ปากกาเฟเบอร์-คาสเทลล์ รุกสร้างกระแสการตลาดอีกระลอก อัดงบประมาณก้อนใหญ่ ดึงดาราดัง “น้องพีค” ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ เป็นพรีเซ็นเตอร์ปากกาเจลรุ่นใหม่ หวังเจาะกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา เผยมองการณ์ไกลหวังเกาะกระแสตลาดที่แนวโน้มดี ย้ำคุณภาพผลิตภัณฑ์มีมาตรฐานระดับโลก
นายชูเกียรติ โตกมลธรรม ผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายปากกาเจล ภายใต้แบรนด์เฟเบอร์-คาสเทลล์ จากประเทศเยอรมันนี กล่าวว่าบริษัทได้ทุ่มงบประมาณกว่า 15 ล้านบาท เพื่อสร้างกิจกรรมการตลาดสำหรับปากกาเจลเฟเบอร์-คาสเทลล์ รุ่นทรูเจล ซึ่งเป็นปากกาเจลรุ่นใหม่ล่าสุด โดยหวังผลระยะยาวเพราะธุรกิจเครื่องเขียนโดยเฉพาะปากกานั้นมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและมีอนาคตทางการตลาด
“จากการศึกษาลักษณะการแข่งขันของธุรกิจเครื่องเขียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ได้ทราบว่าอัตราการเติบโตของปากกาลูกลื่นในตลาดต่างประเทศค่อนข้างจะลดลง แต่ปากกาหมึกเจลกลับมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างมาก เหมือนกันกับตลาดเครื่องเขียนในประเทศไทย ที่ปากกาลูกลื่นยังคงมีการชะลอตัว แต่ปากกาหมึกเจลกลับมีการเติบโตที่ค่อนข้างจะต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทฯ จึงหวังจะเป็นผู้นำในการเกาะกระแสการเติบโตของปากกาหมึกเจลไปพร้อมๆ กับการเติบโตของตลาด”
นายชูเกียรติ กล่าวต่อไปว่าทางด้านการตลาดปีนี้นับว่าเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่เรายังคงเป็นผู้นำของธุรกิจเครื่องเขียนที่มีการใช้งบประมาณทางการตลาดค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับยอดขายโดยรวมเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างสินค้าภายใต้แบรนด์เฟเบอร์-คาสเทลล์กับแบรนด์อื่น ๆ โดยเฉพาะงบประมาณการตลาดทางด้าน Above The Line ซึ่งแบรนด์อื่นจะเน้นแต่การตกแต่งหน้าร้านและกิจกรรม ณ จุดขาย
“ในปีนี้เรายังคงต้องการสร้างความแตกต่างโดยการใช้ “น้องพีค” ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ ดาราชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ให้กับทางปากกาเฟเบอร์-คาสเทลล์ รุ่นทรูเจล ซึ่งเป็นปากกาเจลรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวคือ ไม่ซึมเลอะเมื่อโดนน้ำและมีสีสันที่สวยงามในโทนสี Pastel ในราคาเพียง 15 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมและไม่แพงจนเกินไปเมื่อเทียบกับคุณภาพของสินค้า ทั้งนี้เพื่อเจาะกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่ม Heavy User สำหรับธุรกิจเครื่องเขียนประเภทปากกา โดยหวังให้แบรนด์ เฟเบอร์-คาสเทลล์ เป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจวัยรุ่น”
“สำหรับตลาดโดยรวมของปากกามีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยตลาดมีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มมีแบรนด์ 60% และกลุ่มไม่มีแบรนด์ 40% หรือแบ่งเป็น 3 ลักษณะด้วยกันคือปากกาทั่วไปหรือปากกาลูกลื่น ปากกาพรีเมี่ยม และปากกาหมึกเจล โดยปากกาลูกลื่นมีส่วนแบ่งประมาณ 85% ปากกาพรีเมี่ยม 10% และปากกาหมึกเจล 5%”
“นายชูเกียรติ กล่าวต่อไปว่าเนื่องจากธุรกิจหลักของเราไม่ใช่ธุรกิจตรงนี้ ดังนั้นทางเราคงไม่ต้องการที่จะเป็นผู้นำตลาดเครื่องเขียนในระยะเวลาอันสั้นนี้ ซึ่งทางเราหวังว่าจะเป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายสินค้าสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องเขียนคุณภาพมีระดับจากประเทศเยอรมันนี โดยในปัจจุบันเฟเบอร์-คาสเทลล์ มีส่วนแบ่งของตลาดประมาณ 5% ของตลาดปากกาโดยรวม”
“ปัจจุบันนี้ธุรกิจปากกามีการแข่งขันกันค่อนข้างสูงมาก เนื่องจากเป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้ โดยเฉพาะประเทศไทย ถือว่าเป็นประเทศที่มีการแข่งขันสูงในธุรกิจประเภทนี้สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยจะสังเกตได้จากการที่ลูกค้าจะมีความรู้สึกว่าเลือกสินค้าไม่ถูกเมื่อไปยืนอยู่ที่ ณ จุดขาย อย่างเช่น ถ้าคนๆ นึงต้องการซื้อปากกาหมึกเจลสีน้ำเงิน แต่หน้าร้านจะมีสินค้าให้เลือกไม่ต่ำกว่า 50 แบบ ทั้งๆ ที่ความต้องการของลูกค้าอาจจะต้องการปากกาหมึกเจลแค่ด้ามเดียว”
นายชูเกียรติ กล่าวในตอนท้ายว่าสำหรับปัญหาการนำเข้าปากกาจากประเทศข้างเคียงโดยเฉพาะจากประเทศจีนมาจำหน่ายในประเทศมากขึ้นนั้น ถ้าดูในภาพรวมก็ถือว่าสร้างผลกระทบบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในตลาดปากกาที่ไม่มีแบรนด์ แต่สำหรับในตลาดของปากกาเฟเบอร์-คาสเทลล์ บริษัทฯ มองว่าไม่น่าจะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดมากนัก เนื่องจากสินค้าจากประเทศจีนในปัจจุบันนี้ยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร