อง มีทีมเวิร์คที่ดีจึงสามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญคือ มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า” นายเมธา กล่าว
ทั้งนี้ จากการจัดอันดับของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ที่ได้ทำการจัดอันดับอันดับของผู้ค้าตราสารหนี้ (Dealer) ที่มีธุรกรรมสูงสุดเมื่อพิจารณาจากมูลค่าการซื้อขายประเภท Outright Trading เฉพาะตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ภาคเอกชน (Corporate Bond) ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2550 นั้นรายงานว่า ธนาคาร ทิสโก้ มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 17,485.22 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด ถึง 52.72% หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 ล้านบาท
นายเมธา กล่าวว่า สำหรับแผนงานในปี 2551 ธนาคารทิสโก้จะยังคงเน้นการรักษามาตรฐานการทำงานและการให้บริการของการค้าตราสารหนี้ประเภทหุ้นกู้ภาคเอกชน ให้สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 ได้อย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมจำนวนหุ้นกู้ทั้งหมด จากปัจจุบันที่ครอบคลุมประมาณ 90% ของหุ้นกู้ภาคเอกชน
“นอกจากนี้เราจะเสริมจำนวนทีมงานและพัฒนาความรู้ ความเข้าใจและความสามารถของทีมงานให้ครอบคลุมทุกส่วนการทำงาน เพื่อให้เห็นกระบวนการทำงานและเข้าใจตลาดเงินโดยรวมทั้งหมด ทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงกันเกี่ยวกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้เรารักษาตำแหน่งผู้นำตลาดของ Corporate Bond ได้ต่อเนื่องต่อไป”