วงการพระเครื่องปี’51 : กระแสจตุคาม-รามเทพซบเซา…ตลาดพระเครื่องยังทรงตัว

หลังจากที่กระแสความนิยมจตุคาม-รามเทพซบเซาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2550 ทิศทางของวงการพระเครื่องในปี 2551 ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากกระแสจตุคาม-รามเทพซบเซา นับว่าอยู่ในความสนใจของผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงดำเนินการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการพระเครื่องเพื่อสรุปทิศทางของวงการพระเครื่องในปี 2551 และแนวโน้มในอนาคต ซึ่งพอจะสรุปได้ว่าตลาดพระเครื่องยังคงมีแนวโน้มทรงตัวเช่นเดียวกับในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 โดยที่อัตราการเติบโตของตลาดพระเครื่องจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากไม่ได้รับอานิสงส์จากกระแสเฟื่องฟูขององค์จตุคาม-รามเทพ รวมทั้งยังไม่มีกระแสพระเครื่องหรือวัตถุมงคลใหม่ที่จะสร้างแรงหนุนให้วงการพระเครื่องมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดเช่นเดียวกับองค์จตุคาม-รามเทพในช่วงระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2551 ส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าบูชาทั้งพระเครื่องรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดสร้างพระเครื่องก็ต้องมีการปรับตัว เนื่องจากต้องเผชิญกับต้นทุนการจัดสร้างที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจต่อเนื่องในวงการพระเครื่องซึ่งเคยได้รับอานิสงส์จากกระแสเฟื่องฟูขององค์จตุคาม-รามเทพก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของธุรกิจพระเครื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องจับตามองคือ ตลาดพระเครื่องมีโอกาสที่จะกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง เนื่องจากตลาดพระเครื่องเป็นตลาดที่มีลักษณะพิเศษไม่ได้แปรผันไปตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ผูกติดอยู่กับศรัทธาและกระแสความนิยม ดังนั้นถ้ามีแรงหนุนจากการสร้างพระเครื่องหรือวัตถุมงคลที่สร้างศรัทธาและกระแสความนิยมในวงกว้างได้ ตลาดพระเครื่องจึงยังเป็นตลาดที่มีโอกาสในการเติบโต

ทิศทางตลาดพระเครื่องในปี 2551…กระแสใกล้เคียงกับครึ่งหลังปี 2550
สถานการณ์ในวงการพระเครื่องในปี 2551 คาดว่าเม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาดพระเครื่องยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ใกล้เคียงกับปี 2550 โดยมีเม็ดเงินหมุนเวียนประมาณ 40,000 ล้านบาท อันเป็นผลจากกระแสซบเซาขององค์จตุคาม-รามเทพ แต่ตลาดพระเครื่องก็ไม่ได้จะเงียบไปเลยเหมือนวงการธุรกิจอื่นๆ แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการซื้อเช่าหาจตุคาม-รามเทพกันมาก จนกระทั่งทำให้คิดว่าไม่มีการเช่าพระเครื่องอื่นๆตามปกติ ทำให้คิดว่าตลาดพระเครื่องอื่นๆไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ที่จริงแล้วตลาดพระเครื่องอื่นๆยังมีการเคลื่อนไหว แต่ไม่ดังฮือฮาเหมือนการหาเช่าจตุคาม-รามเทพที่เป็นกระแสนิยมในช่วงระยะ 2 ปีที่ผ่านมา

ตลาดพระเครื่องปี 2551 คาดว่ากระแสพระเก่าไม่ว่าจะเป็นพระเกจิอาจารย์ ทั้งพระกรุ และพระบูชา เริ่มที่จะกลับมาครองตลาดพระเครื่องเช่นเดิม หลังจากกระแสจตุคาม-รามเทพซบเซา บรรดาเซียนพระมีความเห็นตรงกันว่าแนวโน้มตลาดพระเครื่องในปี 2551 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณกับความต้องการยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สินค้ามีอยู่จำกัด โดยเฉพาะพระเก่า ขณะที่มีผู้ต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อของไม่มีให้คนได้หาเช่ากัน ส่งผลให้ของที่หายากมีราคาสูงขึ้นทุกปี ทั้งนี้ตลาดพระเครื่อง พระเก่ายังไปได้สวย ราคาไม่มีวันตก บรรดาเซียนพระยังคงรับเช่าพระเก่าทุกองค์ ถ้าเป็นของแท้ สวย องค์พระมีความโดดเด่น ซึ่งรับแบบไม่อั้นเหมือนกัน เพราะมองในมุมของการลงทุนที่คุ้มค่าในช่วงภาวะเศรษฐกิจซบเซา

ประเด็นที่น่าสนใจของตลาดพระเครื่องในปี 2551 มีดังนี้
1.ต้นทุนในการจัดสร้างพระเครื่องมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการสร้างพระที่ทาง บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจไว้เมื่อช่วงกลางปี 2550 พบว่าต้นทุนเฉลี่ยในการสร้างพระเครื่องพระบูชามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50-100 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการสร้างพระเครื่องพระบูชา

เมื่อต้นทุนการสร้างพระมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ที่สร้างพระต่างปรับตัว เนื่องจากการสำรวจพบว่าอัตรากำไรในการจัดสร้างพระเครื่องมีแนวโน้มลดลงเหลือเฉลี่ยเพียง 50 บาทต่อองค์ เมื่อเทียบกับที่เคยมีการสำรวจในเดือนมิถุนายน 2550 ซึ่งการจัดสร้างพระเครื่องมีอัตรากำไรเฉลี่ยถึง 100 บาทต่อองค์

สำหรับการจัดสร้างพระเนื้อทองคำได้รับผลกระทบโดยตรงจากการที่ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยปัจจุบันการจัดสร้างพระเนื้อทองคำน้อยลง และถ้ามีการจัดสร้างจะจำกัดจำนวนเท่ากับที่มีการสั่งจองเท่านั้น ส่วนเนื้อนวซึ่งต้องมีการผสมทองคำด้วยนั้น ก็จะมีการผสมทองคำน้อยลง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นมากนัก

2.การจัดสร้างพระเครื่องลดลง เนื่องจากการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้การจัดสร้างพระเครื่องกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อหลากหลายธุรกิจต่อเนื่อง ดังนี้

-โรงงานผลิตกล่องพลาสติก นอกจากจะได้รับผลกระทบจากการจัดสร้างพระเครื่องที่มีแนวโน้มลดลงทำให้ความต้องการกล่องพลาสติกลดลงแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากการที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลกระทบถึงราคาเม็ดพลาสติก ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตกล่องพลาสติกมีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย ดังนั้นโรงงานผลิตกล่องพลาสติกก็หันไปรับงานผลิตถุงพลาสติกทดแทน

-ธุรกิจโฆษณาประชาสัมพันธ์ ธุรกิจนี้เคยได้รับอานิสงส์อย่างมากในยุคที่องค์จตุคาม-รามเทพเฟื่องฟู แต่ในปัจจุบันการโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ แต่จะเห็นได้ว่าขนาดของกรอบลดลง เนื่องจากค่าโฆษณามีการปรับราคาขึ้น นอกจากนี้ผู้จัดสร้างพระเครื่องบางส่วนหันมาเปิดเว็บไซด์เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์กันมากขึ้น

-ธุรกิจรับอัดกรอบพระและธุรกิจทำกรอบสแตนเลส ปัจจุบันจำนวนความต้องการลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการเลี่ยมพลาสติกนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 100-300 บาทต่อองค์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของพระเครื่อง จากที่เคยสำรวจในช่วงเดือนมิถุนายน 2550 นั้นมีค่าใช้จ่ายในการเลี่ยมพลาสติก 75-300 บาทต่อองค์ สำหรับตลาดกรอบสแตนเลสราคามีแนวโน้มลดลงมาบ้าง เนื่องจากบรรดาโรงงานผลิตกรอบสแตนเลสต้องเลหลังกรอบสแตนเลสที่มีการผลิตและสต็อกไว้เป็นจำนวนมากในช่วงกระแสองค์จตุคาม-รามเทพเฟื่องฟู ปัจจุบันราคากรอบสแตนเลสอยู่ในระดับ 50-200 บาทต่อองค์ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของกรอบ จากที่เคยสำรวจในช่วงเดือนมิถุนายน 2550 ราคากรอบสแตนเลสอยู่ในระดับ 100-570 บาท

3.อัตราการทำกำไรในวงการพระเครื่องมีแนวโน้มลดลง จากการสำรวจพบว่านอกจากอัตรากำไรในการจัดสร้างพระเครื่องมีแนวโน้มลดลงแล้ว การทำกำไรในช่วงขั้นตอนการจัดจำหน่ายมีการเปลี่ยนแปลงด้วย กล่าวคือ ผู้จัดสร้างพระเครื่องให้เปอร์เซนต์กับร้านหรือศูนย์พระเครื่องมากขึ้น โดยมีการตัดมาจากส่วนคนกลางหรือคนเดินพระที่มีจำนวนลดลง และบางครั้งผู้จัดสร้างพระเครื่องก็ติดต่อร้านหรือศูนย์พระเครื่องโดยตรงไม่ผ่านคนเดินพระ

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ในการสำรวจช่วงเดือนมิถุนายน 2550 พบว่าโดยเฉลี่ยกำไรของผู้ที่อยู่ในวงการพระเครื่องเพิ่มขึ้นประมาณ 1 เท่าตัวทุกครั้งที่มีการให้เช่าพระเครื่อง แต่ปัจจุบันกำไรนั้นไม่อยู่ในเกณฑ์สูงเช่นเดิม เนื่องจากค่าใช้จ่ายต่างๆมีแนวโน้มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าจัดสร้าง ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมทั้งค่าเช่าที่สำหรับเป็นศูนย์พระเครื่อง เนื่องจากการปรับราคาค่าเช่าพื้นที่ของบรรดาศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20

4.ราคาขององค์จตุคาม-รามเทพ ปัจจุบันยังคงมีการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพอยู่แต่ก็ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ประเด็นที่น่าสนใจคือ ผู้ที่เก็บองค์จตุคาม-รามเทพไว้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบรรดาศูนย์พระต่างๆจะมีการดั๊มจตุคาม-รามเทพออกมาเพื่อลดภาระเงินทุนที่จมอยู่หรือไม่ เนื่องจากราคาเช่าองค์จตุคาม-รามเทพในปัจจุบันนั้นลดลงประมาณร้อยละ 40-50 ของราคาเช่าในช่วงยุคเฟื่องฟู ส่วนรุ่นใหม่ๆนั้นจะมีการให้เช่าบูชาในราคาเดียวกับที่วัดหรืออาจจะต่ำลงเล็กน้อยเมื่อมีการต่อรอง โดยทางศูนย์/แผงพระยอมรับภาระขาดทุนในส่วนนี้

ราคาพระเครื่อง…แนวโน้มปี51
จากการสำรวจของ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด พบว่าแนวโน้มราคาพระเครื่องพระบูชาปี 2551 ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น กล่าวคือ

2.1พระเก่า พระเครื่องพระบูชาที่เป็นพระเก่ามีการรับรู้ราคาอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม การปรับราคาของพระเครื่องในปี 2551 นี้จะแตกต่างกันขึ้นกับเป็นพระเกจิหรือพระกรุ รวมทั้งต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นพระเครื่องที่มีการจัดสร้างเมื่อใด แบ่งออกเป็น

-พระเกจิ การปรับราคาขึ้นมากน้อยเพียงใดนั้นแบ่งตามยุคคือ พระเครื่องยุคก่อนปี 2500 พระเครื่องพระบูชานั้นไม่ค่อยมีของหมุนเวียนเปลี่ยนมือมากนัก โดยเฉพาะพระเครื่องสวยๆหรือที่เรียกกันในวงการพระเครื่องว่าของสวยๆ เนื่องจากพระเครื่องเหล่านี้จะอยู่ในมือของเศรษฐีเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการปรับราคาจึงเป็นการรับรู้กันเท่านั้นว่าราคาเพิ่มขึ้นเท่าใด

สำหรับพระเครื่องยุคหลังปี 2500 ยังแยกแนวโน้มการปรับราคาเพิ่มขึ้นตามภาคที่เป็นแหล่งจัดสร้างพระเครื่องพระบูชา กล่าวคือ ภาคใต้ พระเครื่องจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เนื่องจากพระเกจิอาจารย์ทางภาคใต้เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น(นอกจากหลวงปู่ทวด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว) เนื่องจากมาจากกระแสเฟื่องฟูของจตุคาม-รามเทพ โดยเฉลี่ยแล้วพระเครื่องทางภาคใต้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30-40 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะหลวงพ่อคูณ(รุ่นที่สร้างก่อนปี 2536) จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเฉพาะในรุ่นที่เป็นที่นิยม โดยมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 40-50 ส่วนพระเครื่องของเกจิอาจารย์ทั่วไปมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20-30 ภาคเหนือ พระเครื่องจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นค่อนข้างน้อย โดยมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5-10 เท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นการปรับราคาเพิ่มขึ้นต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับพระเครื่องที่มีการจัดสร้างในภาคอื่นๆ ภาคตะวันออก พระเครื่องมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ โดยมีการปรับราคาเพิ่มถึงร้อยละ 80-120 ทีเดียว ภาคกลาง พระเครื่องไม่ค่อยมีการปรับราคาขึ้นมากนักเช่นเดียวกับพระเครื่องที่มีการจัดสร้างในภาคเหนือ

-พระกรุ ราคาพระเครื่องที่เป็นพระกรุนั้นยังไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากไม่ค่อยมีของออกมาหมุนเวียนมากนัก เหมือนแต่ก่อนจึงมีแต่ราคา แต่ไม่มีของให้เห็นในตลาดพระมากนัก

2.2พระใหม่ พระใหม่นี้จะเป็นพระที่สร้างเสร็จหลังปี 2530 ซึ่งราคาของพระใหม่นี้จะเป็นไปตามกระแสปั่นราคา ทำให้ราคาค่อนข้างผันผวนตามกระแสการปั่นราคา โดยเมื่อหมดแรงปั่นราคาก็จะตกลง อย่างไรก็ตามพระเครื่องที่เป็นพระใหม่นี้ราคาจะค่อนข้างแพง เนื่องจากต้นทุนการสร้างพระมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างมาก

กระแสจตุคาม-รามเทพซบเซา…ผลกระทบต่อวงการพระเครื่อง
เนื่องจากในปี 2551 การชะลอตัวของกระแสจตุคาม-รามเทพปรากฏอย่างชัดเจน นับว่าชะลอตัวลงเร็วกว่าที่บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการพระเครื่องเคยมีการประเมินกันไว้ ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการพระเครื่องประเมินสาเหตุหลายประการ ดังนี้

1.มีการสร้างจตุคาม-รามเทพเป็นจำนวนมากในปี 2550 หลายร้อยรุ่น (ประเมินว่าจำนวนรุ่นที่มีมากมายถึงประมาณ 1,900 รุ่น ) เมื่อปริมาณองค์จตุคาม-รามเทพมากขึ้น ในขณะที่ความต้องการเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากผู้ที่เล่นพระเครื่องแต่ละคนก็มีไว้บูชาเป็นคนละหลายๆองค์แล้ว กอปรกับความไม่สวยงามตามโบว์ชัวร์ ไม่เชิญชวนให้สั่งจอง รวมถึงการไม่ตรงต่อเวลาของการออกให้เช่าบูชาตามที่กำหนดไว้ในใบเชิญชวน ทำให้กระแสการจองลดลงไม่เหมือนตอนต้นปี 2550 ที่ออกรุ่นอะไรมาก็แห่จองกันหมดในเวลาไม่กี่วัน ทำให้เกิดกระแสว่าจตุคาม-รามเทพเลิกฮิตหรือจะไม่เล่นกันแล้ว

2.ตัวกลางในการสร้างกระแสขาขึ้นขาดสภาพคล่องทางการเงิน อันเนื่องจากจองจตุคาม-รามเทพไว้มากตั้งแต่ก่อนกลางปี 2550 แต่มีการเลื่อนการรับจตุคาม-รามเทพกันแทบทุกรุ่นมาออกใกล้กลางปี 2550 ทำให้การประเมินการเงินผิดพลาดขาดสภาพคล่องในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.50 เพราะมีแต่ใบจอง ทำให้ระบบการจองจตุคาม-รามเทพขาดผู้ร่วมสร้างกระแสขาขึ้น นอกจากนี้ยังมีการหนีหน้าของคนเดินของ(ตัวกลางระหว่างผู้จัดสร้างหรือวัดกับศูนย์พระ) ซึ่งปัจจุบันมูลความผิดตามกฎหมายนั้นอยู่ที่การตีความกฎหมายที่ไม่เหมือนกันว่าเป็นความผิดทางแพ่งจากการผิดสัญญาซื้อขาย หรือความผิดทางอาญากรณีฉ้อโกง

จากความถดถอยในกระแสความนิยมในองค์จตุคาม-รามเทพ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวงการพระเครื่องค่อนข้างกว้างขวาง กล่าวคือ

1.ศูนย์พระเครื่องมีจำนวนลดลง ศูนย์พระเครื่องที่เคยเปิดกันอย่างมากมาย ปัจจุบันแทบจะทุกแห่งเริ่มเงียบเหงา และบางแห่งที่ขาดเงินทุนหมุนเวียนก็ต้องปิดกิจการ จากการสำรวจพบว่าจำนวนศูนย์พระเครื่องนั้นลดลงประมาณร้อยละ 90.0 คงอยู่แต่ศูนย์พระเครื่องรุ่นเก่าๆที่เปิดกิจการมาเป็นเวลานานแล้ว นอกจากนี้ จำนวนนักสะสมก็เดินหาของกันน้อยลงไม่คึกคักเหมือนในช่วงที่กำลังนิยมในองค์จตุคาม-รามเทพ

2.คนเดินพระลดลง ปัจจุบันจำนวนคนที่ทำอาชีพคนเดินพระ ซึ่งจะเป็นคนกลางระหว่างวัดหรือผู้จัดสร้างกับศูนย์พระลดน้อยถอยลงไปกันอย่างมาก คงเหลือแต่พวกเดินพระหน้าเก่าๆที่ทำกันเป็นอาชีพมานานแล้ว จากการสำรวจพบว่าจำนวนคนเดินพระนี้ลดลงประมาณร้อยละ 70.0

3.คนเดินกรอบพระ ในช่วงที่กระแสจตุคาม-รามเทพเฟื่องฟูนั้นอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่ ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการกรอบพระโดยเฉพาะกรอบพระสแตนเลสที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันคนเดินกรอบพระเลิกประกอบอาชีพนี้กันไปหมดแล้ว ส่วนโรงงานที่ทำกรอบพระ ซึ่งในช่วงกระแสเฟื่องฟูขององค์จตุคาม-รามเทพนั้นมีงานล้นมือจนทำไม่ทัน และผู้ซื้อ(ร้านที่ใส่กรอบพระเครื่องต้องวางมัดจำในการสั่งซื้อกับโรงงาน) แต่ในปัจจุบันร้านที่รับจ้างใส่กรอบพระเครื่องไม่ต้องง้อโรงงานเหมือนแต่ก่อน เนื่องจากมีตลับ/กรอบพระเหลือค้างสต็อกค่อนข้างมาก แต่ละโรงงานแข่งกันลดราคาเพื่อระบายสินค้าลดภาระการขาดทุนจากต้นทุนที่จมอยู่ รวมทั้งบางโรงงานก็ออกมารับงานตามตลาดนัดพระเครื่องเพื่อเพิ่มช่องทางหารายได้เลี้ยงโรงงานอีกทางหนึ่งด้วย

อนาคตวงการพระเครื่อง…แนวโน้มทรงตัว แต่มีโอกาสเติบโต
ตลาดพระเครื่องในช่วงระยะ 2-3 ปีต่อไปจะยังคงมีแนวโน้มทรงตัว โดยไม่เติบโตอย่างหวือหวาเหมือนในช่วงกระแสเฟื่องฟูขององค์จตุคาม-รามเทพ อย่างไรก็ตาม ตลาดพระเครื่องมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างเช่นในช่วงกระแสเฟื่องฟูขององค์จตุคาม-รามเทพ เนื่องจากตลาดพระเครื่องนั้นผูกโยงกับความศรัทธาและความเชื่อ ดังนั้นถ้ามีปัจจัยหนุนในการสร้างกระแสความศรัทธาและความเชื่อในวงกว้างได้ ก็เท่ากับว่าวงการพระเครื่องมีโอกาสกลับเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกระแสพระเก่า-พระเกจิอาจารย์กลางเก่า-กลางใหม่คาดว่าก็ยังคงมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางรุ่นก็มีราคาทรงๆอยู่ แต่ในอนาคตก็อาจจะมีการปรับตัวขึ้นไป เมื่อของเหล่านั้นถูกเซียนพระกว้านเก็บและมีการปั่นราคาขึ้น

ประเด็นที่ต้องจับตามองในอนาคตของวงการพระเครื่อง มีดังนี้

-ตลาดพระเครื่องในต่างประเทศ พระเครื่องไทยจำนวนมากถูกส่งออกไปต่างประเทศเช่นเดียวกับ “ของเก่า” อย่างอื่นๆ ธุรกิจพระเครื่องไม่ได้เฟื่องฟูแต่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่กำลังแพร่หลายอยู่ในต่างประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง หรือแม้แต่ยุโรปและสหรัฐฯ โดยเฉพาะในย่านที่มีคนเอเชียอาศัยอยู่ ความนิยมพระเครื่องที่แพร่ขยายไปยังชาวต่างชาตินี้ ทำให้บริษัททัวร์หลายแห่งถึงกับบรรจุ “ตลาดพระเครื่อง” เป็นหนึ่งในโปรแกรมท่องเที่ยวเลยทีเดียว ความนิยมเกิดจากคนไทยที่ไปอยู่ในประเทศนั้นๆ มากกว่า แล้วแพร่หลายต่อๆ กันไป อย่างในวันหยุดในหลายประเทศที่ซึ่งเป็นแหล่งพบปะของคนไทย จะมีการนำพระมาแลกกันดู เช่าบูชากันต่อ คนชาติอื่นที่สนใจก็มาดู มาเช่าสะสมต่อๆ กันไป ปัจจุบันที่สิงคโปร์มีแผงพระเครื่องอยู่กว่า 300 แผง เนื่องจากมีแรงงานไทย นอกจากนี้การสื่อสารที่ทันสมัยโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตยิ่งอำนวยความสะดวกในการเช่าบูชาพระเครื่องมากยิ่งขึ้น พระเครื่องจะถูกส่งออกไปมากน้อยแค่ไหนไม่มีใครทราบจำนวนที่แน่นอน แต่ก็ยังคงมีพระสร้างใหม่ทำให้ธุรกิจพระเครื่องยังคงดำเนินการต่อไปได้

นอกจากนี้การเปิดช่องทางในการเช่าบูชาพระเครื่อง-พระบูชาในเว็บไซต์ ทำให้ชาวต่างประเทศหันมาสนใจพระเครื่องจากเมืองไทยกันมากขึ้น แต่การสะสมจะแยกออกเป็น 2 สายคือ

1.พระเครื่อง-พระบูชา ชาวต่างประเทศจะเดินทางมากราบนมัสการพระเกจิอาจารย์ที่ตัวเองศรัทธาและเช่าหาพระเครื่องต่างๆไปแจกญาติพี่น้อง รวมทั้งเปิดเป็นตัวแทนวัดในเมืองที่ตนอาศัยอยู่ เมื่อมีผู้ศรัทธามากขึ้นก็หาตัวแทนในเมืองไทยเป็นตัวกลางในการดำเนินการแทน(จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง)ในเรื่องต่างๆที่บางครั้งต้องใช้เวลามาก เช่นการเลี่ยมพลาสติกกันน้ำ เลี่ยมทอง เช่าบูชาวัตถุมงคลต่างๆ หรือขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคลตามที่ลูกค้าของตนเองต้องการ รวมทั้งนิมนต์พระเกจิอาจารย์ที่ตนนับถือไปโปรดยังบ้านเมืองของตนเอง(พร้อมด้วยตัวแทนในไทยด้วย) หรือเช่าบูชาพระเก่า-พระกรุโดยเช่าหาจากผู้เปิดแผงที่ไว้ใจ หรือมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหรือบางครั้งต้องมีใบประกาศจากงานประกวดใหญ่รับรอง (โดยเน้นพระเครื่องที่ชนะการประกวดในอันดับที่ 1 หรือ 2 )เป็นการรับรองอีกชั้นหนึ่งด้วย

2.เครื่องราง-ของขลัง มักจะนิยมเครื่องรางในด้านเสน่ห์เมตตาเป็นส่วนใหญ่ การเช่าหาก็จะเดินทางมายังประเทศไทยด้วยตนเอง โดยติดตามข่าวสารจากโฆษณาในหนังสือพระเครื่องต่างๆ หรือบางครั้งก็จะบูชาพวกเขี้ยว-งาไปบ้างก็มีเพื่อไปใช้ในการป้องกันตัวตามความเชื่อของแต่ละคน

-การปรับตัวของการใช้สื่อโฆษณา สื่อโฆษณาในหนังสือพระต่างๆก็ยังเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาก็ตาม เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ทุกครัวเรือน โดยเฉพาะพระเกจิอาจารย์ใหม่ๆก็มักจะใช้สื่อสิ่งพิมพ์ในการโฆษณาเป็นหนังสือดังกล่าวเป็นจำนวนมาก แต่เท่าที่เฝ้าสังเกตดูก็เป็นกระแสแบบองค์จตุคาม-รามเทพ แต่ก็เป็นช่วงระยะสั้นๆเท่านั้น เมื่อมีวัตถุมงคลใหม่ๆออกก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแรงเชียร์ในสื่อเหล่านั้น อีกปรากฏการณ์หนึ่งที่พบคือ การออกหนังสือเฉพาะกิจ ซึ่งมีการรวบรวมประวัติและวัตถุมงคลของพระเกจิต่างๆ ทั้งที่มรณะภาพแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ โดยออกเป็นแบบหนังสือปกอ่อนจำหน่ายในราคาไม่เกินเล่มละ 300 บาท ทำให้เป็นที่นิยมสนใจของนักสะสมกันมาก จึงมีการจัดพิมพ์อย่างต่อเนื่อง หรือบางครั้งก็พิมพ์หนังสือพระเครื่องยอดนิยมของจังหวัดออกมาจำหน่ายก็ได้รับความนิยมพอสมควร

ในช่วงที่ผ่านมาก็มีการลงข่าวเกี่ยวกับการแตกกรุของพระยอดนิยมต่างๆ หลายข่าวด้วยกัน ซึ่งก็มีทั้งของจริง(ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการให้การรับรอง) หรือเป็นของทำเทียมเลียนแบบก็มี ซึ่งแบบหลังนี้พอนานวันเข้าข่าวคราวก็เงียบหายไปเอง เพราะไม่เป็นที่ยอมรับของคนในวงการ นอกจากพวกที่เริ่มสะสมใหม่ๆ และพวกที่เล่นพระด้วยไม่มีความสามารถแยกแยะพระแท้-พระปลอมได้ แต่ถ้าเป็นแบบแรกก็ทำให้วงการคึกคักกันมากขึ้น มีการหมุนเวียนเปลี่ยนมือกันเป็นหลักล้านบาท ผู้ที่อยู่ในวงการพระเครื่องประมาณการว่าในตลาดพระเครื่องกรุงเทพฯ น่าจะมีพระปลอมเร่ขายประมาณร้อยละ 50 ส่วนตลาดต่างจังหวัดนั้นน่าจะสูงถึงร้อยละ 90 ที่สำคัญคือ ฝีมือการปลอมทำได้ใกล้เคียงกับของแท้มาก บางองค์พระแท้แต่โค้ดปลอม ในขณะที่ส่วนใหญ่ปลอมทั้งพระปลอมทั้งโค้ด ด้วยเหตุนี้ผู้ที่อยู่ในวงการพระเครื่องจึงมีคำเตือนผู้เช่าพระเครื่องว่าอย่าตัดสินใจเช่าพระตามลำพัง ต้องถามเซียนพระที่ไว้ใจได้เป็นดีที่สุด หรือขอหลักประกันจากคนขายว่าหากเป็นพระไม่แท้ต้องรับคืนเงินให้ด้วย

-ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเติบโตของตลาดพระเครื่องของไทยเปิดกว้างขึ้นอย่างมาก เนื่องมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ตลาดพระเครื่องเปิดกว้างไปรอบโลกไม่แคบเหมือนแต่ก่อน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศดังกล่าวทำให้วงการพระเครื่องมีการปรับตัวค่อนข้างมาก กล่าวคือ มีการเปิดตัวศูนย์พระในเว็บไซต์ ทั้งการประมูลพระเครื่อง(คล้ายกับการประมูลสิ่งของทั่วไป) และเปิดศูนย์พระในเว็บไซต์ให้บูชาได้ตลอดเวลา แต่ก็ต้องซื่อสัตย์ต่อกันเพื่อความยืนยงของศูนย์พระของตัวเอง สาเหตุข้างต้นก็ทำให้ร้านที่รับถ่ายรูปพระเครื่องก็ต้องมีการปรับตัวเนื่องจากราคาฟิล์มสูงขึ้นเช่นกัน โดยมีการนำกล้องดิจิตอลมาบริการลูกค้า เนื่องจากลูกค้าไม่ต้องรอล้างฟิล์ม-อัดรูปเหมือนเดิม แต่สามารถบันทึกลงแผ่นดิสก์หรือซีดีหรือTumb drive ได้ และสามารถนำไปลงในศูนย์พระของตนเองในเว็บไซด์ได้เลย ไม่ต้องนำภาพถ่ายจากฟิล์มมาทำการ Scan ก่อน (บางทีต้องมีการปรับFile หรือขนาดของภาพให้เหมาะสม) รวมทั้งยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการล้างฟิล์ม และยังต้องเสียเวลาเพื่อรอให้ทางร้านล้างฟิลม์ด้วย

-ธุรกิจการเลี่ยมพระด้วยพลาสติกกันน้ำ ธุรกิจการเลี่ยมพระด้วยพลาสติกกันน้ำยังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายถึงแม้จะมีการปรับราคาขึ้น เนื่องจากพลาสติกและอุปกรณ์อื่นๆมีการปรับตัวขึ้นก็ตาม และต้องใช้เวลารอไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงต่อองค์ รวมทั้งชาวต่างประเทศที่เดินทางมาเช่าหาวัตถุมงคลในประเทศก็นิยมเลี่ยมพลาสติกกัน เพราะว่าในประเทศของตนเองยังขาดช่างที่เลี่ยมที่ชำนาญและค่าแรงสูงกว่าในประเทศไทยมาก ทำให้ราคาค่าเลี่ยมในประเทศไทยต่อชิ้นถูกกว่ามาก (ทั้งถูกและสวยงามกว่ามาก) อีกอย่างที่ชาวต่างประเทศนิยมกันก็คือ การเลี่ยมเงิน-ทองคำ หรือทำตลับเงิน-ทองคำกับวัตถุมงคลที่เขาเหล่านั้นเช่าบูชาไว้ เนื่องจากค่าแรง(กำเน็จ)ไม่แพงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศของตนและยังออกแบบได้สวยงามกว่ากันมาก ปัจจุบันมีการนิยมเลี่ยมพลาสติกแล้วนำมาถักเชือกหรือคริสตัลล้อม ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับองค์พระเครื่อง รวมทั้งมีการร้อยสร้อยคริสตัลหรือเชือกถักเป็นสร้อยเพื่อให้รับกับพระที่จะใส่อยู่อีกด้วย อีกทั้งกระแสความนิยมในลูกปัดทวารวดี ศูนย์พระบางแห่งมีการจัดหาลูกปัดมาร้อยเป็นสร้อยบริการลูกค้า นับเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้อีกส่วนหนึ่งด้วย (นอกเหนือจากการหากะลาและงาช้างที่มีบริการอยู่แล้ว)

บทสรุป
วงการพระเครื่องเริ่มเป็นที่จับตามองถึงผลกระทบหลังจากกระแสองค์จตุคาม-รามเทพซบเซา ซึ่งทางบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ทำการสำรวจตลาดพบว่าตลาดพระเครื่องในปี 2551 มีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับช่วงครึ่งหลังของปี 2550 คาดการณ์ว่ากระแสเงินสะพัดในวงการพระเครื่องยังอยู่ในระดับ 40,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับในปี 2550 เนื่องจากยังคงมีการเช่าพระเครื่องอื่นๆ ทั้งพระเกจิ และพระใหม่ โดยราคาของพระเครื่องยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้น

ประเด็นที่น่าสนใจของตลาดพระเครื่องในปี 2551 ก็คือ การที่ผู้จัดสร้างพระเครื่องพระบูชาต้องเผชิญปัญหาต้นทุนการจัดสร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรจากการสร้างพระเครื่องมีแนวโน้มลดลงเหลือเฉลี่ย 50 บาทต่อองค์ เทียบกับที่เคยสำรวจในช่วงเดือนมิถุนายน 2550 ที่เคยสูงถึงระดับ 100 บาทต่อองค์ รวมทั้งวงการพระเครื่องมีการจัดสร้างพระเครื่องลดลง ซึ่งผู้ที่อยู่ในวงการพระเครื่องมีความเห็นว่าการจัดสร้างพระเครื่องกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อหลากธุรกิจที่เคยได้รับอานิสงส์จากในช่วงที่กระแสการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพเฟื่องฟู เช่น โรงงานผลิตกล่องพลาสติก ธุรกิจรับอัดกรอบพระ ธุรกิจทำกรอบสแตนเลส ธุรกิจโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น นอกจากนี้ อัตราการทำกำไรในการให้เช่าพระเครื่องมีแนวโน้มลดลงด้วยเช่นกัน

ความถดถอยของกระแสความนิยมในองค์จตุคาม-รามเทพนั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการพระเครื่องค่อนข้างกว้างขวาง โดยจำนวนศูนย์พระเครื่องลดลง อาชีพคนเดินพระก็ลดจำนวนลง คงเหลือเพียงแต่ผู้ที่ประกอบอาชีพนี้มาเป็นเวลานานแล้วเท่านั้น

อนาคตของวงการพระเครื่องนั้นคาดว่ายังคงมีแนวโน้มทรงตัว แต่ยังมีโอกาสที่จะกลับไปเติบโตได้ถ้ามีปัจจัยหนุนสำคัญที่สามารถสร้างกระแสความศรัทธาและความเชื่อได้ในวงกว้างเช่นเดียวกับในยุคขององค์จตุคาม-รามเทพ คาดว่าราคาพระเครื่องที่เป็นพระเก่า และพระเครื่องกลางเก่ากลางใหม่ของบรรดาพระเกจิยังคงมีการปรับตัวขึ้น แต่จะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่ารุ่นใดเป็นที่นิยมของตลาด ประเด็นที่น่าสนใจติดตามคือ การเติบโตของตลาดพระเครื่องในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันความนิยมพระเครื่องจากไทยกระจายตัวอยู่ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง หรือแม้แต่ในยุโรปและสหรัฐฯ