ปตท.เคมิคอล และ ไซม์ดาร์บี้ ประกาศการร่วมทุนดำเนินกิจการ ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์

บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ครบวงจร โดยบริษัทในกลุ่มคือ ปตท.เคมิคอล อินเตอร์เนชั่นแนล ไพรเวท จำกัด (ปตท.เคมิคอล อินเตอร์เนชั่นแนล) ได้ร่วมลงนามในเอกสารข้อตกลงการร่วมทุนกับ บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ แพลนเทชั่น จำกัด (ไซม์ ดาร์บี้) ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและถือครองหุ้นร่วมกันในบริษัท ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ (COM) ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกในด้านผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมีที่ใช้วัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ โดยผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมีที่มีอยู่หลากหลายชนิดนั้นล้วนใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีการนำกลับมาใช้ใหม่ เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันเมล็ดในปาล์ม น้ำมันพืชชนิดต่างๆ และไขมันสัตว์ และถูกนำมาใช้ผลิตสินค้าในรูปแบบต่างๆ มากมาย เช่น สบู่ ผงซักฟอก เครื่องสำอาง เวชภัณฑ์ สิ่งทอ สารกันบูด สารเติมแต่งพลาสติก และผลิตภัณฑ์หล่อลื่นเพื่อช่วยในการขุดเจาะน้ำมัน

ทั้งนี้ ก่อนการลงนามในข้อตกลงการร่วมทุนดังกล่าว ปตท.เคมิคอล อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ลงนามในข้อตกลงการซื้อหุ้นกับบริษัท ค็อกนิส บีวี ซึ่งเป็นบริษัทสาขาที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย ค็อกนิส จีเอ็มบีเอช เพื่อซื้อหุ้นจำนวน 50% ของบริษัท ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ ด้วยมูลค่าเงินสดประมาณ 104 ล้านเหรียญยูโร ส่วนไซม์ ดาร์บี้ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของค็อกนิส โอลีโอเคมีคอลส์ ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิมคือ 50% และจะยังคงมีการดำเนินกิจการภายใต้ชื่อบริษัท ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ เช่นเดิมในช่วงของการเจรจาจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทใหม่

ข้อตกลงการร่วมทุนกิจการในครั้งนี้จะมีผลทันทีเมื่อกระบวนการซื้อหุ้นดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการซื้อได้ในราวปลายเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้ ข้อตกลงในการซื้อหุ้นดังกล่าว ซึ่ง

เป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามมาตรฐาน ได้รับการอนุมัติแล้วจากคณะกรรมการบริหารของ ปตท.เคมิคอล อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมีธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์สเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ ปตท.เคมิคอล สำหรับการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้

ภายใต้ข้อตกลงการร่วมทุนดังกล่าว ปตท.เคมิคอล และ ไซม์ ดาร์บี้ จะร่วมกันบริหารกิจการของ บริษัท ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ ทันทีที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ โดยแต่ละฝ่ายจะมีผู้บริหารในจำนวนที่เท่ากันเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการบริหารของค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ ส่วนทีมบริหารของค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ ชุดปัจจุบันนั้นจะยังคงดำรงตำแหน่งเช่นเดิม

นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปตท.เคมิคอล มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ ไซม์ ดาร์บี้ เพื่อสร้างฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ตลอดจนสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ให้กับธุรกิจของค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ อย่างยั่งยืนต่อไปในระยะยาว เรามีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะนำค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในการเพิ่มมูลค่าและสร้างความหลากหลายให้กับอุตสาหกรรมโอลีโอเคมี ด้วยคำมั่นสัญญาในระยะยาวที่มีต่อการลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น ตลอดจนการมุ่งเน้นถึงความต้องการของลูกค้า การวิจัยและพัฒนา รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนตลาดให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น การลงทุนของ ปตท.เคมิคอล ในบริษัท ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ สะท้อนถึงกลยุทธ์ในการพัฒนาโอกาสเพื่อการเติบโตของธุรกิจในระดับนานาชาติ ที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและผลสำเร็จทางด้านนวัตกรรมของเราให้มากยิ่งขึ้น”

“ความร่วมมือที่มีต่อกันระหว่าง ไซม์ ดาร์บี้ และ ปตท.เคมิคอล นับเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมนี้ เพราะเป็นการประสานความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน คือ ความเชี่ยวชาญด้านการเกษตร โอลีโอเคมี และปิโตรเคมี ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ ในการผสานธุรกิจอัพสตรีมและดาวน์สตรีมเข้าด้วยกัน และยังช่วยให้บริษัทสามารถนำเสนอโซลูชั่นทางธุรกิจใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายได้ตรงตามที่ลูกค้าต้องการได้มากขึ้นอีกด้วย” ดาโต๊ะ อาซาห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไซม์ ดาร์บี้ กล่าวเสริม

มร. เรย์มอนด์ แย็บ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ค็อกนิส โอลีโอเคมีคอลส์ กล่าวว่า “เรามีความมั่นใจว่า การสนับสนุนที่จะได้รับจากผู้ถือหุ้นที่มีความแข็งแกร่งทั้งสองฝ่ายจะช่วยสร้างโอกาสทาง

การตลาดมากมายให้กับ ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ และสร้างความมั่นใจในความสัมพันธ์ระยะยาวที่เรามีให้กับลูกค้าว่าจะสามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้ ยังช่วยคงสถานะของบริษัทให้อยู่ในฐานะบริษัทโอลีโอเคมีรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งนับว่าเราเป็นบริษัทโอลีโอเคมีระดับโลกอย่างแท้จริงด้วยฐานการเงินที่แข็งแกร่ง แหล่งวัตถุดิบที่มั่นใจได้ และฐานลูกค้าที่หลากหลาย”

“ลูกค้าของค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ จะมั่นใจได้ในคำมั่นสัญญาการให้บริการที่เรายึดถืออย่างเข้มงวด เพราะท้ายที่สุดแล้วลูกค้าจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เราสามารถนำเสนอได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ จะเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการผสานความร่วมมือกันทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมอัพสตรีมและดาวน์สตรีมจากผู้ถือหุ้นทั้งสองของเรานั่นเอง” มร. แย็บ กล่าวเสริม

เกี่ยวกับ ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์
ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอล เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมีที่ใช้วัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทประกอบด้วยกรดไขมัน แอลกฮอล์ไขมัน กลีเซอรีน ไตรอะเซติน กรดโอโซน สารเติมแต่งพลาสติก และสารเคมีที่ใช้สำหรับหัวเจาะบ่อน้ำมัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าต่างๆ มากมายครอบคลุมตั้งแต่ ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลบ้าน ผลิตภัณฑ์ดูแลอนามัยส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ผลิตจากน้ำมันและไขมันจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันเมล็ดในปาล์มและไขมันสัตว์ สำนักงานใหญ่ของค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ ตั้งอยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีโรงงานอยู่ที่ประเทศเยอรมนี สหรัฐอเมริกา แคนาดา และมาเลเซีย และมีศูนย์ให้บริการและฝ่ายขายอยู่ที่ประเทศสหราชอาณาจักร บราซิล ญี่ปุ่น จีนและฮ่องกง

เกี่ยวกับ บริษัท ปตท.เคมิคอล อินเตอร์เนชั่นแนล ไพรเวท จำกัด
ปตท.เคมิคอล อินเตอร์เนชั่นแนล ไพรเวท เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ปตท.เคมิคอล เป็นผู้ดำเนินการผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์อย่างครบวงจร โดยเป็นผู้ผลิตโอเลฟินส์รายใหญ่อันดับสามในเอเชีย และเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ธุรกิจหลักของบริษัทประกอบด้วยสายธุรกิจที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์

ผลิตภัณฑ์เคมี ผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์ ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องพิเศษ ผลิตภัณฑโอลีโอเคมี และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ วิสัยทัศน์ของปตท.เคมิคอล คือ การเป็นผู้นำระดับโลกและเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเคมี การร่วมทุนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงก้าวที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตในระดับโลกได้สำเร็จดังที่มุ่งหมายไว้ ปตท.เคมิคอล เป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชื่อย่อที่ใช้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ PTTCH)
เกี่ยวกับ บริษัท ไซม์ ดาร์บี้ แพลนเทชั่น จำกัด

ไซม์ ดาร์บี้ แพลนเทชั่น ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ดำเนินการบริหารพื้นที่ปลูกต้นปาล์มในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียเพื่อใช้ผลิตน้ำมันปาล์มโดยมีพื้นที่ในความดูแลถึง 524,626 เฮคเตอร์ ซึ่งนับเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจด้านเพาะปลูกรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยสามารถผลิตน้ำมันปาล์มได้มากถึงร้อยละ 6 ของอัตราการผลิตน้ำมันปาล์มทั่วโลก หรือคิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบที่ผลิตได้ 2.2 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 208 แห่ง โรงงานผลิตในมาเลเซียและอินโดนีเซียรวม 65 แห่ง รวมถึงธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ดาวน์สตรีม ซึ่งรวมถึงการสกัดน้ำมันที่รับประทานได้ ผลิตผลจากน้ำมันและไขมัน ผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมีและไบโอดีเซล และธุรกิจด้านการเกษตรและการเพาะปลูกยางพารา

ภายใต้การสนับสนุนของ ไซม์ ดาร์บี้ เบอร์ฮาร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของบริษัทมาเลเซียที่มีการขยายธุรกิจใน 22 ประเทศทั่วโลก ไซม์ ดาร์บี้ แพลนเทชั่น มีการทำธุรกิจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในลักษณะที่ยั่งยืนเพื่อคนรุ่นหลัง สำหรับธุรกิจหลักอื่นๆ ของ ไซม์ ดาร์บี้ กรุ๊ป ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรม เครื่องยนตร์ พลังงาน และสาธารณูปโภค

ไซม์ ดาร์บี้ เป็นบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัวลาลัมเปอร์ (ชื่อย่อที่ใช้ในตลาดหลักทรัพย์ของกัวลาลัมเปอร์ คือ SIME)

เกี่ยวกับ บริษัท ค็อกนิส
ค็อกนิส เป็นซัพพลายเออร์ระดับโลกที่ให้บริการจัดหาเคมีภัณฑ์ที่ผลิตด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ และส่วนประกอบอาหารที่อุดมคุณค่าทางโภชนาการ โดยมุ่งเน้นในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์และการให้ประโยชน์ที่ยั่งยืน บริษัทประกอบด้วยพนักงานกว่า 7,600 คน และมีโรงงานผลิตและศูนย์บริการในประเทศต่างๆ รวม 30 ประเทศด้วยกัน ที่ผ่านมา ค็อกนิส ได้ทุ่มเทดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ให้ประโยชน์อย่างยั่งยืนในระดับสูง โดยจัดหาวัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆ ที่ได้จากแหล่งธรรมชาติเพื่อใช้เป็นส่วนผสมสำหรับธุรกิจด้านอาหาร โภชนาการ อาหารเพื่อสุขภาพ ตลอดจนอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอาง ผงซักฟอก และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่บริษัทมุ่งเน้นด้วยเช่นกัน ซึ่งได้แก่ อุตสาหกรรมการเคลือบและน้ำหมึก น้ำมันหล่อลื่น เกษตรกรรม และเหมืองแร่

ค็อกนิส เป็นบริษัทที่บริหารงานโดยกองทุนเพื่อการลงทุนภาคเอกชนโดยมี เพอริม่า จีเอส แคปิตอล พาทเนอร์ และ เอสวี ไลฟ์ ไซแอนส์ เป็นที่ปรึกษา ในปี พ.ศ. 2550 ค็อกนิสมียอดขายมูลค่าประมาณ 3.52 พันล้านเหรียญยูโร และมีรายได้สุทธิก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และหนี้สิน มูลค่า 410 ล้านเหรียญยูโร