บลจ.ทิสโก้ ส่ง “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15%” กองทุนรวมต่างประเทศกองใหม่ เน้นลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ระยะเวลาลงทุน 1 ปี หรือปิดกองทุนคืนเงินให้ผู้ถือหน่วยทันทีเมื่อได้ผลตอบแทนถึงเป้าหมาย 15% โดยไม่ต้องรอครบ 1 ปี ชูจุดเด่นราคาหุ้นในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกมีโอกาสฟื้นตัวสูง
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยถึงรายละเอียดของกองทุน FIF ใหม่ล่าสุด ว่า “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15%” เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น โดยกองทุนรวมต่างประเทศที่เป็นกองทุนหลัก คือ “กองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan” ที่มีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง และมีนโยบายการลงทุนในหุ้นเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15%” จะเลิกดำเนินการและคืนเงินให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนเมื่อสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 15% ภายในระยะเวลา 1 ปี หรือกองทุนสามารถเลิกกองทุนได้ทันทีไม่ต้องรอครบ 1 ปี หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตั้งแต่ร้อยละ 15 ของมูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วย (10.00 บาท) เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน เงินทุนของโครงการที่จดทะเบียนไว้คือ 1,400 ล้านบาท อายุโครงการ 1 ปี
“คิดว่าผู้ลงทุนส่วนมากทราบดีว่าที่ผ่านมาตลาดทุนในเอเชียแปซิฟิกได้รับผลกระทบที่ทำให้เกิดความผันผวนในระยะสั้นๆ แต่ในระยะปานกลางตลาดทุนในเอเชียแปซิฟิกก็ถือว่ายังคงแข็งแกร่งอยู่ และจะมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มนี้ยังมีการขยายตัวในระดับที่สูง โดย IMF ยังคงเชื่อมั่นว่าจีนและอินเดียจะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปี 2551 และคาดการณ์ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคนี้จะเติบโตมากกว่า 7% ในขณะที่อเมริกาและยุโรปเติบโตเพียง 2% และ 2.6%”
เขากล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม จากบทเรียนในปีที่ผ่านมา พบว่าความผันผวนของตลาดทำให้เมื่อราคาหุ้นขึ้นแล้วผู้ลงทุนไม่ได้ขาย จะทำให้เสียโอกาสในการทำกำไรไป ดังนั้นจึงเชื่อว่ากองทุนนี้จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ กล่าวคือ หากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในระดับที่น่าพอใจก็ควรขายเพื่อทำกำไรไปเลย ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนและนำกำไรมาเก็บไว้ก่อน
“ซึ่งในมุมมองของเรา การที่ดัชนี MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan จะปรับตัวขึ้นร้อยละ15 ใน 1 ปีนั้น มีความเป็นไปได้ที่สูง เพราะในปีที่ผ่านมาดัชนีมีการแกว่งตัวถึงร้อยละ 37 ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่มุ่งโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี และสามารถมองข้ามความผันผวนในระยะสั้นๆ อันเนื่องมาจากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา การหันมาลงทุนในตลาดทุนเอเชียแปซิฟิกจึงน่าจะเป็นคำตอบที่ดี” นายธีรนาถกล่าว
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15%” กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีกำหนดเสนอขายครั้งเดียวประมาณวันที่ 6 -14 มีนาคม 2551 นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 20,000 บาท นักลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ. ทิสโก้ โทร. 02 633 7351-57 หรือหน่วยลูกค้าสัมพันธ์กองทุนรวม โทร. 02 633 7777 หรือ www.tiscoasset.com
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน