ราคาข้าวผันผวน : ปัจจัยชี้จากตลาดโลก

ตลาดข้าวเปลือกที่ชิคาโกหรือตลาดข้าวซีบีทีในเดือนพฤษภาคม 2551 มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากราคาข้าวได้รับแรงกดดันหลายด้านที่ทำให้การเก็งกำไรราคาข้าวในตลาดซื้อขายล่วงหน้าลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องถึงราคารับซื้อข้าวในตลาดโลกในระยะต่อไปจะมีแนวโน้มลดลง และในที่สุดก็จะเป็นแรงกดราคาซื้อขายข้าวในประเทศไทย

ปัจจัยที่สร้างแรงกดดันราคาข้าวในตลาดโลกที่สำคัญคือ การคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าวงจรการลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯอาจจะใกล้ยุติลง รวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง จากสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดล่วงหน้าลอนดอนมีแนวโน้มลดลง ทำให้ความสนใจในการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มลดลง ตลอดจนการคาดการณ์ว่าราคาข้าวในปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น จนกระทั่งประเทศผู้ซื้อข้าวชะลอการซื้อและปัจจัยลบคือ การที่รัฐบาลฟิลิปปินส์มีแนวโน้มว่าการเปิดประมูลข้าวในวันที่ 5 พฤษภาคม 2551 นี้จะเป็นการเปิดประมูลข้าวในลักษณะรัฐต่อรัฐ และการที่ไทยจะทยอยนำสต็อกข้าวออกมาทำข้าวบรรจุถุงจำหน่ายในประเทศ หรือมาตรการข้าวถุงธงฟ้า ตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในประเทศว่าจะไม่เกิดปัญหาขาดแคลนข้าว และเป็นความหวังดีที่จะช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคในประเทศ แต่ตลาดข้าวก็ตีความข่าวมาตรการดังกล่าวว่าจะส่งผลให้มีปริมาณข้าวออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มราคาข้าวในตลาดโลกที่เริ่มอ่อนตัวนับเป็นการส่งสัญญาณให้ไทยต้องเตรียมรับมือ เนื่องจากผู้ที่จะได้รับผลกระทบอย่างมากคือ ผู้ผลิตต้นน้ำของธุรกิจข้าว คือ ชาวนาและธุรกิจโรงสี เนื่องจากทั้งสองกลุ่มนี้ดำเนินการขยายการผลิตข้าวโดยการลงทุนเพื่อเพิ่มผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ อิงกับราคาข้าวที่อยู่ในเกณฑ์สูงในช่วงที่ผ่านมา

ราคาข้าวในตลาดชิคาโกร่วง…เริ่มส่งสัญญาณราคาข้าวขาลง
ราคาข้าวเปลือกในตลาดซื้อขายล่วงหน้าชิคาโกหรือตลาดล่วงหน้าซีบีทีในเดือนพฤษภาคม 2551 มีแนวโน้มลดลงเป็นครั้งแรก หลังจากที่เคยทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา และพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551

การที่ราคาข้าวเปลือกในตลาดชิคาโกมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากสาเหตุหลากหลายประการ
เงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่า โดยมีแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่อ่อนแอ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฝรั่งเศสที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2530 ในขณะที่ยอดค้าปลีกของสเปนหดตัวร้อยละ 5.5 ในเดือนมีนาคม ส่วนอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีก็ชะลอตัวลงมากกว่าคาดในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีการขายทำกำไรเงินยูโรของบรรดานักค้าเงิน

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดล่วงหน้าลอนดอนลดลง เนื่องจากปัจจัยหนุนหลายประการคือ จากการปรับขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ฯ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯมีการทบทวนปรับลดความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯในเดือนกุมภาพันธ์ลงอย่างมาก กลุ่มคนงานโรงกลั่นแกรนจ์เมาธ์ในสก็อตแลนด์เริ่มกลับเข้าทำงานหลักการประท้วงปิดโรงกลั่น 2 วัน ซึ่งส่งผลต่อการขนส่งน้ำมันดิบในทะเลเหนือ และการผลิตน้ำมันในไนจีเรียมีแนวโน้มจะดีขึ้นจากสถานการณ์ที่คลี่คลายลงในไนจีเรีย หลังบริษัทเอ็กซอน โมบิล สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพเพื่อยุติการผละงานประท้วงของกลุ่มคนงาน

การประมูลข้าวของฟิลิปปินส์ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2551 รัฐบาลฟิลิปปินส์เปลี่ยนเงื่อนไขการประมูลเป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งคาดการณ์ได้ว่าราคาข้าวในการประมูลครั้งนี้จะมีแนวโน้มลดลง ซึ่งส่งผลทางจิตวิทยาในการกดดันราคาข้าวในตลาดโลก เช่นเดียวกับที่การประมูลข้าวของฟิลิปปินส์ในเดือนกุมภาพันธ์และเมษายนที่ผ่านมาที่ราคาประมูลอยู่ในเกณฑ์สูง ส่งผลอย่างมากในการผลักดันให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

มาตรการข้าวถุงธงฟ้า…จุดประสงค์ดี แต่ออกมาในช่วงราคาขาลง
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 29 เมษายน 2551 มีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์นำข้าวในสต็อกจำนวน 2.1 ล้านตันบรรจุถุงขายประชาชน โดยให้องค์การคลังสินค้า(อคส.)ทยอยทำเป็นข้าวถุงเพื่อจำหน่ายให้ประชาชน ส่วนราคาจำหน่ายจะเป็นราคาเฉลี่ยข้าวเก่าและข้าวใหม่ และจะเป็นราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดประมาณร้อยละ 20.0 ภายใต้ชื่อ”โครงการข้าวถุงธงฟ้ามหาชน” จะเริ่มดำเนินการถึงสิ้นปี 2551 และขยายเวลาออกได้ หากมีความจำเป็น ส่วนการบริหารจัดการข้าวบรรจุถุงจะนำข้าวสารในสต็อกมาบรรจุจำหน่ายให้ประชาชน โดยข้าวสารที่จะจำหน่ายมีหลายประเภท เช่น ข้าวหอมมะลิ100% ข้าวหอมจังหวัด ข้าวหอมปทุมธานี ข้าวขาว5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% และข้าวขาว 25% และจะจัดซื้อข้าวใหม่เข้ามาทดแทนข้าวที่นำออกมาจำหน่ายให้ครบ 2.1 ล้านตัน เพื่อความมั่นคงของอาหารในประเทศ ราคาข้าวบรรจุถุงที่จำหน่ายนั้นจะมีคณะกรรมการส่วนกลางเป็นผู้กำหนด รวมถึงจะมีการติดตามราคาขายปลีกอย่างใกล้ชิด คาดว่าประมาณ 2-3 สัปดาห์จากนี้หรือประมาณกลางเดือนพฤษภาคม จะสามารถนำข้าวถุงวางจำหน่ายท้องตลาดได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างให้แต่ละจังหวัดสำรวจปริมาณความต้องการ เพื่อนำมาสรุปก่อนจัดทำเป็นข้าวถุง จากนั้นก็จะให้อคส.ผลิตข้าวถุงร่วมโครงการได้ทันที เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอเมื่อถึงเวลาวางตลาด อคส.มีกำลังการผลิตวันละ 1 หมื่นตัน ทั้งนี้ข้าวที่ออกวางจำหน่ายเบื้องต้นจะอยู่ที่ประมาณ 1-3 แสนถุง เชื่อว่าจะมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ แต่หากกำลังการผลิตของอคส.ไม่เพียงพอกับความต้องการก็คงจะต้องว่าจ้างเอกชนเข้ามาผลิตแทน

แม้ว่ามาตรการข้าวถุงธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์นั้นมีวัตถุประสงค์ที่ดีโดยต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคในประเทศ แต่ตลาดตีความข่าวดังกล่าวว่าจะมีปริมาณข้าวออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานข่าวมาตรการดังกล่าวไปทั่วโลก ในขณะที่ตลาดซื้อขายข้าวล่วงหน้าตอบรับข่าวดังกล่าวโดยการปรับราคาซื้อขายล่วงหน้าในเดือนพฤษภาคมลง กล่าวคือ ในวันที่มีข่าวว่ากระทรวงพาณิชย์จะออกมาตรการข้าวถุงธงฟ้า ปริมาณสัญญาการซื้อขายข้าวในตลาดชิคาโกได้ปรับตัวลดลง และราคาข้าวเปลือกล่วงหน้าลดลงร้อยละ 2.5 จากที่เคยพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์มาตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลของตลาดว่าราคาข้าวอาจเปลี่ยนทิศทางมาเป็นขาลง

ราคาข้าวมีแนวโน้มชะลอตัว
แม้ว่าการดำเนินมาตรการลดช่องว่างระหว่างราคาข้าวในร้านค้าปลีกสมัยใหม่กับร้านค้าปลีกทั่วๆไป และมาตรการข้าวถุงธงฟ้าจะมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้บริโภคในประเทศ และชะลออัตราเงินเฟ้อของประเทศ แต่การดำเนินมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบทั้งตลาดข้าวในประเทศและตลาดโลก โดยทำให้ราคามีแนวโน้มชะลออัตราการพุ่ง ทั้งนี้ผนวกกับการคาดการณ์ว่าราคาข้าวในปัจจุบันอยู่ในระดับสูงเกินจริง จนกระทั่งประเทศผู้นำเข้าข้าวเริ่มชะลอการนำเข้า รวมกับการคาดการณ์ผลผลิตข้าวนาปรัง ปี 2551 และข้าวนาปี ปี 2551/52 จะมีผลผลิตรวม 30.18 ล้านตันข้าวเปลือก หรือประมาณ 20 ล้านตันข้าวสาร โดยจะใช้เพื่อการบริโภคภายในประเทศประมาณ 9 ล้านตันข้าวสาร จำแนกเป็นการบริโภค 6.6 ล้านตัน ใช้ทำพันธุ์และใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ประมาณ 2.4 ล้านตันข้าวสาร คาดว่าจะส่งออกทั้งปี 2551 ประมาณ 9 ล้านตัน และที่เหลือเก็บไว้เป็นสต็อก

ผลกระทบแยกวิเคราะห์ตลาดข้าวในประเทศและตลาดโลก ดังนี้
 ตลาดในประเทศ
แม้ว่ามาตรการข้าวถุงธงฟ้า นี้จะช่วยให้ผู้บริโภคในประเทศได้มีโอกาสซื้อข้าวราคาถูก ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้บริโภค และลดอัตราเงินเฟ้อของประเทศ แต่ประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ กล่าวคือ ปริมาณข้าวในสต็อกของรัฐบาล 2.1 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวสาร 1.955 ล้านตัน และข้าวเปลือก 184,845 ตัน ซึ่งคำนวณเป็นข้าวสารประมาณ 107,400 ตัน เป็นข้าวในโครงการรับจำนำปี 2547/48-2550/51 ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัด ข้าวปทุมธานี ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% หมายถึงว่าข้าวที่จะนำออกมาจำหน่ายนั้นส่วนใหญ่เป็นข้าวเก่า ซึ่งรัฐบาลต้องมีความรอบคอบในการคำนวณราคาจำหน่าย เนื่องจากการซื้อข้าวเก็บไว้ในสต็อกนั้นมีต้นทุนที่แตกต่างกัน อีกทั้งระยะการเก็บข้าวบางล็อตนั้นค่อนข้างนาน ส่งผลต่อคุณภาพข้าวด้วย การมุ่งที่จะจำหน่ายในราคาถูกเท่านั้นอาจจะทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระขาดทุน นอกจากนี้ ในช่วงจังหวะนี้เป็นช่วงราคาข้าวผันผวนและมีแนวโน้มลดลง แม้ว่ายังคงไม่แน่ชัดว่ารัฐบาลจะใช้สต็อกข้าวทั้งหมดเพื่อนำมาข้าวถุงธงฟ้า แต่ในกรณีที่ใช้สต็อก 2.1 ล้านตันทั้งหมด และรัฐต้องมีแผนจะซื้อข้าวจากชาวนา เพื่อกลับไปเติมให้สต็อกเต็ม 2.1 ล้านตันตามเดิม ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอันดับแรกคือ รัฐบาลต้องใช้เงินค่อนข้างมากในการซื้อข้าวเก็บในสต็อก เนื่องจากราคาข้าวปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งเงินที่ได้จากการขายข้าวในโครงการข้าวถุงธงฟ้าน่าจะไม่เพียงพอ นอกจากนี้ หากรัฐจะตั้งหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งขึ้นมารับซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรงอาจเกิดความยุ่งยากในขั้นการสีแปรสภาพ โดยรัฐบาลต้องกำหนดเงื่อนไขดูแลไม่ให้เกิดการรั่วไหลได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขการวางเงินค้ำประกันจากโรงสีเพื่อให้แน่ใจว่าการซื้อข้าวกลับเข้าโกดังจะไม่เกิดปัญหาใดๆตามมาเช่นในอดีต ทำให้ความจำเป็นที่จะต้องนำสต็อกข้าวออกมาขายในโครงการข้าวถุงธงฟ้าคงจะขึ้นอยู่กับระดับและทิศทางราคาข้าวทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก

ตลาดโลก เมื่อผนวกเหตุการณ์ต่างๆที่ประจวบเหมาะกันในจังหวะที่รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการข้าวธงฟ้า คือ แนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลทำให้นักเก็งกำไรหันไปซื้อขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯอีกครั้งหนึ่ง และลดการเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ ผนวกกับการส่งสัญญาณการประมูลข้าวในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล และมาตรการข้าวถุงธงฟ้าของรัฐบาลไทย

การปรับตัวของชาวนาและโรงสี…เตรียมรับราคาผันผวน
จากปัจจัยที่แรงกดดันราคาข้าวในตลาดโลก ผนวกกับความกังวลของตลาดโลกเมื่อไทยดำเนินมาตรการข้าวถุงธงฟ้า ซึ่งถูกตลาดข้าวตีความว่าเป็นการเพิ่มปริมาณข้าวในตลาด ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะอยู่ในช่วงขาลง ดังจะเห็นได้จากราคาข้าวในตลาดชิคาโกที่มีแนวโน้มลดลง รวมทั้งข่าวที่ประเทศผู้ซื้อข้าวเริ่มชะลอคำสั่งซื้อ ทั้งนี้เพื่อรอดูทิศของราคาข้าว ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้ว่าราคาข้าวจะยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาคงจะผันผวน เนื่องจากข่าวต่างๆทั้งจากประเทศผู้ผลิตและผู้ซื้อจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาและมีผลต่อการแกว่งของราคาข้าวในตลาดโลก

ภาวะราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุหลักจะเกิดจาก

ปัจจัยพื้นฐาน ปัญหาของปริมาณสต็อกข้าวสำรองทั่วโลกที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 30 ปี ปริมาณความต้องการข้าวในตลาดโลกลดลง ปริมาณการผลิตลดลงจากการที่ประเทศผู้ผลิตข้าวสำคัญของโลก โดยเฉพาะเวียดนามและอินเดียเผชิญปัญหาความแปรปรวนของสภาพอากาศ และภัยธรรมชาติ

ปัจจัยในด้านการเก็งกำไร ในช่วงที่ผ่านมาเมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้นักเก็งกำไรหันไปการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งข้าวก็เป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีนักเก็งกำไรเข้ามาซื้อขายด้วยเช่นกัน แต่เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯเริ่มมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ส่งผลให้การเก็งกำไรราคาข้าวลดลง ผลต่อเนื่องคือ ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง

ประเด็นที่น่าสนใจคือ แนวโน้มของราคาข้าวในตลาดโลกนั้นจะผันผวนมากขึ้น โดยต้องติดตามผลกระทบจากปัจจัยต่างๆในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ทั้งปัจจัยพื้นฐาน คือ ผลผลิตของไทยเอง ผลผลิตและนโยบายการค้าของประเทศคู่แข่ง รวมทั้งนโยบายของประเทศคู่ค้า และปัจจัยในด้านการเก็งกำไรนั้นต้องจับตาว่าทิศทางการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงนั้นมีโอกาสจะกลับไปเป็นเช่นในอดีตที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าและราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอีกหรือไม่ โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐฯในอนาคตก็คือ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ยังต้องจับตาว่าจะฟื้นตัวตามที่ตลาดคาดไว้หรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้นักเก็งกำไรหันมาสนใจการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์อีกครั้งหนึ่ง ราคาข้าวก็มีโอกาสที่จะกลับมาพุ่งขึ้นไปอีกได้ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดข้าวนั้น ทำให้การรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้องและรวดเร็วจะเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการค้าข้าวให้เตรียมรับมือกับราคาที่มีโอกาสจะผันผวนได้อย่างมีความพร้อมมากขึ้น

ส่วนการส่งออกข้าวนั้นต้องจับตาในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2551 ซึ่งเป็นต้นฤดูการผลิตข้าวปี 2551/52 ได้แก่ การเพิ่มผลผลิตข้าวเพื่อการส่งออกของประเทศคู่แข่ง โดยราคาที่อยู่ในเกณฑ์สูงเป็นแรงจูงใจ ประเทศที่ผู้ส่งออกข้าวที่ไทยต้องจับตาเป็นพิเศษคือ เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งนโยบายการส่งออกข้าวทั้งสองประเทศนี้จะกำหนดทิศทางการแข่งขันของไทยในตลาดข้าวโลกตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2551 ในขณะที่ประเทศคู่ค้าข้าวต่างมีนโยบายขยายปริมาณการผลิตข้าว ทั้งนี้เพื่อความมั่งคงทางด้านอาหารของประเทศ ซึ่งจะทำให้ความต้องการนำเข้าข้าวมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งปัญหาภัยธรรมชาติและการแพร่ระบาดของโรคและแมลงศัตรู โดยนับว่าเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมที่มีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับปริมาณการผลิตข้าวได้อย่างมาก

บทสรุป
จากแนวโน้มราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จนส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคในประเทศต้องได้รับความเดือดร้อน ทำให้รัฐบาลมีมาตรการเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคในประเทศ โดยดำเนินมาตรการข้าวถุงธงฟ้า แต่ตลาดข้าวในต่างประเทศกลับตีความข่าวมาตรการดังกล่าวว่าจะส่งผลให้มีปริมาณข้าวเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เมื่อผนวกกับหลากหลายปัจจัยในช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับลดลง และการเปลี่ยนรูปแบบการประมูลข้าวของฟิลิปปินส์เป็นรัฐบาลต่อรัฐบาล ทำให้ราคาข้าวมีแนวโน้มลดลง และผู้ส่งออกของไทยเข้าไปร่วมประมูลไม่ได้ ประเด็นต่างๆเหล่านี้นับเป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง โดยสัญญาณเริ่มจากการซื้อขายข้าวเปลือกล่วงหน้าในตลาดชิคาโกในเดือนพฤษภาคมมีแนวโน้มอ่อนตัวลงเป็นครั้งแรก ส่งผลให้ประเทศผู้ซื้อข้าวเริ่มชะลอการซื้อเพื่อรอดูทิศทางราคา ดังนั้นประเด็นนี้จึงเป็นปัจจัยที่ต้องพึงระวังของผู้ประกอบการในธุรกิจข้าวคือ ราคาที่มีแนวโน้มจะผันผวนในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่อาจจะส่งผลกระทบไปสู่ตลาดข้าวทุกระดับ รวมทั้งผู้บริโภคด้วย