แมกน่า อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ (TSX: MG.A; NYSE: MGA) รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 และในรอบ 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 ในวันนี้
แมกน่าแจ้งยอดปริมาณการขายของบริษัทที่ 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ซึ่งลดลง 9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 ระดับปริมาณการขายที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากยอดขายจากการผลิตและการประกอบรถยนต์ทั้งคันในทวีปอเมริกาเหนือที่ต่ำลง แต่ในขณะเดียวกันยอดขายจากการผลิตรวมทั้งการบริการด้วยเครื่องมือ การวิศวกรรม และยอดขายอื่นๆ ในยุโรป และประเทศอื่นๆ ในโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยสมทบส่วนที่ลดลง
ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 มูลค่าชิ้นส่วนรถยนต์โดยเฉลี่ยต่อรถยนต์ 1 คันที่บริษัทได้รับในทวีปอเมริกาเหนือยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่ในทวีปยุโรปนั้นเพิ่มสูงขึ้น 10% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ในปี 2549 นอกจากนี้การผลิตรถยนต์ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปลดลง 18% และ 8% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับการผลิตในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549
ยอดขายจากการประกอบรถยนต์ทั้งคันลดลง 20% มาอยู่ที่ 687 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 เมื่อเทียบกับ 859 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 และจำนวนรถยนต์ที่ประกอบทั้งคันลดลง 40% จากตัวเลขของไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้วมาอยู่ที่ 25,231 คัน
ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ผลประกอบการขาดทุน 112 ล้านเหรียญสหรัฐ ขาดทุนสุทธิ 215 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีผลต่อรายได้ต่อหุ้นปรับลดลงอยู่ที่ 1.93 เหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลง 379 ล้านเหรียญสหรัฐ 370 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 3.31 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ในปี 2550
ในช่วงสิ้นสุดไตรมาสเมื่อ 30 กันยายน 2551 บริษัทมีการบันทึกรายการนอกเหนือดังต่อไปนี้ ค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ระยะยาว การสำรองภาษีสินทรัพย์ในอนาคต การใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างของการดำเนินงาน และผลกำไรของค่าเงินตราต่างประเทศ ยอดรวมของค่าใช้จ่ายสุทธิของรายการนอกเหนือมีทั้งสิ้น 234 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในแต่ละหุ้นมียอดรวมของค่าใช้จ่ายสุทธิของรายการนอกเหนือเหล่านี้อยู่ที่ 2.10 เหรียญสหรัฐ
และในช่วงสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 เมื่อ 30 กันยายน 2551 เรามีรายได้ที่เป็นเงินสดจากการดำเนินงานต่างๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดำเนินงานที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินสดและหนี้สินจำนวน 285 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการลงทุนเงิน 35 ล้านเหรียญในสินทรัพย์ดำเนินงานที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินสดและหนี้สิน กิจกรรมการลงทุนทั้งหมดในไตรมาสที่ 3 ปี 2551 มีมูลค่าทั้งสิ้น 236 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมการเพิ่มสินทรัพย์ถาวรจำนวน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก 4 ล้านเหรียญสหรัฐ และการเพิ่มสินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 82 ล้านเหรียญสหรัฐ
ผลประกอบการรอบ 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551
เรามีปริมาณการขายในช่วงรอบ 9 เดือนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 อยู่ที่ 18.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากช่วงรอบ 9 เดือนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2550 ถึง 2% ระดับปริมาณการขายที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากยอดขายจากการผลิตและการประกอบรถยนต์ทั้งคันในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ในขณะเดียวกันยอดขายจากการผลิตรวมทั้งการบริการด้วยเครื่องมือ การวิศวกรรมและยอดขายอื่นๆ ในยุโรป และประเทศอื่นๆ ในโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยสมทบส่วนที่ลดลง
ในช่วงรอบ 9 เดือนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 มูลค่าชิ้นส่วนรถยนต์โดยเฉลี่ยต่อรถยนต์ 1 คัน ที่บริษัทได้รับในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปเพิ่มสูงขึ้น 2% และ 18% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับในช่วงรอบ 9 เดือนของปี 2550 แต่ในช่วงรอบ 9 เดือนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 การผลิตรถยนต์ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปลดลง 14% และ 3% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตรถยนต์ในช่วงรอบ 9 เดือนของปี 2550
ในช่วงรอบ 9 เดือนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ยอดขายจากการประกอบรถยนต์ทั้งคันลดลง 7% มาอยู่ที่ 2.827 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2550 ที่มียอดขายอยู่ที่ 3.027 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์ประกอบทั้งคันลดลง 31% มาอยู่ที่ 108,503 คัน เปรียบเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550
ในช่วงรอบ 9 เดือนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 493 ล้านเหรียญสหรัฐ มีรายได้สุทธิ 219 ล้านเหรียญสหรัฐ และผลรายได้ต่อหุ้นปรับลดอยู่ที่ 1.92 เหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ในปี 2550 ยอดลดลง 456 ล้านเหรียญสหรัฐ 416 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 3.77 เหรียญสหรัฐตามลำดับ
ในช่วงรอบ 9 เดือนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัทมีรายได้ที่เป็นเงินสดจากการดำเนินงานต่างๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดำเนินงานที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินสดและหนี้สินจำนวน 1.21 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีการลงทุนเงิน 532 ล้านเหรียญในสินทรัพย์ดำเนินงานที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินสดและหนี้สิน กิจกรรมการลงทุนทั้งหมดในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2551 มีมูลค่าทั้งสิ้น 770 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งการเพิ่มสินทรัพย์ถาวรจำนวน 465 ล้านเหรียญสหรัฐ การซื้อบริษัทรายย่อยอีก 109 ล้านเหรียญสหรัฐ และการลงทุนและเพิ่มสินทรัพย์อื่นๆ จำนวน 196 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในช่วงรอบ 9 เดือนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551บริษัทยังได้มีการซื้อคืนหุ้นประเภทคลาส เอ ที่ด้อยสิทธิ์ลงมติด้วยเงินสดจำนวน 245 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อตกลงในกระบวนการรับซื้อคืนตามปกติ
มร.ดอน วอร์คเกอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม ของ แมกน่า ให้ความคิดเห็นว่า “การที่เราตกอยู่ในสภาวะที่ท้าทายของวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ในอเมริกาเหนือเป็นอย่างมาก รวมไปถึงการผลิตและยอดขายรถยนต์ที่ลดลง ทำให้เราจำเป็นต้องปรับโครงสร้างขององค์กรต่อไปด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ตามเรายังคงร่วมลงทุนในด้านโปรแกรมและเทคโนโลยีใหม่ๆกับลูกค้าของแมกน่าเพื่อความเจริญเติบโตที่จะเป็นผลประโยชน์ของลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้นของเราในปีต่อๆ ไป”
มร.วินเซ็นต์ เจ กัลลิฟาย กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และ หัวหน้าฝ่ายการเงิน กล่าวว่า “ในช่วงไตรมาสที่ 3 ภาวะขาลงของอุตสาหกรรมรถยนต์ในทวีปอเมริกาเหนือแย่ลงและลามไปถึงยุโรปตะวันตก ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลที่ไม่ดีต่อทางการเงินของเราในช่วงไตรมาสที่ 3 และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะดีขึ้นอย่างเป็นที่น่าสังเกตในระยะใกล้นี้ ภายในแมกน่า เรากำลังทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างในการใช้เงินสดเพื่อที่จะรักษาสถานะการเงินที่มั่นคงท่ามกลางความยุ่งเหยิงที่ผู้ประกอบการอีกหลายรายในวงการรถยนต์กำลังเผชิญอยู่ และการที่คณะกรรมการของเราได้พิจารณาปรับการจ่ายเงินปันผลเนื่องจากผลกำไรที่ลดลง และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระยะเวลาที่อุตสาหกรรมจะฟื้นตัวในตลาดดังเดิมของเราที่สะท้อนถึงมุมมองนี้”
รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 และในรอบ 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551
ผลประกอบการในรอบไตรมาสที่ 3
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ผลประกอบการในรอบ 9 เดือน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน
2551 2550 2551 2550
ปริมาณการขาย $ 5,533 $ 6,077 $ 18,868 $ 19,231
รายได้(ขาดทุน)จากการดำเนินงาน $ (112) $ 267 $ 493 $ 949
รายได้(ขาดทุน)สุทธิ $ (215) $ 155 $ 219 $ 635
ผลรายได้(ขาดทุน)ต่อหุ้นปรับลด $ (1.93) $ 1.38 $ 1.92 $ 5.69
ผลประกอบการทั้งหมดจะรายงานเป็นจำนวนล้านเหรียญสหรัฐ ยกเว้นราคาต่อหน่วย
สถานการณ์ในปี 2551
ในปี 2551 บริษัทได้ลดความคาดคะเนในการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กในอเมริกาเหนืออย่างมากตลอดปี ณ ตอนนี้เราคาดการณ์ว่ายอดผลิตรถยนต์ขนาดเล็กในอเมริกาเหนือจะอยู่ที่ประมาณ 12.8 ล้านคันในช่วงปี 2551และ 14.9 ล้านคันในยุโรป ดังนั้นเราคาดว่ายอดขายรวมทั้งปี 2551 จะอยู่ระหว่าง 23.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 24.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่ามูลค่าชิ้นส่วนรถยนต์โดยเฉลี่ยต่อคันจะตกอยู่ระหว่าง 835 เหรียญสหรัฐถึง 860 เหรียญสหรัฐในสหรัฐอเมริกาเหนือ และระหว่าง 475 เหรียญสหรัฐถึง 495 เหรียญสหรัฐในยุโรป และตลอดทั้งปี 2551 เราคาดว่ายอดขายสำหรับรถยนต์ประกอบทั้งคันจะอยู่ระหว่าง 3.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถึง 3.45 พันล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ เรายังคาดหวังว่าตลอดปี 2551 บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในการซื้อสินทรัพย์ถาวรอยู่ที่ระหว่าง 700 ล้านเหรียญถึง 750 ล้านเหรียญสหรัฐ