ก่อนถึงวันเริ่มงาน อินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรัม ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน ศกนี้ อินเทล คอร์ปอเรชั่น ได้มีการบรรยายสรุปโดยเน้นถึงผลการวิจัยเกี่ยวกับโมบิลิตี้ กองทุนอินเทล แคปิตอล และ โครงการวิจัยของอินเทลในจีน ซึ่งต่อไปนี้เป็นการสรุปเนื้อหาของการบรรยายในแต่ละหัวข้อของงานในวันนี้
การบรรยายหัวข้อ “ผลการวิจัยชิ้นใหม่เกี่ยวกับโมบิลิตี้: พกอุปกรณ์ขนาดเล็ก แต่ใช้ชีวิตได้เต็มรูปแบบ” โดย เควิน คาห์น ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติทดลองเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารของอินเทล
เควิน คาห์น ได้พูดถึงงานวิจัยชิ้นใหม่ของอินเทลเกี่ยวกับชีวิตแบบโมบายล์ ซึ่งมีชื่อว่า “พกอุปกรณ์ขนาดเล็ก แต่ใช้ชีวิตได้เต็มรูปแบบ” นักวิจัยของอินเทลตั้งเป้าวิสัยทัศน์ของการทำงานแบบเคลื่อนที่สำหรับอนาคตเอาไว้ว่า ผู้คนจะมีโอกาสใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กลง แต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่อยู่รอบข้างได้ และยังสนองตอบต่อรูปแบบการใช้งานเฉพาะของผู้ใช้แต่ละคนได้ด้วย การวิจัยชิ้นใหม่ในด้านการใช้งานแบบโมบิลิตี้ดังกล่าวยังเน้นที่ความสำเร็จขององค์ประกอบหลัก 4 ด้าน ดังนี้
• ขนาดเล็กลงและประหยัดพลังงานมากขึ้น: งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบประหยัดพลังงานและขนาดอุปกรณ์ที่เล็กลง ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ที่สามารถควบคุมชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อช่วยให้ตัวอุปกรณ์อยู่ในโหมดหยุดพักการทำงานได้นานขึ้นและลึกกว่าเดิม อัลกอริธึมที่เอาไว้ควบคุมการเปิดปิดสัญญาณวิทยุ ระบบรับสัญญาณวิทยุดิจิตอลที่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งเสาอากาศที่ปรับแต่งตัวแปรให้ประหยัดพลังงานได้ และช่วยให้เสาอากาศมีรูปร่างเล็กลงด้วย
• รูปแบบการทำงานที่ปรับได้ตามต้องการ และคาดเดาความต้องการของผู้ใช้ได้: อินเทลกำลังทำการวิจัยเทคนิคต่างๆ เพื่อใช้กับอุปกรณ์พกพาในอนาคต ที่สามารถแยกแยะความต้องการเฉพาะของผู้ใช้และจัดสรรบริการตลอดจนความสามารถใหม่ๆ เพื่อสร้างความพอใจให้ผู้ใช้อุปกรณ์ด้วยการใช้เซนเซอร์ รูปแบบการทำงานที่อิงกับสภาพแวดล้อม เว็บเซอร์วิส และระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้
• อุปกรณ์พกพาที่รับรู้สภาพแวดล้อม ใช้ประโยชน์ และติดต่อกับเทคโนโลยีในบริเวณใกล้เคียงได้ดีกว่าเดิม: นักวิจัยของอินเทลกำลังหาทางทำให้อุปกรณ์พกพาในอนาคตทำงานได้เกินขีดความสามารถที่มีอยู่ในตัว โดยการใช้พลังงานและคุณสมบัติของอุปกรณ์ ไร้สายที่อยู่บริเวณใกล้เคียง อาทิ จอภาพ ระบบจัดเก็บข้อมูล คอมพิวเตอร์ และการโต้ตอบกับผู้ใช้คนอื่นๆ
• การสร้างมาตรฐาน: ปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ในปัจจุบันเป็นอุปสรรค ที่ทำให้ไม่สามารถขยายขีดความสามารถของอุปกรณ์พกพาและระบบประมวลผลของอุปกรณ์พกพาได้ อินเทลจึงได้ทำงานร่วมกับกลุ่มร่างมาตรฐานและพันธมิตรอีกหลายราย เพื่อพัฒนามาตรฐานที่จะช่วยให้วิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพกอุปกรณ์ขนาดเล็ก แต่ใช้ชีวิตได้เต็มรูปแบบ เป็นจริงขึ้นมาได้
การบรรยายหัวข้อ “ใช้ชีวิตได้เต็มรูปแบบ: การรับรู้และทัศนคติในทุกๆ วัน”
โดย แอนดรูว์ เฉียน รองประธานกลุ่ม คอร์ปอเรท เทคโนโลยี ของอินเทล และ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยอินเทล
ในช่วงการบรรยายของ แอนดรูว์ เฉียน เขาได้พูดเน้นในเรื่องของการวิจัยเรื่อง “พกอุปกรณ์ขนาดเล็ก แต่ใช้ชีวิตได้เต็มรูปแบบ” ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ใช้งานแบบพกพาได้ง่ายขึ้น และรับทราบสภาพความเป็นไปของสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวด้วย ระบบประมวลผลจะรู้จักผู้ใช้ ขอบเขตกิจกรรมของผู้ใช้ รวมทั้งสภาพแวดล้อมมากขึ้น โดยใช้เซนเซอร์และการวินิจฉัยต่างๆ
เซนเซอร์จะเป็นตัวรับข้อมูลมหาศาล อย่างไรก็ตาม อุปสรรคใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยเซนเซอร์ก็คือ การตีความและการทำความเข้าใจข้อมูลอย่างถูกต้องเพื่อผู้ใช้จะสามารถใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การที่อุปกรณ์รับทราบและเข้าใจสิ่งแวดล้อมและความต้องการส่วนตัวผู้ใช้ได้ อาทิเช่น การทำกิจกรรม อารมณ์ สิ่งของ สถานที่ หรือสภาพปัจจุบัน เป็นต้น จากนั้นระบบจะนำเอาข้อมูลที่ได้มากำหนดทิศทางการทำงานของผู้ใช้หรืออุปกรณ์พกพาอีกทีหนึ่ง
• Intel® Mash Maker พัฒนาโดยกลุ่มวิจัยและซอฟต์แวร์ โซลูชั่นส์ ของอินเทล: อินเทลจะเปิดตัว Intel® Mash Maker รุ่นเบต้าในงานประชุม Web 2.0 Conference ในวันที่ 22 เมษายนที่จะถึงนี้ ซอฟต์แวร์ตัวนี้สามารถทำงานร่วมกับเบราเซอร์ อินเทอร์เน็ตเอ็กซ์พลอเรอร์ และ ไฟร์ฟอกซ์ ได้ ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและคุณสมบัติต่างๆ ในด้านการแสดงผล และยังรองรับการทำงานร่วมกับ API ที่ต่อขยายแบบเปิดได้ด้วย
Intel® Mash Maker ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายสำหรับเบราเซอร์จะช่วยให้ผู้ใช้สร้าง mashup จากฝั่งเครื่องลูกข่ายขึ้นมาได้ง่ายและรวดเร็วในขณะที่ท่องเว็บอยู่ เทคโนโลยีของ Intel® Mash Maker จะช่วยให้การท่องอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ได้รับคุณสมบัติและการทำงานรูปแบบอัจฉริยะระดับใหม่ได้อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน นอกจากนั้น เทคโนโลยีนี้ยังสามารถจัดสรรข้อมูลหลากหลายที่มีรูปแบบเฉพาะอย่างที่ผู้ใช้ต้องการ ภายใต้แนวทางอย่างที่ผู้ใช้ต้องการอีกด้วย
การบรรยายหัวข้อ “วิวัฒนาการของสัญญาณคลื่นวิทยุ” โดย คริชนามูร์ธี ซูมียานัท กลุ่ม คอร์ปอเรท เทคโนโลยี ของอินเทล
ซูมียานัท ได้พูดถึงการพัฒนาคลื่นวิทยุดิจิตอลหลายความถี่ราคาถูกรุ่นล่าสุด ที่มีการนำไปเผยแพร่ในงานสัมมนา International Solid States Circuits Conference โดยในอนาคต เทคโนโยีนี้จะช่วยให้อุปกรณ์ขนาดเล็กรับสัญญาณคลื่นวิทยุไร้สายได้หลายความถี่โดยใช้ ชิปเพียงตัวเดียว และยังใช้พลังงานน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับชิปอนาล็อกที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งในช่วงที่กล่าวบรรยายนั้น ซูมียานัท ได้นำเอาชิปต้นแบบสองรุ่นมาแสดงด้วย
• ผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่กลุ่มโมไบล์ไร้สายของอินเทลนำมาแสดงคือ อุปกรณ์รับส่งสัญญาณ CMOS ประสิทธิภาพสูง ซึ่งใช้งานได้หลายความถี่ และ CMOS ตัวนี้ยังใส่ผลการวิจัยระบบสื่อสารไร้สายดิจิตอลไว้ด้วย ซึ่งทำให้อินเทลเข้าใกล้วิสัยทัศน์ในเรื่องสัญญาณวิทยุดิจิตอลหลายความถี่อีกก้าวหนึ่งแล้ว
• ระบบขยายสัญญาณประสิทธิภาพสูง และ ADC แยกแยะสเป็กตรัมผลงานของทีมวิจัยของอินเทล ซึ่งนำมาใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์รุ่นต้นแบบนี้ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น อินเทลยังยืนยันว่าจะพัฒนาระบบสื่อสารไร้สายให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
การสาธิตเทคโนโลยีใหม่ของอินเทล: หลังจากที่มีการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการทำงานแบบโมบายล์ไปแล้ว อินเทลยังได้นำเอางานวิจัยด้านโมไบล์อีก 9 ชนิดมาแสดงในงานนี้ด้วย ผลการวิจัยเหล่านี้ประกอบด้วย ระบบที่ช่วยให้ใช้ระบบสื่อสารไร้สายร่วมกัน ระบบที่แสดงผลร่วมกัน ระบบสื่อสารที่ใช้พลังงานอย่างประสิทธิภาพ และบริการที่อ้างอิงกับสถานที่ใช้งาน เทคโนโลยีส่วนหนึ่งประกอบด้วย:
• เทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อ Cliffside: Cliffside เป็นผลการวิจัยล่าสุดของกลุ่มผลิตภัณฑ์แบบพกพา ที่ช่วยให้อแดปเตอร์ Wi-Fi เพียงอันเดียวทำงานเสมือนมีอแดปเตอร์ Wi-Fi อิสระ สองตัวได้ เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้คุณซิงค์ไฟล์ MP3 และวิดีโอได้โดยไม่ต้องใช้สายเคเบิล ยูเอสบี ดังนั้นคุณจึงสามารถทำให้โน้ตบุ๊กติดต่อกับทีวีเพื่อชมภาพยนตร์ HD แบบไร้สายได้โดยตรง รวมทั้งการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับอุปกรณ์ Wi-Fi ส่วนตัวภายในบ้าน พร้อมๆ กับมีระบบติดต่อสื่อสาร VPN กับระบบ WLAN ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือติดต่อกับโน้ตบุ๊กเครื่องอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนไฟล์หรือแชทกันได้ แม้ในบริเวณที่ไม่มีจุดแอ็คเซสพ็อยท์ (AP) เลยก็ตาม
จุดเด่นที่ได้จากเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ผู้ใช้โน้ตบุ๊กที่ใช้เซนทริโน สามารถติดต่อสื่อสารกับระบบ WLAN (BSS) ได้พร้อมๆ กับการติดต่อกับเครือข่าย Wi-Fi Personal Area Network (BSS Wi-Fi PAN) โดยสามารถมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Wi-Fi มาเชื่อมต่อไร้สายกับโน้ตบุ๊กที่ใช้เซนทริโนพร้อมๆ กันได้มากถึงแปดชิ้น
เทคโนโลยี Wi-Fi PAN จะช่วยให้คุณทำการติดต่อสื่อสารไร้สายโดยตรงสำหรับการซิงค์ไฟล์ หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลสื่อและไฟล์ต่างๆ ระหว่างโน้ตบุ๊กที่ใช้เซนทริโน กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi อื่นๆ อาทิเช่น โน้ตบุ๊ก เครื่องเล่น MP3 กล้องถ่ายรูป โทรทัศน์ พริ้นเตอร์ เครื่องเล่นเกมแบบพกพาติดตัว เกมคอนโซล และโปรเจ็กเตอร์ เป็นต้น
• ค้นหาและติดตั้งอุปกรณ์ไร้สาย: เทคโนโลยีชนิดใหม่นี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องระบบสื่อสาร ไร้สายที่มีมานานแล้ว ซึ่งจะทำให้ระบบค้นหาและการติดตั้งอุปกรณ์ไร้สายทำได้ง่ายขึ้น
เทคโนโลยีที่นำมาสาธิตแสดงให้เห็นว่าระบบสามารถค้นหาและเชื่อมต่อกับจอแบบไร้สาย ในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างปลอดภัย การสาธิตใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เฟสเลือกจอภาพ FnF7 (Function F7) ที่ผู้ใช้คุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เทคโนโลยีนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เฟสที่คุ้นเคยเพื่อเลือกอุปกรณ์ต่อพ่วงซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างสะดวก เนื่องจากมีระบบค้นหาและระบุอุปกรณ์อัตโนมัตินั่นเอง
• เทคโนโลยีรับรู้สภาพแวดล้อม Adaptive Mobile Computing: แผนกวิจัยซอฟต์แวร์ของอินเทลได้นำเอาเทคโนโลยีใหม่นี้มาสาธิตให้เห็นว่าเราสามารถแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ต้องการมานานได้อีกเรื่องหนึ่งแล้ว สิ่งที่ผู้ใช้ต้องการก็คือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้อย่างสะดวกนั่นเอง
กลไกรับรู้สภาพแวดล้อมที่มีอยู่ในเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ระบบรับรู้สภาพความเป็นไปของ สิ่งรอบตัวและเก็บกฎเกณฑ์ของผู้ใช้เอาไว้ เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ โดยภายในงานได้มีการสาธิตให้เห็นว่ามีการใช้ตัวแปรสภาพแวดล้อมหลายชนิดเพื่อเชื่อมต่อแบบไร้สายกับโปรเจ็กเตอร์ที่ใช้ในการทำพรีเซ็นเทชั่นอยู่ การเลือกใช้ตัวแปรที่เหมาะสมจะช่วยให้แน่ใจว่าระบบเชื่อมต่อและอินเทอร์เฟสได้ปรับแต่งมาสำหรับผู้ใช้แต่ละคนโดยเฉพาะ
การบรรยาย หัวข้อ “การลงทุนกับนวัตกรรมระดับโลก” โดย แคดอล เฉิง ผู้อำนวยการบริหาร กองทุนอินเทล แคปิตอล ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ในงานนี้ เฉิง ได้พูดให้สื่อมวลชนจากหลายประเทศฟังเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย รวมทั้งมุมมองของเขาเกี่ยวกับการพัฒนา อุปสรรค และโอกาสของภูมิภาคนี้อีกด้วย ปี 2551 บ่งบอกให้ทราบว่า อินเทล แคปิตอล เปิดดำเนินงานในจีนมาครบ 10 ปีแล้ว และเขาใช้โอกาสนี้พูดถึงการลงทุนที่ประสบความสำเร็จกับบริษัท iCap China Tech Fund (มูลค่าการลงทุน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ) ที่ก่อตั้งเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2548 นอกจากนั้น อินเทล แคปิตอล ยังมีการลงทุนที่ประสบความสำเร็จในจีนและประเทศอื่นๆ ในเอเชียอีกด้วย