ซีคอน โฮม เผยบทวิเคราะห์ตลาดรับสร้างบ้านระดับกลางและล่างครึ่งปีหลังยังโอเค

นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ซีคอน จำกัด และ บริษัท คอมแพค โฮม จำกัด เปิดเผยเกี่ยวกับบทวิเคราะห์ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านระดับกลางและล่าง โดยระบุว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านระดับกลางครึ่งปีแรก 2551 ได้รับผลกระทบพอสมควรจากราคาวัสดุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉลี่ยกว่า 15-20% อันเป็นผลมาจากราคาน้ำมัน ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านหลายรายต้องปรับราคาบ้านขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งในช่วงครึ่งปี เพื่อชดเชยกับต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น และด้วยภาวะเศรษฐกิจและการเมืองดังเช่นปัจจุบัน ทำให้คนที่คิดจะสร้างบ้านส่วนหนึ่งตัดสินใจช้าลง เพราะเป็นการใช้จ่ายเงินก้อนและอาจต้องกู้เงินจากธนาคาร ในขณะเดียวกัน ก็จะมีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้นเพื่อหนีปัญหาเรื่องราคาวัสดุที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงถือว่าภาวะโดยรวมของตลาดรับสร้างบ้านยังคงไปได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ในขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านระดับล่างในช่วงครึ่งปีแรก มีการแข่งขันที่รุนแรงลดลงต่างจากปีที่ผ่านมา ที่หลายๆ บริษัทหันมาเน้นตลาดในกลุ่มนี้ เป็นเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ สามารถควบคุมต้นทุนได้ยาก ราคาก่อสร้างเริ่มขยับตัวขึ้น อีกทั้งลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวด้านราคามาก จึงได้รับผลกระทบได้ง่ายถ้าหากสถานการณ์เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะลูกค้ากลุ่มดังกล่าวจะใช้เงินกู้ใน การสร้างบ้านมากกว่าเงินออม จึงต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อมมาก ไม่ว่าจะเป็นราคาบ้าน สภาวะเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามในกลุ่มนี้ยังมีความต้องการสูงอยู่ เพียงแต่ลูกค้าอาจจะรอเวลาใน การตัดสินใจสร้างบ้านเท่านั้น ถ้ามีข้อเสนอที่ดี มีแบบบ้านที่น่าสนใจ การบริการที่สร้างความเชื่อมั่น ก็ไม่ยากที่จะดึงลูกค้ากลุ่มนี้ให้เร่งการตัดสินใจให้เร็วขึ้นได้

ด้านการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจรับสร้างบ้านระดับกลางและล่างในช่วงครึ่งปีหลัง 2551 นั้น นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ แสดงความเห็นว่า “โดยปกติแล้วลูกค้าจะตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงครึ่งหลังของปี และยิ่งในเดือนสิงหาคมนี้ ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจะจัดงานใหญ่ประจำปี คือ งานรับสร้างบ้าน 2008 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 20-24 สิงหาคม ศกนี้ ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่จะกระตุ้นให้คนตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษสุด ที่บริษัทรับสร้างบ้านทุกรายจะงัดเอามาใช้ รวมทั้งยังเป็นการเปิดตัวแบบบ้านและบริการใหม่ๆ ที่น่าสนใจ รวมถึงการเร่งตัดสินใจหนีราคาค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น จึงคิดว่าแนวโน้มของการขายบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะคึกคัก และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้งตลาดกลางและล่าง”

ในส่วนของภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ ซีคอน โฮม และ คอมแพค โฮม ในปี 2551 นั้น นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมา ซีคอน โฮม มียอดขายรวมดีกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะสถานการณ์เช่นนี้ด้วยแล้ว นั่นเป็นเพราะลูกค้ายังคงเชื่อมั่นในชื่อเสียง และประสบการณ์ของบริษัทตลอด 47 ปี ลูกค้าที่เข้ามาติดต่อ ต่างบอกว่าประทับใจการบริการ และคุณภาพงานก่อสร้างจากการไปชมผลงานบ้านสร้างเสร็จแล้วของซีคอนโฮม ทำให้เรายังมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 800 ล้านบาทได้ไม่ยากนัก โดยจะดำเนินกลยุทธ์การตลาดที่เน้นคุณภาพงานก่อสร้างและนำเสนอดีไซน์แบบบ้านใหม่ให้ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าภายใต้ชื่อ “The Bangkok Modern” แบบบ้านที่มีของความทันสมัยเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ แฝงไว้ด้วยความเป็นไทย พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่า และมีราคาสอดคล้องกับแบบบ้าน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามงบประมาณที่มีอยู่มีทั้งหมด 18 แบบ ตั้งแต่เราเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงาน New Home Builder ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อต้นปี ผลตอบรับกลับมาแบบบ้านในกลุ่ม “The Bangkok Modern” ก็กลายเป็นแบบบ้านที่ขายดีที่สุดในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้เห็นว่าเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง นอกเหนือจากนี้เราได้ทำการปรับปรุงสำนักงานขายแต่ละสาขาให้ครบทั้งเรื่องของมาตรฐานด้านบริการ การอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เพื่อให้ภาพลักษณ์ของสาขาสามารถเทียบเท่ากับสำนักงานใหญ่ โดยล่าสุดได้เปิดสาขาใหม่ ที่ซอยโชคชัย 4 เป็นสำนักงานขายแห่งที่ 7 เพื่อให้บริการคลอบคลุมบริเวณลาดพร้าว และบางกะปิ และในโอกาสต่อๆ ไปเราจะทำโปรโมชั่นเฉพาะสาขา เพื่อให้ลูกค้าที่อยู่ใกล้สาขานั้นๆ ได้รับสิทธิพิเศษอย่างเต็มที่”

“การบริหารจัดการต้นทุนถือเป็นกลยุทธ์หลักที่เราต้องดำเนินอย่างมีศักยภาพ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เราทำได้ภายในท่ามกลางภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดในเรื่องภายนอก อาทิ การ Redesign ชิ้นส่วนของโครงสร้าง การปรับเปลี่ยนระบบการส่งวัสดุก่อสร้าง เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง การ Reengineering วิธีการทำงานของฝ่ายขายและฝ่ายก่อสร้างใหม่ส่งผลให้ลูกค้าสั่งสร้างบ้านเร็วขึ้นและลดช่องทางการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับพนักงาน เพื่อความต่อเนื่องและรวดเร็วในการทำงาน การประกันราคาไว้ด้วยการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าเพื่อการควบคุมต้นทุน การสรรหาตัววัด KPI ที่เหมาะสม เพื่อดึงศักยภาพการทำงานของพนักงานออกมา” นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ ซีคอน โฮม และ คอมแพค โฮม ตั้งเป้ายอดขายรวมในปี 2551 ไว้ที่ 1,100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ซีคอน โฮม 800 ล้านบาท และ คอมแพค โฮม 300 ล้านบาท ซึ่ง ณ ปัจจุบันผ่านไป 7 เดือน ซีคอน โฮม สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 435 ล้านบาท หรือ 130 หลัง ขณะที่ คอมแพค โฮม สามารถสร้างยอดขายได้ 160 ล้านบาท หรือ 104 หลัง