“เอสคูโด้ คลับ พร้อมเปิดตัวการปรับโฉมใหม่ ‘อินเทอร์แอ๊คทีฟ บาร์’

เอสคูโด้ คลับ (Escudo club) พร้อมเปิดตัวการปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ 2551 กับ “อินเตอร์แอคทีฟ บาร์” (Interactive Bar) คลับหรูอันดับหนึ่งของเมืองไทย บนซอยทองหล่อ ทุ่มงบประมาณกว่า 35 ล้านบาท นำเข้าเทคโนโลยีล่าสุดจากยุโรป ฉีกรูปแบบสไตล์เดิมๆ ของการเที่ยวกลางคืน พร้อมปรับลุคส์ใหม่และขยายพื้นที่รวม 3 ชั้น คาดหวัง ลูกค้าเพิ่มอีก 40 % เพื่อการเป็นคลับสากลระดับโลก

นาย วรวุฒิ บุญทิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปัจจัย แอนด์ โก จำกัด เจ้าของและผู้ก่อตั้ง เอสคูโด้ คลับ คลับหรูย่านทองหล่อ เปิดเผยว่า “ทางเอสคูโด้ คลับ พร้อมทำการเปิดตัวการปรับโฉมใหม่อย่างเป็นทางการกับ “อินเตอร์แอคทีฟ บาร์” (Interactive Bar) เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข คริสต์มาส และปีใหม่ 2551 ที่กำลังจะใกล้มาถึงนี้ ด้วยกว่า 10 ปีที่เอสคูโด้ คลับ ได้เปิดบริการต้อนรับกลุ่มลูกค้านักเที่ยว โดยได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากตลอดมา ด้วยตัวเลขฐานลูกค้า ณ ปัจจุบัน เอสคูโด้ คลับ มีฐานลูกค้าประมาณ 10,000 ราย ซึ่งเป็น A List คือกลุ่มผู้นำเทรนด์และมีกำลังซื้อสูง โดยจุดเด่นของเอสคูโดที่แตกต่างจากผับอื่นๆ คือเรื่องของการตกแต่งและบรรยากาศร้านที่หรูหราเทียบชั้นระดับโลก ความสนุกของแนวเพลง และดีเจระดับอินเตอร์ การตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้าที่เป็น A List ทำให้เรามีลูกค้าชั้นเยี่ยมที่ใช้บริการเราอย่างต่อเนื่องมากมาย แต่เราก็ไม่ได้หยุดนิ่งในการรักษาความเป็นผู้นำตลาด เพราะการแข่งขันที่สูงขึ้นจากการเปิดตัวของคลับ บาร์ใหม่ๆ โดยเฉพาะในย่านเอกมัย – ทองหล่อ มีบาร์เปิดใหม่ รวมทั้งปรับปรุงใหม่ในปีนี้ กว่า 20 แห่ง โดยทางเราคาดการณ์ว่า การปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้จะทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ประมาณ 30-40% จากเดิมที่มีจำนวนผู้ใช้บริการประมาณวันละ 400-500 คน”

“โดยการปรับโฉมครั้งใหม่นี้ ได้แนวคิดมาจากการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงขึ้นของธุรกิจคลับ บาร์ ในประเทศไทย เราจึงต้องการมองหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้แตกต่างและรักษาความนิยมที่ได้รับมาตลอด 10 ปี โดยทางคณะผู้บริหารได้ตระเวนไปตามคลับ/บาร์ชื่อดังทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ, เยอรมัน, สวีเดน และ อิตาลี เพื่อหาเทรนด์ และรูปแบบการตกแต่งใหม่ๆ มาปรับโฉม เอสคูโด้ ให้รักษาความเป็นผู้นำ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวไปสู่การเป็นคลับระดับสากลเทียบเท่าคลับใหญ่ๆ ในต่างประเทศ”

วรวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การปรับโฉม เอสคูโด้ คลับ ในครั้งนี้ นอกเหนือจากการตกแต่งใหม่ และการขยายพื้นที่เป็น 3 ชั้น 3 โซน ได้แก่ โซนดนตรีสด (Live Band) บนชั้น 3, โซนฮิปฮอป (Hip Hop DJ) บนชั้น 4 และโซนอิเล็คทรอนิค เฮาส์ (Electronic House) บนชั้น 5 เรายังได้นำเข้า “อินเตอร์แอคทีฟ บาร์” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและเป็นที่นิยมกันมากๆ ในแถบยุโรปมาเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของเรา โดยรูปแบบของอินเทอร์แอคทีฟ บาร์ จะเป็นบาร์ที่เราสามารถสื่อสารกับคน และโต้ตอบระหว่างบาร์และผู้เล่น ด้วย 3 รูปแบบคือ การเล่นเกมส์ (Interactive games), การเขียนข้อความลงบนโต๊ะ การโต้ตอบของกราฟฟิค (Interactive screen saver)และในอนาคตจะสามารถส่งข้อความผ่านระหว่างโต๊ะได้ โดยที่เอสคูโด้ จะเป็นคลับแห่งแรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ เพราะเราต้องการเปิดมุมมองใหม่ให้คนไทยได้สัมผัสกับไลฟ์สไตล์การเที่ยวรูปแบบใหม่เป็นครั้งแรกในเมืองไทย”

“โดยการเปิดตัวใหม่ของเอสคูโด้ คลับ ในครั้งนี้ เราได้ทุ่มงบประมาณการลงทุนกว่า 35 ล้าน บาท แบ่งเป็น

ส่วนแรก 10 ล้านบาท เป็นการลงทุนในเรื่องอินเตอร์แอคทีฟทั้งในส่วนของโปรแกรม และฮาร์ดแวร์

ส่วนที่สอง 15 ล้านบาท เป็นการลงทุนในเรื่องการตกแต่ง ออกแบบ และขยายร้านออกเป็น 3 ชั้น 3 โซนด้วยกัน ได้แก่ โซนดนตรีสด (Live Band), โซนฮิปฮอป (Hip Hop DJ) และโซพูลเฮาส์ (Soulful House) พร้อมนำ ไลท์ติ้ง ดีไซน์เนอร์จากอิตาลี่มาเป็นผู้ออกแบบระบบแสงสีในร้าน และ

ส่วนสุดท้ายงบประมาณอีก 10 ล้านบาท สำหรับงบการส่งเสริมการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ การจัดอีเว้นท์ กิจกรรมต่างๆ ทั้งช่วงก่อนเปิด, ช่วงเปิด และหลังเปิด โดยเราได้เตรียมไฮไลท์เด็ดไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเจและอาร์ติสชื่อดังของโลก รวมทั้งคอนเสิร์ตของศิลปินดังมากมายเพื่อฉลองการเปิดตัวครั้งใหม่”

“ในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของเอสคูโด้นี้ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อตอบรับการปรับปรุงโฉมใหม่ ของเอสคูโด้ คลับ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์รูปแบบใหม่ของคลับระดับอินเตอร์ ครั้งแรกในเมืองไทย ณ “เอสคูโด้ คลับ” โฉมใหม่บนพื้นที่ 3 ชั้นของอาคาร Dutchess Plaza บนถนนทองหล่อ หนึ่งในคลับชั้นนำของไทย ด้วยเนื้อที่ 700 ตร. เมตร จุคนได้ 1500 คน และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอสคูโด้ คลับ โฉมใหม่นี้ จะมอบความสุขได้เป็นอย่างดีกับทุกท่านที่มาใช้บริการ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและ ปีใหม่ 2550 นี้” วรวุฒิ กล่าวสรุปในที่สุด