ธนาคารเกียรตินาคิน ฐานแกร่ง พร้อมรุกปี 52 ตั้งสายผลิตภัณฑ์ธนาคาร ขยายตลาดภูมิภาค

ธนาคารเกียรตินาคิน เปิดแผนธุรกิจปี 52 เผยพร้อมรุกเต็มที่ หลังตั้งสำรองเต็มพิกัด พร้อมตั้งสายงานใหม่ “สายผลิตภัณฑ์ธนาคาร” เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในสาขาหลัก ตามภูมิภาคต่างๆ คาดสินเชื่อรวมเติบโตราว 5% พร้อมขยายสาขาเพิ่มอีกราว 7 แห่ง ด้านเงินฝากจะเน้นการระดมเงินฝากผ่านสาขา ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเงินฝากเพิ่ม 100% พร้อมเปิดตัวเงินฝากรับเทศกาลวันแห่งความรักด้วยเงินฝากประจำ 1 ปี รับ 2.25% ฝากขั้นต่ำ 1 แสนบาท เริ่ม 2-20 ก.พ. นี้

นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ธนาคาร ได้ทำการจัดทำประมาณการทางการเงินในปี 2552 โดยตั้งเป้าควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์ ส่วนการเติบโตของสินเชื่อนั้น คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% ตามภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จะเติบโตได้ในระดับที่ทรงตัว เนื่องจากอำนาจซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ส่วนสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย คาดว่าจะเติบโตได้ราว 0-5% อันเป็นผลมาจากนโยบายการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ส่วนทางด้านสินเชื่อทั่วไป จะเติบโตได้ดี ประมาณ 20-25% ด้านของระบบงาน ธนาคารได้วางกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจการเงิน โดยปรับโครงสร้างองค์กรในเดือนธันวาคม 2551 มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในระดับสาขา และได้ตั้งสายผลิตภัณฑ์ธนาคาร ซึ่งประกอบได้ด้วย ฝ่ายผลิตภัณฑ์เงินฝากภูมิภาค และฝ่ายผลิตภัณฑ์ลูกค้ารายย่อย ตลอดจนเน้นเรื่องการดูแลช่วยเหลือลูกค้าเป็นหลัก พร้อมสนับสนุนข้อมูลในการทำธุรกิจ ตลอดจนปรับปรุงระบบการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้า และขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 7 สาขา จากเดิม 37 สาขา เป็น 44 สาขาในสิ้นปี 2552 โดยไตรมาสแรกนี้ จะเปิด 2 สาขาที่ รามอินทรา และนนทบุรี”

นอกจากนี้ ธนาคาร ได้ทำการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 500 ล้านบาทเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2551 ส่งผลให้ธนาคารมีระดับ NPL coverage ratio ที่ 50.2% จากเดิมอยู่ที่ 37% ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับภาวะเศรษฐกิจในประเทศอันเป็นผลมาจากวิกฤตการเงินโลก และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio: CAR) ที่ 15.11% (สูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดที่ 8.5%) ขณะที่เอ็นพีแอลสุทธิของธนาคาร ณ ธันวาคม 2551 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 4.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 9.2% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จตามนโยบายที่จะควบคุมและรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้น

ในปี 2552 ธนาคาร จะรุกเข้าสู่ตลาดภูมิภาคที่คาดว่าจะกลายเป็นตลาดใหญ่ในอนาคต โดยการตั้งสายผลิตภัณฑ์ธนาคารนี้ จะช่วยให้ธนาคาร ขยายฐานลูกค้าทั้งสินเชื่อและเงินฝากได้มากขึ้น รวมถึงการวางระบบทางด้านเทคโนโลยี จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ที่ไม่ต้องเดินทางมาทำธุรกรรมที่สาขาอาทิ Core Banking, Call Center และ Internet Banking โดย ธนาคาร ได้เริ่มจากการเปิดตัวบริการ KK e-Banking ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าไปดูใบรายงานสถานะการเงินของตนเองย้อนหลังไปได้ถึง 180 วัน พร้อมกับพัฒนาระบบ Call Center เพื่อรวบรวมศูนย์ให้บริการเข้ามาอยู่ในจุดเดียว

นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนงานทางด้านเงินฝากว่า “ธนาคาร ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งและมั่นคงของธนาคาร โดยมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างลูกค้าเงินฝากเพื่อรองรับสถาบันคุ้มครองเงินฝากโดยขยายฐานสู่รายย่อย (1 แสน – 2 ล้านบาท) โดยวางกลยุทธ์ขยายฐานเงินฝากจากสาขาในเชิงรุก เพื่อเพิ่มจำนวนบัญชีลูกค้าใหม่ถึง 100% จากปี 2551 ที่มีฐานลูกค้ารวมทั้งสิ้นราว 24,000 บัญชี และเพื่อต้อนรับเทศกาลวันแห่งความรัก ด้วยดอกเบี้ยที่ผลิบาน ธนาคาร ได้เตรียมนำเสนอโปรโมชั่นเงินประจำ 12 เดือน วงเงินฝากที่ 1 แสน – 5 ล้านบาท จะได้รับดอกเบี้ย 2.25% หากฝากตั้งแต่ 5 แสนบาทขึ้นไป จะได้รับดอกเบี้ยทุกเดือน เริ่ม 2 – 20 กุมภาพันธ์ 2552 นี้ ซึ่งคาดว่าจะระดมเงินฝากได้ราว 2,000 ล้านบาท ส่วนแนวทางการระดมเงินฝากนั้น ยังคงเน้นการระดมเงินฝากที่สอดคล้องกับสินเชื่อ ที่มีระยะเวลา 1 ปี ขึ้นไป ทั้งนี้ เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา ธนาคาร มีหนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) อยู่ที่ 97,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27,270 ล้านบาท หรือ 38.8%”

ด้านเงินฝากออมทรัพย์ หลังจากที่ธนาคารเข้าสู่ ATM Pool ธนาคารก็ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้มีจุดเด่นยิ่งขึ้นในเรื่องอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่สูงขึ้นตามจำนวนยอดเงินฝากคือ สูงสุดที่ 1.50% นอกจากนี้ ผู้ที่ซื้อ-ขายหลักทรัพย์กับ บล.เกียรตินาคิน ธนาคารมีบัญชี KK Investor Savings Plus ที่ผูกกับการเล่นหุ้นเลยโดยตรง ซึ่งลูกค้าจะได้อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์สูงถึง 1.50% เช่นกัน โดยธนาคาร ยังเน้นการให้บริการในด้านการออมและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งสามารถที่จะทำ cross sale ผ่านบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน จำกัด ซึ่งธนาคารถือหุ้นอยู่ 99.99% ตลอดจนนำระบบ KK Fund Mart มาให้บริการกับลูกค้าเพื่อดูประวัติการลงทุน หรือผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวม ที่ซื้อผ่าน บล. เกียรตินาคินในราวไตรมาสแรกของปี 2552

เกียรตินาคิน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2514 เปิดดำเนินธุรกรรมธนาคารพาณิชย์ภายใต้ชื่อ “ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2548 ล่าสุด บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ไม่มีประกันของ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) คงเดิมที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ระบบการบริหารความเสี่ยงที่เป็นที่ยอมรับ และความสามารถในการทำกำไร ปัจจุบันมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 15.11% สินทรัพย์รวมเท่ากับ 114,733 ล้านบาท มีสาขาทั่วประเทศ 37 แห่ง เป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ให้บริการครอบคลุมทั้งด้านเงินฝากประเภทออมทรัพย์ ประจำ กระแสรายวัน ตั๋วเงินฝาก กองทุน และสินเชื่อที่ธนาคารฯ มีความเชี่ยวชาญได้แก่ บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ บริการสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บริการสินเชื่อธุรกิจ และบริการทรัพย์สินรอขาย เป็นต้น