สรุปภาพรวมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 20

งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 20 ซึ่งจัดโดย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เมื่อวันที่ 19 – 22 กุมภาพันธ์ 2552 นับเป็นการจุดกระแสการซื้อขายที่อยู่อาศัย และให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากมาตรการของรัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นการขับเคลื่อนธุรกิจจากภาคเอกชนที่ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2551

นายวสันต์ เคียงศิริ เลขาธิการสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ในฐานะประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 20 สรุปภาพรวมของงานในครั้งนี้ว่า ได้รับการตอบรับอย่างมากจากผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานประมาณ 75,000 ราย และมั่นใจว่ายอดการซื้อขายที่จะเกิดขึ้นจากงานมหกรรมในครั้งนี้จะเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,500 ล้านบาท สำหรับผู้เข้าชมงานดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจซื้อประมาณ 30% ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในขั้นเปรียบเทียบ คิดเป็น 15% และในขั้นตอนรวบรวมข้อมูล 55%

เหตุผลที่มีผู้สนใจเข้างานอย่างคึกคัก น่าจะเป็นเพราะมาตรการกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยของภาครัฐ ในเรื่องการนำเงินและดอกเบี้ยที่ซื้อบ้านในปีนี้ ไปหักลดหย่อนภาษีสิ้นปีได้ เป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้บริโภคว่า หากต้องการซื้อที่อยู่อาศัยก็ควรซื้อในช่วงนี้ ประกอบกับแรงกระตุ้นจากรายการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการที่ขณะนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพคล่องมากกว่าผลกำไร และข้อเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงินที่ขณะนี้ทุกที่ต้องการขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งสร้างบรรยากาศและเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคได้มาก

สำหรับยอดการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายในงาน ได้รับรายงานจากสถาบันการเงินมาร่วมงานว่า มียอดรวมประมาณ 8,500 ล้านบาท โดยมีผู้ใช้บริการ Post Finance Center กว่า 350 ราย ในขณะที่มีผู้มาตรวจสอบเครดิต ที่เครดิตบูโร จำนวนมากกว่า 500 ราย แสดงให้เห็นว่า ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยค้างอยู่ในตลาดอีกจำนวนมาก และผู้บริโภคมีการเตรียมตัวล่วงหน้าในการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น

สำหรับยอดการซื้อขายที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน 63% อยู่ในระดับราคา 1-3 ล้าน 24% เป็นระดับราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท และ 13% ต่ำกว่า 1 ล้านบาท คอนโดมิเนียมมีมูลค่าสูงสุดถึง 36% รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว 33% ตามด้วยทาวน์เฮ้าส์ 14% ที่เหลืออีกประมาณ 17% เป็นบ้านแฝดและที่ดินเปล่าเป็นส่วนใหญ่ ส่วนระดับราคาสินค้าบ้านเดี่ยวจะอยู่ระหว่าง 2-5 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์ 1-2 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม จะอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท

ความสำเร็จของงานในครั้งนี้ ผู้จัดหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เดินหน้า เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเศรษฐกิจไทยให้ผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปได้