ถิรไทย ปี 52 ออเดอร์ทะลัก ประเดิมส่งออก และเซ็นสัญญาอื้อ

ถิรไทย หรือ TRT ประเดิมปี 2552 ส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาดใหญ่ 125 MVA 230 kV ไปเวียดนาม และขนาด 160 MVA 230 kV ไปอินเดีย มูลค่ารวมกว่า 170 ล้านบาท และประเดิมเซ็นสัญญาผลิตหม้อแปลงกำลังขนาด 50 MVA กับ “กฟภ.” สัญญาแรกของปี มูลค่า 118 ล้านบาท พร้อมรอลุ้นสัญญากับ “กฟผ.” กว่า 200 ล้านบาท ในเดือนแห่งความรัก ด้าน“สัมพันธ์ วงษ์ปาน” ผู้บริหาร TRT คาดปีนี้เป้าน่าจะแตะ 2.5 พันล้าน จากงานในมือ (Backlog) กว่า 1,800 ล้านบาท และ Gross Margin ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 20-25 % ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากภาวะความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งในประเทศและภูมิภาคโตอย่างต่อเนื่อง

นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ เปิดเผยว่าในปี 2551 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถก้าวเป็นผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังของประเทศและภูมิภาค โดยเป็นบริษัทคนไทยเพียงแห่งเดียว ที่สามารถผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และต่างประเทศได้ถึงขนาด 300 MVA 230 kV

สำหรับทิศทางธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2552 นั้น บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมกว่า 2,500 ล้านบาท โดยมาจากของภาครัฐบาล เอกชน และส่งออก จากงานในมือ (Backlog) กว่า 1,800 ล้านบาท

ผลจากการขยายการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาดใหญ่ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทสามารถรับคำสั่งซื้อมากขึ้น และทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยในปี 2551 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถส่งมอบหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาด 300 MVA 230 kV ให้กับ กฟน. มูลค่า 240 ล้านบาท และในช่วงต้นปีนี้ บริษัทได้เริ่มทยอยส่งมอบหม้อแปลงขนาด 125 MVA 230 kV ไปยังประเทศเวียดนาม และขนาด 160 MVA 230 kV ไปยังประเทศอินเดีย ด้วยมูลค่ารวมกว่า 170 ล้านบาท

“ในขณะนี้ บริษัทมียอดคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาได้แก่ งาน กฟภ. มูลค่า 118 ล้านบาท รวมทั้งงานภาคเอกชนและส่งออกอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันในเดือนกุมภาพันธ์นี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถทราบผลการประมูลในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังระดับ 230 kV ให้กับ กฟผ. จำนวน 2 ยูนิต มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท เมื่อรวมกับงานในมือ (Backlog) กว่า 1,800 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2551 แล้วจึงคาดว่ารายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 2,500 ล้านบาท”

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า “โครงสร้างรายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้ จะแบ่งเป็นจำหน่ายในประเทศ 65% และส่งออก 35% โดยแบ่งเป็นหน่วยงานราชการ 32% และหน่วยงานภาคเอกชน 33% สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้คาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ระดับ 20-25% อันเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์ด้านราคาขายตามต้นทุนที่แท้จริง และคงระยะเวลาเสนอราคาให้สั้นที่สุด ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงผันผวนตามทิศทางตลาดโลก”

“ในปีที่ผ่านมาบริษัทบรรลุเป้าหมายที่จะเป็นผู้ประกอบการที่ให้บริการด้านหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างครบวงจร สามารถผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าได้ครบถ้วนทุกขนาด และสามารถออกแบบหม้อแปลงไฟฟ้าพิเศษ รวมถึงบริการซ่อมบำรุง ด้วยเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง มีความสามารถหลากหลาย และเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และในปีนี้บริษัทยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง” นายสัมพันธ์กล่าวปิดท้าย