“สัมพันธ์ วงษ์ปาน” ผู้บริหาร ถิรไทย หรือ TRT เผยพร้อมลุยงานประมูลครั้งใหญ่มูลค่ากว่า 3,725 ล้านบาท คาด TRT จะได้รับงานประมาณ 20% หรือประมาณ 700 – 800 ล้านบาท โดยจะส่งมอบงานในปี 2551 ประมาณ 200 – 300 ล้านบาท และที่เหลือส่งมอบภายในปีหน้า มั่นใจผลประกอบการปีนี้ตามเป้า 2,300 ล้านบาท เพราะมีงานในมือชัดเจน พร้อมย้ำศักยภาพที่เป็นศูนย์กลางในการให้บริการซ่อมบำรุงหม้อแปลงไฟฟ้าทุกชนิด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต และจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ทางบริษัทฯ จะมียอดคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 และ 3 บริษัทจะเข้าร่วมประมูลงานของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในมูลค่า 2,400 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่างาน 645 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มูลค่างาน 180 ล้านบาท และงานเอกชนอีกประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมงานที่มีกำหนดยื่นวงเงินงบประมาณ 3,725 ล้านบาท โดยบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับยอดคำสั่งซื้อเข้ามาประมาณ 20% หรือประมาณ 700 – 800 ล้านบาทจากมูลค่าที่เข้าประมูลทั้งหมด
“เป้าหมายการรับงานของภาครัฐบาลให้มีสัดส่วน 30 – 35 % แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ค่อยสงบในขณะนี้ แต่บริษัทก็ไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากงานในภาคพลังงานและความต้องการใช้ไฟฟ้ายังคงเติบโตต่อเนื่อง และภาครัฐบาล ได้แก่การไฟฟ้าต่าง ๆ ยังคงเปิดประมูล เพื่อสั่งซื้อหม้อแปลงไฟฟ้าตามแผนงานเป็นปกติ ขณะที่บริษัทมียอดการส่งออกกว่า 40% และคำสั่งซื้อจากภาคเอกชนในสัดส่วน 30% เข้ามากระจายความเสี่ยงของบริษัทอยู่แล้ว” นายสัมพันธ์กล่าว
สำหรับทิศทางธุรกิจของบริษัทในปี 2551 คาดว่าบริษัทจะมีเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 2,300 ล้านบาท โดยแยกตามประเภทลูกค้า เป็นหน่วยงานราชการ 800 ล้านบาท เอกชน 550 ล้านบาท และส่งออก 950 ล้านบาท และแยกตามประเภทสินค้าเป็นหม้อแปลงกำลัง 1,450 ล้านบาท และหม้อแปลงระบบ 850 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มศักยภาพการให้บริการซ่อมบำรุงหม้อแปลงไฟฟ้าทุกชนิด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาดใหญ่ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการลดขั้นตอนต่าง ๆ ทั้งการขนส่ง และค่าใช้จ่ายที่จะนำกลับไปซ่อมยังต่างประเทศ โดยบริษัทฯ เป็นบริษัทคนไทยเพียงแห่งเดียวที่สามารถให้บริการซ่อมบำรุงดังที่กล่าวมาแล้วได้
“ด้านการส่งออกบริษัทได้เริ่มขยายตลาดไปยังแถบตะวันออกกลาง และแอฟริกา เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น จากเดิมที่บริษัทมีตลาดส่งออกหลักในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้แม้ว่าตลาดใหม่จะยังไม่เห็นผลมากนักในปีนี้ แต่ในอนาคตคาดว่าจะมียอดสั่งซื้อเข้ามาอย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าในกลุ่มประเทศดังกล่าวยังคงมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น” นายสัมพันธ์ กล่าวปิดท้าย