นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบ โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนา ในรอบครึ่งปีแรก 2551 พบว่าโครงการทาวน์เฮ้าส์ยังคงมีปริมาณอุปทานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผลการตอบรับของลูกค้าก็สูงขึ้นเช่นกัน
จากจำนวนโครงการแนวราบทั้งหมด 645 โครงการ จำนวนยูนิตเสนอขาย 36,592 ยูนิต ในยูนิตทั้งหมดที่เสนอขาย สามารถแบ่งเป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 21,102 ยูนิตจาก 430 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ 15,490 ยูนิตจาก 215 โครงการ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2550 จะเห็นว่าจำนวนบ้านเดี่ยวลดลงจาก 22,921 ยูนิตเป็น 21,102 ยูนิต ซึ่งตรงข้ามกับจำนวนทาวน์เฮ้าส์ที่เพิ่มขึ้นจาก 13,996 ยูนิตเป็น 15,490 ยูนิต และจากการเปรียบเทียบสัดส่วนระหว่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ที่เสนอขาย พบว่าสัดส่วนบ้านเดี่ยวในช่วงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาลดลงตามลำดับ โดยอยุ่ที่ 64% ในครึ่งปีแรก 2550 และ 62% ในครึ่งหลังปี 2550 และ 58%ในช่วงครึ่งแรกปี 2551 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการสนใจพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าแนวราบ โดยพื้นที่ทิศเหนือมีทาวน์เฮ้าส์เสนอขายสูงสุดที่ 5,791 ยูนิต (37%) พื้นที่ทิศตะวันตก 4,179 ยูนิต (27%) พื้นที่ทิศตะวันออก 2,474 ยูนิต (16%) พื้นที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 1,927 ยูนิต (12%) และพื้นที่ทิศใต้ 1,119 ยูนิต (7%) ตามลำดับ โดยในจำนวนนี้มีโครงการทาวน์เฮ้าส์ ที่เปิดตัวใหม่ จำนวน 4,064 ยูนิต จาก 42 โครงการ หรือเพิ่มขึ้น 8% จากรอบก่อน
ยอดขายทาวน์เฮ้าส์ขยับเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากราคายังอยู่ในระดับที่ลูกค้าสามารถซื้อได้
ยอดขายทาวน์เฮ้าส์ในรอบนี้ เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากรอบก่อน โดยมียอดขาย 7,133 ยูนิต จาก 15,490 ยูนิต หรือคิดเป็น 46% (เทียบกับ 40% ในครึ่งหลังปี 2550 และ 39% ในครึ่งแรกปี 2550) ทั้งนี้มีสาเหตุจากความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบที่ยังคงมีอยู่ ในขณะที่ราคาบ้านเดี่ยวอาจจะสูงเกินกำลังซื้อในตลาด ลูกค้าบางรายจึงสนใจซื้อที่อยู่ที่มีขนาดที่ดินเล็กลงแต่มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอกับความต้องการของครอบครัว กอปรกับที่ตั้งโครงการบ้านเดี่ยวไกลกว่าทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคาเดียวกัน ทำให้โครงการบ้านเดี่ยวอาจมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าเมืองสูงกว่า ทาวน์เฮ้าส์จึงสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ทาวน์เฮ้าส์ในพื้นที่ทิศเหนือ ได้รับความสนใจมากที่สุด ซึ่งสามารถขายได้ถึง 2,947 ยูนิต หรือคิดเป็น 51% ตามด้วยพื้นที่ทิศตะวันตก 1,978 ยูนิตหรือ 47% เช่นเดียวกับพื้นที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือมียอดขาย 914 ยูนิตหรือ 47% ส่วนพื้นที่ทิศตะวันออกขายได้เพียง 943 ยูนิต (38%) และทิศใต้ 351 ยูนิต (31%) ตามลำดับ
หากพิจารณาอัตราการขายทาวน์เฮ้าส์ พบว่ามีอัตราการขายถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 5 ยูนิตต่อโครงการต่อเดือน โดยทิศเหนือมีอัตราการขายสูงที่สุด คือ 7.4 ยูนิตต่อโครงการต่อเดือน และรองลงมาคือ พื้นที่ทิศตะวันตก มีอัตราการขาย 6.6 ยูนิตต่อโครงการต่อเดือน
ทาวน์เฮ้าส์…รูปแบบที่อยู่อาศัย ที่ได้รับความนิยมในทุกระดับราคา
หากแบ่งทาวน์เฮ้าส์ตามระดับราคา พบว่า ในระดับราคา 5-7 ล้านบาทมียอดขายสูงที่สุด คือ 62% ทั้งนี้เป็นผลมาจากจำนวนยูนิตเสนอขายในรอบนี้ที่น้อยกว่า ตามด้วยทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 3-5 ล้านบาท มียอดขาย 59% ทาวน์เฮ้าส์ราคา 1-3 ล้านบาท (ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนเสนอขายมากที่สุด 9,565 ยูนิต) มียอดขาย 42% ส่วนทาวน์เฮ้าส์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท มียอดขาย 44% ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับรอบก่อนๆ โครงการทาวน์เฮ้าส์ในทุกระดับราคามียอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุให้ตลาดทาวน์เฮ้าส์มีการขยายตัวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ชี้แนวโน้มตลาดทาวน์เฮ้าส์ในอนาคต
ความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทนี้ยังคงมีอีกมาก และจำนวนยูนิตเสนอขายทาวน์เฮ้าส์ในอนาคตน่าจะเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากยังคงได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการหลายราย โดยจะพยายามเร่งการขายและการก่อสร้างให้ทันกับเงื่อนเวลาที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของทางราชการ ที่จะหมดอายุภายในไตรมาสแรกปี 2552 ซึ่งก็สอดคล้องกับความต้องการทาวน์เฮ้าส์ที่น่าจะมีเพิ่มมากขึ้น จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินทำให้วงเงินในการกู้ลดลง และการขยายเครือข่ายคมนาคมทำให้การเดินทางจากพื้นที่ชั้นกลางหรือชั้นนอกสู่ตัวเมืองสะดวกมากขึ้น ทาวน์เฮ้าส์จึงเป็นทางเลือกที่ลงตัวกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอาจจะยังไม่สามารถขยับราคาเพิ่มสูงขึ้นได้มากแม้ว่าต้นทุนค่าก่อสร้างยังคงมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น จากราคาน้ำมัน และราคาวัสดุก่อสร้าง เช่นเหล็ก ที่ยังคงมีความผันผวนสูง ทั้งนี้ คาดว่าการปรับขึ้นของราคาบ้านน่าจะอยู่ในช่วง 3-5% โดยผู้ประกอบการจะหันมาใช้วิธีการบริหารต้นทุนควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการซื้อที่อาจจะชลอตัวลงอันเป็นผลกระทบมาจากภาวะเงินเฟ้อที่ทุกคนกำลังเป็นห่วงอยู่
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ สบช่อง เดินหมากขยายโครงการทาวน์เฮ้าส์ต่อเนื่องรวม 10 โครงการถึงปี 2552
ด้าน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ที่ไม่หยุดยั้งด้านนวัตกรรมการอยู่อาศัย ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ครอบคลุมในทุกทำเลทองอย่างต่อเนื่อง โดยจะเร่งพัฒนาอย่างหนักในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 เพื่อรองรับมาตรการภาษีใหม่ คาดว่าในปี 2551 จะสามารถโอนทาวน์เฮ้าส์ได้ประมาณ 630 ยูนิต รวมมูลค่า 2,120 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนการเปิดตัวบ้านตัวอย่างของโครงการทาวน์ พลัส เพชรเกษม-บางแค ที่ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ศกนี้ เพื่อตอบรับความต้องการย่านฝั่งธน พร้อมซื้อที่ดินรอเพื่อรอพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ในปีหน้าแล้วรวม 9 แปลง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่นับวันยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าจับตา