ซิกน่าประกันภัย รุกสร้างช่องทางการขายใหม่ “ไดเร็กต์เรสปอนส์ทีวี”

ซิกน่าประกันภัย บริษัทประกันภัยในเครือ ซิกน่า คอร์ปอเรชั่น จากอเมริกา รุกคืบก้าวสำคัญทำตลาดผ่านช่องทางการขายใหม่ “ขายตรงผ่านโทรทัศน์ หรือ ไดเร็กต์เรสปอนส์ทีวี” กระตุ้นการโทรเข้ามาซื้อประกันภัยทันทีหลังจากรับฟังข้อมูลจากภาพยนตร์โฆษณา นับเป็นบริษัทประกันรายแรกของไทยที่ใช้ช่องทางดังกล่าว หลังจากกลุ่มซิกน่าประสบความสำเร็จจากกลยุทธ์นี้ในประเทศอื่นๆ มาแล้วทั่วโลก บริษัทฯ เผย ถือเป็นการรุกก้าวที่สอง หลังจากบริษัทฯ โต 40 % ในปี 2550 จากการทำตลาดผ่านช่องทางเทเลมาร์เก็ตติ้งร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญ

นายสตีเวน ลี นอฟคอฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ซิกน่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัทธุรกิจประกันวินาศภัย ในเครือ ซิกน่า คอร์ปอเรชั่น จากประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2545 โดยเริ่มต้นในนามของ บริษัท ซิกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการตลาดประกันภัยให้แก่บริษัทประกันภัยชั้นนำรายอื่นๆ ผ่านช่องทางการขายทางโทรศัพท์ (เทเลมาร์เก็ตติ้ง) โดยมีทีมงานเจ้าหน้าที่ขายทางโทรศัพท์ที่เป็นบุคลากรของตนเองซึ่งได้รับการพัฒนาและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำการตลาดประกันภัยอย่างมืออาชีพให้แก่คู่ค้ามาโดยตลอด ต่อมา เมื่อบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยเมื่อปลายปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงได้เริ่มดำเนินธุรกิจประกันภัยส่วนบุคคลอย่างเต็มรูปแบบ โดยได้จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญหลายราย ทั้งกลุ่มสถาบันการเงิน และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เพื่อนำเสนอความคุ้มครองด้านประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันสุขภาพให้แก่กลุ่มลูกค้าของพันธมิตรดังกล่าว ซึ่งได้รับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดีจากพันธมิตรทุกราย ทำให้ในปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดเบี้ยประกันภัยรับปีแรก ประมาณ 500 ล้านบาท และมีเจ้าหน้าที่ขายทางโทรศัพท์ที่เป็นบุคลากรของบริษัทฯ เองมากกว่า 100 คน ปฏิบัติงานประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ถนนเพลินจิต

และในปีนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มต้นรุกตลาดด้วยกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญ ด้วยการสร้างช่องทางการขายแบบใหม่ ที่เรียกว่า การขายตรงผ่านโทรทัศน์ หรือ ไดเร็กต์เรสปอนส์ทีวี (ดีอาร์ทีวี) โดยตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป บริษัทฯ จะออกภาพยนตร์โฆษณาที่กระตุ้นให้ผู้ชมทางบ้านเกิดความสนใจและโทรศัพท์เข้ามายังศูนย์บริการของบริษัทฯ เพื่อซื้อประกันภัยหรือสอบถามถึงแบบประกันภัยที่ผู้ชมเพิ่งได้ชมไปทางโทรทัศน์ โดยบริษัทซิกน่าฯ ถือเป็นบริษัทประกันภัยรายแรกของประเทศไทยที่ใช้ช่องทางการขายในรูปแบบดังกล่าว นับเป็นการสร้างช่องทางที่ง่ายและสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบันที่มีความสนใจอยากจะสอบถามหรือซื้อประกันภัยผ่านทางเจ้าหน้าที่ขายทางโทรศัพท์

“ถึงแม้ว่า การขายประกันผ่านทางภาพยนตร์โฆษณา จะถือว่าเป็นสิ่งใหม่สำหรับธุรกิจประกันภัยในเมืองไทย แต่กลุ่มซิกน่าก็ได้ทดลองช่องทางการขายรูปแบบนี้และประสบความสำเร็จอย่างมากมาแล้วในตลาดแถบเอเซียหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน รวมถึงนิวซีแลนด์ ” นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาด บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าว และเปิดเผยต่อว่า “อย่างเช่นในเกาหลีใต้ ยอดเบี้ยประกันภัยรับปีแรกของปี 2550 ได้เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับยอดขายใน ปี 2548 ซึ่งเป็นปีแรกที่ซิกน่าเริ่มใช้ช่องทางการขายตรงผ่านโทรทัศน์ หรือ ดีอาร์ทีวี ส่วนไต้หวันก็เช่นกัน สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักในปี 2550 ซึ่งเป็นปีที่สองหลังจากที่เริ่มขายผ่านดีอาร์ทีวีในปี 2549 และจากการที่ช่องทางการขายผ่านดีอาร์ทีวี ประสบความสำเร็จในทุกประเทศที่เราได้เริ่มใช้ กลยุทธ์ดังกล่าวจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ใหม่ที่สำคัญของกลุ่มซิกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล ที่จะดำเนินการขยายผลไปทั่วโลก”

สำหรับผลิตภัณฑ์หรือแบบประกันที่นำเสนอในแคมเปญแรกนี้ คือแผนประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล(พีเอ) ในชื่อว่า “แผนสบายใจ” ซึ่งมีจุดขายสำคัญคือ “เบี้ยต่ำ คุ้มครองสูง และรับประกันโดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ” โดยจะไม่มีการสอบถามเรื่องประวัติสุขภาพ หรือ การตรวจสุขภาพถึงแม้ผู้ทำประกันจะอายุสูงถึง 70 ปีก็ตาม โดยแผนสบายใจดังกล่าว มีความคุ้มครองให้เลือกหลายระดับ เริ่มต้นตั้งแต่ 5 แสนบาท ถึงสูงสุด 2 ล้านบาทในกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ และยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดถึง 50,000 บาท ต่อการเกิดอุบัติเหตุหนึ่งครั้ง โดยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 249 บาทต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเบี้ยประกันภัยทั่วไปในท้องตลาดเมื่อเทียบจากผลประโยชน์คุ้มครองที่ได้รับ (กรุณาดูรายละเอียดเบี้ยประกันภัยและผลประโยชน์ความคุ้มครอง ตามตารางที่แนบมา) ทั้งนี้ เนื้อหาหลักในภาพยนตร์โฆษณาชุดดังกล่าว ได้สื่อสารถึง โอกาสในการเกิดอุบัติเหตุกับผู้สูงอายุที่มีได้ตลอดทุกเวลาทั้งในบ้านและนอกบ้าน โดยมี คุณนิรุตติ์ ศิริจรรยา นักแสดงชายอาวุโสชื่อดัง เป็นพรีเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียม VCD “คู่มือกินตามวัย” มูลค่า 150 บาทเพื่อมอบให้แก่ผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูลกับศูนย์บริการโทรศัพท์ของซิกน่าอีกด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ตัดสินใจซื้อก็ตาม โดยภาพยนตร์โฆษณาดังกล่าวจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์เป็นต้นไปจนถึงประมาณกลางปีนี้

นายนอฟคอฟ กล่าวในตอนท้ายว่า แคมเปญดังกล่าว บริษัทฯ ได้ใช้งบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งการวัดผลสำเร็จของแคมเปญนี้ จะวัดจากจำนวนผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาที่ศูนย์บริการโทรศัพท์ของซิกน่าทันทีที่ผู้ชมได้เห็นโฆษณาในแต่ละครั้งในแต่ละช่วงเวลา โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายความสำเร็จของแคมเปญดังกล่าวว่า จะช่วยเพิ่มยอดเบี้ยประกันภัยรับปีแรกให้แก่บริษัทฯ ในปี 2551 ได้ประมาณ 60 % เพิ่มขึ้นจากยอดเบี้ยประกันรับปีแรก ณ สิ้นปี 2550 ที่มียอดรวมอยู่ประมาณ 500 ล้านบาท

ข้อมูลประวัติบริษัทซิกน่า คอร์ปอเรชั่น และซิกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล

บริษัท ซิกน่า คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวกันของ 2 บริษัทประกันชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ไอเอ็นเอ คอร์ปอเรชั่น (INA) และ บริษัท คอนเน็กติคัท เจเนอรัล ไลฟ์ อินชัวรันส์ (CG) ซึ่งเมื่อผนวกรวมอักษรย่อของทั้งสององค์กรแล้ว จึงปรากฏในชื่อใหม่ว่า “ซิกน่า (CIGNA)”

จากจุดเริ่มต้นของบริษัทฯ ที่เมืองฟิลาเดเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย และเมืองฮาร์ทฟอร์ด รัฐคอนเน็คติคัท ปัจจุบัน บริษัทซิกน่า คอร์ปอเรชั่น ได้เติบโตและขยายธุรกิจออกไปทั่วสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก โดยดำเนินธุรกิจหลักในด้านการประกันสุขภาพและประกันอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพร่างกาย เช่น ประกันสุขภาพปากและฟัน สุขภาพสายตา ยาและการรักษา รวมถึงการประกันอุบัติเหตุ และการประกันชีวิต ซิกน่าได้รับความไว้วางใจ จากทั้งลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั่วโลก โดยมีเครือข่ายธุรกิจและบริษัทลูกมากมายในหลายประเทศ และมีพนักงานประจำโดยรวมกว่า 24,000 คนทั่วโลก

ด้าน บริษัทซิกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นฝ่ายงานหนึ่งของ ซิกน่า คอร์ปอเรชั่น ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจประกันภัยส่วนบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความคุ้มครองด้านประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันสุขภาพแก่ผู้บริโภค ผ่านช่องทางการขายที่หลากหลาย ได้แก่ ไดเร็กมาร์เก็ตติ้ง เทเลมาร์เก็ตติ้ง และแบงค์แอสชัวรันส์ โดยดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศต่างๆ ทั้งยุโรป อเมริกา เอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึง ประเทศไทยด้วย