“ธนาคารเกียรตินาคิน” ตั้งเป้าเป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์แสนล้านภายในสิ้นปี 51 เน้นขยายสินเชื่อให้เพิ่มขึ้นอีก 30% และระดมเงินฝากเพื่อรองรับการเติบโตผ่านสาขาที่จะเปิดเพิ่มอีก 10 แห่ง มั่นใจบุคลากรที่เชี่ยวชาญให้การบริการครบวงจรเกินความคาดหมาย จะทำให้เกียรตินาคินเป็น Top of the Mind ของ ลูกค้า
นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานธนาคารเกียรตินาคินพบสื่อมวลชน เพื่อแถลงข่าวทิศทางการดำเนินในปี 2551 ตลอดจนผลประกอบการในปี 2550 ที่ผ่านมาว่า “ในปี 2551 ธนาคารฯ ตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์เป็นแสนล้าน เปิดสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา และมุ่งเน้นเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มประมาณ 40% โดยมีสินทรัพย์ขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 15% นอกจากนี้ ธนาคารฯ ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ระดับ 30% หรือเพิ่มขึ้นราว 2 หมื่นล้าน จากสิ้นปีที่แล้วซึ่งมียอดคงค้างสินเชื่อรวมอยู่ที่ 65,084 ล้านบาท โดยสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งเป็นธุรกิจหลักจะขยายตัวได้ราว 35% ส่วนการขยายสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคาดว่าจะยังคงไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทางด้านสินเชื่อธุรกิจ SMEs ประมาณการว่าจะเติบโตขึ้นเท่าตัว ส่วนเงินฝากและเงินกู้ยืมอื่นๆ จะเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งเป้าหมายนี้ ตั้งภายใต้สมมติฐานที่ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 4-5% และระดับเงินเฟ้อราว 3-4%”
เป้าหมายที่ตั้งไว้จะประสบความสำเร็จได้นั้น ธนาคารฯ ได้ให้ความสำคัญกับแรงขับเคลื่อนของทีมงานและพันธมิตร นั่นก็คือ บุคลากร และฐานลูกค้าเดิม ที่จะช่วยเสริมให้เกียรตินาคินเป็นธนาคาร ในอันดับต้นๆ ในใจลูกค้า (Top of the Mind) โดยสิ่งเหล่านี้จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ และมีการเติบโตอย่างยั่งยืน ส่วนเรื่องกลยุทธ์และแผนงานทางด้านสินเชื่อเช่าซื้อในปี 2551 นี้ ธนาคารฯ จะเพิ่มช่องทางการให้บริการตลอดจนพัฒนาระบบต่างๆ อาทิ จัดทำศูนย์ข้อมูลข่าวสาร (Knowledge Center) เพื่อกระจายข่าวสารที่สำคัญในการทำธุรกิจ และให้การสนับสนุนด้านต่างๆ กับคู่ค้า เพื่อให้คู่ค้าสามารถทำธุรกิจได้ดีขึ้น ตลอดจนนำระบบ HP Approval Online และการอนุมัติสินเชื่อฉับไว 30 นาที ซึ่งเป็นระบบอนุมัติสินเชื่อออนไลน์ที่เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Motor Expo เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า นำมาให้บริการในทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของคู่ค้าและลูกค้าในด้านการให้บริการและการอนุมัติสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมุ่งเน้นในการทำ Event Marketing เข้าร่วมงานใหญ่ๆ ระดับประเทศ ตลอดจนเพิ่มผลิตภัณฑ์ในด้านสินเชื่อส่วนบุคคล และการประกันภัย ซึ่งล่าสุดได้จัดทำโครงการ KK Car Shied PLUS กับพันธมิตรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประภัยอย่าง AIA และ ACE Life นายธวัชไชย กล่าวในตอนท้าย
สำหรับแผนงานด้านเงินฝากและการตลาดนั้น นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ ในปี 2551 ธนาคารฯ ตั้งเป้าจะระดมเงินฝากและเงินกู้ยืมอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก 20% ผ่านสาขาทั้ง 27 แห่ง และทยอยเปิดเพิ่มอีก 10 แห่งในสิ้นปี และขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มอีก 70% โดยเน้นลูกค้าขนาดกลางและรายย่อย ตลอดจนเพิ่มสัดส่วนของตั๋วแลกเงิน มีการออกหุ้นและระดมเงินฝากระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังได้เพิ่มช่องทางในการให้บริการต่างๆ ได้แก่ ATM, Internet Banking, Call Center มาให้บริการ เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงของลูกค้า และธนาคารฯ เตรียมพัฒนาระบบ CRM เพื่อพัฒนาขีดความสามารถและประสิทธิภาพการให้บริการของธนาคารฯตามกลุ่มลูกค้า เนื่องจากเรามีสาขาไม่มาก การนำระบบไอทีต่างๆ เข้ามาช่วย จะทำให้ธนาคารฯ สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง และคาดว่าจะทยอยเปิดตัวได้ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนแนวทางการระดมเงินฝากนั้น เรายังคงยึดที่ตัวลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) และมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า สำหรับลูกค้าเดิมที่ให้บริการกันมานาน จะรู้ว่าลูกค้าชอบออมเงินลักษณะไหน เทอมการฝากเป็นอย่างไร ธนาคารฯ จะนำเสนอสิ่งที่ตรงกับความต้องการให้กับลูกค้า ด้านลูกค้าใหม่ จะมีโปรโมชั่นที่แตกต่างกัน อาทิ แบบเพื่อนบอกต่อเพื่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ธนาคารฯ มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า ถ้าลูกค้าที่ฝากกับธนาคารฯ แล้วยังแนะนำเพื่อนมาฝากก็แสดงว่า พอใจในบริการของธนาคารฯ และยังคงเน้นการระดมเงินฝากที่สอดคล้องกับสินเชื่อ ที่มีระยะเวลา 1 ปี ขึ้นไป”
นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2550 ว่า “ ธนาคารฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 2,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือราว 6% ส่วนสินทรัพย์มียอดรวมอยู่ที่ 88,779 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 16.4% สินเชื่อหลักที่ธนาคารฯ สามารถขยายตัวได้ดี คือสินเชื่อเช่าซื้อ โดยมียอดรวมอยู่ที่ 42,238 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 42.4% มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10% ด้านเงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ มียอดรวมประมาณ 70,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18% และมีฐานลูกค้ากว่า 9 พันราย ส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ 16.4% (ไม่รวมกำไร Q4/2550) และหากคำนวณภายใต้เกณฑ์ บาเซิล 2 ซึ่งกำหนดใช้ปลายปี 2551 นี้ จะทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารฯ อยู่ในระดับเดิม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนของธนาคารฯ สำหรับส่วนต่างดอกเบี้ยสินเชื่อหลังหักสำรองในปี 2550 นั้นอยู่ที่ 4.1%”
เกียรตินาคิน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2514 เปิดดำเนินธุรกรรมธนาคารพาณิชย์ภายใต้ชื่อ “ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2548 ปัจจุบันมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 16.4% (ไม่รวมกำไร Q4/2550) สินทรัพย์รวมเท่ากับ 88,779 ล้านบาท มีสาขาทั่วประเทศ 27 แห่ง เป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ให้บริการครอบคลุมทั้งด้านเงินฝากประเภทออมทรัพย์ ประจำ กระแสรายวัน ตั๋วเงินฝาก กองทุน และสินเชื่อที่ธนาคารฯ มีความเชี่ยวชาญได้แก่ บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ บริการสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บริการสินเชื่อธุรกิจ และบริการทรัพย์สินรอขาย เป็นต้น