บิ๊กซีร่วมเจรจาซื้อขายผลไม้ภาคตะวันออกกับกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ในการเป็นช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าผลไม้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ลดปัญหาสินค้า ล้นตลาดและราคาตกต่ำ
นางจารุวรรณ ธรรมเกษร ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารสด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จะร่วมเจรจาในการรับซื้อผลผลิตทาง การเกษตรของภาคตะวันออกกับกรมส่งเสริมการส่งออกในการรับซื้อทุเรียน และมังคุด รวมทั้งผลผลิตผลไม้อื่นๆ ที่กำลังทยอยออกในช่วงระหว่างเดือนเมษายน – กรกฎาคม 2552 เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าผลไม้ระหว่างกลุ่มสหกรณ์การเกษตรกับบิ๊กซี ณ โรงแรมเค พี แกรนด์ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งบิ๊กซีทั้ง 66 สาขาทั่วประเทศจะเป็นช่องทางการตลาดรองรับผลไม้ของเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกที่กำลังจะทยอยออกสู่ตลาดและจะมีปริมาณสูงสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนนี้
โดยรวมในปีนี้ บิ๊กซีคาดการณ์ว่าจะสามารถรับซื้อผลไม้ต่างๆ อาทิ ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง และลำไยในภาคตะวันออกนี้มากกว่าปี 2551 ประมาณ 20 – 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในปีที่แล้ว บิ๊กซีรับซื้ออยู่ที่ประมาณ 3,800 ตัน โดยการรับซื้ออย่างต่อเนื่องนี้เป็นการช่วยระบายสินค้าทางการเกษตร และเป็นการกระจายรายได้แก่เกษตรกรโดยตรง รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้คนไทยได้บริโภคผลไม้ไทยมากขึ้น
“บิ๊กซีได้ดำเนินการรับซื้อผลไม้จากสหกรณ์การเกษตรต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปี โดยไม่ผ่านพ่อค้า คนกลางซึ่งทำให้เกษตรกรมีรายได้มากกว่าเดิม มีทุนในการเพาะปลูกเพิ่มขึ้น และสามารถพัฒนาพืชผลทางการเกษตรได้ดีขึ้น อีกทั้งบิ๊กซียังรับซื้อสินค้าเกษตรแปรรูปหรือสินค้าโอทอป ซึ่งบิ๊กซีมีนโยบายใน การสนับสนุนสินค้าโอทอป ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูก แต่อาจจะไม่มีตลาดรองรับที่เพียงพอ จึงได้ร่วมเป็นช่องทางหนึ่งของการกระจายสินค้าเกษตรและสินค้าโอทอป เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรมีตลาดรับซื้อสินค้าที่แน่นอนและมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บิ๊กซี ยังได้ส่งวิทยากรไปให้ความรู้แก่สหกรณ์ในเรื่องต่างๆ เช่น ความต้องการสินค้าต่างๆ ของตลาด การรักษามาตรฐานและคุณภาพของสินค้า เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรนำไปพัฒนาสินค้าของตนเองต่อไป”
นางจารุวรรณกล่าวต่อไปว่า บิ๊กซีพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนใน การจำหน่ายและระบายสินค้าเกษตร ซึ่งบิ๊กซีหวังว่า การเจรจาให้ความร่วมมือนี้จะเป็นการช่วยให้เกษตรกรสามารถที่จะกระจายสินค้าของตนเองได้ อีกทั้งการจัดซื้อโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับลูกค้าของบิ๊กซีในการเลือกซื้อผลไม้ที่สดใหม่ มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและในราคาประหยัด” นางจารุวรรณกล่าว
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ: BIGC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบซูเปอร์เซ็นเตอร์ ชื่อ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่หลากหลายในราคาสมเหตุสมผล ภายใต้สโลแกน “เราให้คุณมากกว่าคำว่าถูก” เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการจำนวน 66 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.bigc.co.th