เหล่าแบรนด์หรูยังทุ่มทุนเปิดร้านค้าทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง บางเจ้าเปิดโซน VIP ให้ลูกค้าโดยเฉพาะ ไม่กังวลสภาวะเศรษฐกิจ

ภาพจาก Shutterstock
แบรนด์หรูหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Gucci หรือแม้แต่ Chanel จนถึง LVMH นั้นได้ทุ่มเงินในการเปิดหน้าร้านตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก โดยนักวิเคราะห์มองว่าแบรนด์หรูหลายแบรนด์นั้นลูกค้ายังมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอย และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ยังถือว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำเมื่อวัดกับรายได้

Savills บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ Bernstein วาณิชธนกิจจากสหรัฐอเมริกา รวบรวมข้อมูลว่านับตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมาเหล่าแบรนด์หรูได้ทุ่มเงินรวมกันมากกว่า 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์

ถ้าหากนับเฉพาะปี 2023 ที่ผ่านมาแบรนด์หรูหลายแบรนด์ได้ปิดดีลทั้งซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์รวมกันเกิน 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าสูงกว่าปี 2022 ถึงราวๆ 6.5 เท่าด้วยกัน

แม้ว่าจะมีความกังวลในเรื่องของสถานการณ์ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (CRE) ซึ่งหลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวลว่าอาจเป็นจุดเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกในช่วงเวลานี้ แต่แบรนด์หรูหลายแบรนด์เองยังได้เจรจากับเจ้าของ อสังหาฯ เหล่านี้เพื่อที่จะจับจองพื้นที่ที่ดีที่สุดทั้งในนิวยอร์ก หรือแม้แต่พื้นที่อื่นๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ปารีส หรือแม้แต่ในเมืองมุมไบ ในประเทศอินเดีย

แบรนด์หรูไม่ว่าจะเป็น Kering ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Gucci ได้ทุ่มทุนมากถึง 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในละแวกที่ดีที่สุดในเมืองมิลานอย่าง Via Montenapoleone ซึ่งเป็นโซนรวมร้านแบรนด์หรูที่นักท่องเที่ยวรู้จัก ซึ่งก่อนหน้านี้แบรนด์ลูกอย่าง Saint Laurent เป็นหนึ่งในผู้เช่าละแวกนี้ด้วยเช่นกัน

ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Kering ได้อสังหาริมทรัพย์ในนครนิวยอกร์กมาแล้ว ด้วยดีลมูลค่ามากถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่คู่แข่งรายสำคัญอย่าง LVMH หรือ Chanel เองก็ได้ไล่ล่าหาอสังหาริมทรัพย์พื้นที่ที่ดีที่สุดในเมืองดังกล่าวเช่นเดียวกัน

ไม่เพียงเท่านี้มากกว่า 1 ใน 3 ของร้านค้าที่เช่าตามเมืองต่างๆ ของสหรัฐอเมริกานั้นได้เป็นของแบรนด์หรูไม่ว่าจะเป็น Dior ที่เปิดร้านตามเมือง Orlando และ Detroit รวมถึง Austin ขณะที่ Alexander McQueen ได้เปิดร้านค้าใหม่ตามเมือง Atlanta และ Boston เป็นต้น

นอกจากนี้ร้านค้าที่เช่าพื้นที่ใหม่ บางแห่งเองยังมีการเปิดโซนพิเศษเพื่อเอาใจลูกค้าระดับ VIP ที่มีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง ไว้สามารถจับจ่ายซื้อสินค้าแบรนด์หรูแบบเป็นส่วนตัว ไม่ต้องปะปนกับลูกค้าทั่วไปด้วยซ้ำ

แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในสภาวะดอกเบี้ยยังสูง แต่แบรนด์หรูเหล่านี้กลับไม่สะทกสะท้านกับการไล่ซื้อหรือแม้แต่เช่าอสังหาริมทรัพย์ด้วยซ้ำ เนื่องจากตัวเลขล่าสุดโดยเฉลี่ย ค่าเช่าสถานที่หรือแม้แต่การลงทุนในเรื่องร้านค้านั้นคิดเป็น 9% ของยอดขายของแบรนด์หรูเหล่านี้ด้วยซ้ำ

ที่มา – Wall Street Journal, Business Insider, Forbes