สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ เดินหน้าส่งเสริมการเพิ่มผลผลิต จัด Productivity Expo 2009

สถาบันเพิ่มผลิตแห่งชาติ ตอกย้ำภารกิจในการรณรงค์เผยแพร่ความรู้เรื่องการเพิ่มผลผลิต เตรียมพร้อมจัดงาน Productivity Expo 2009 : มหกรรมความรู้ ความช่วยเหลือเพื่อธุรกิจไทยแข็งแกร่ง ในวันที่ 10–12 มิถุนายนนี้ ที่พารากอนฮอลล์ ในรูปแบบของงานประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการ โดยระดมผู้เชี่ยวชาญชื่อดังมาบรรยาย รวม Best Practices นำเสนอผลงานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรมการจัดการองค์กร และโครงการความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ตั้งเป้างานนี้จะช่วยส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตและยกระดับความสามารถการแข่งขันของประเทศให้เข้มแข็งต่อไป

นายสุรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยคือการที่ประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านการค้าระหว่างประเทศ นั่นก็คือสามารถผลิตสินค้าและบริการที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วโลก และประเทศไทยยังสามารถทำให้ต่างประเทศที่มาลงทุนได้เปรียบในการแข่งขันมากกว่าการไปตั้งโรงงานในประเทศอื่น ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยได้เปรียบในการแข่งขัน ส่วนหนึ่งเกิดจากนโยบายภาครัฐ เช่น นโยบายภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน กฎระเบียบภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค นโยบายอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น แต่ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ นั่นคือ การพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ ซึ่งนโยบายหนึ่งที่รัฐบาลถือเป็นภาระสำคัญก็คือ การผลักดันภาคเอกชนให้มีศักยภาพ และความมั่นคงในการประกอบธุรกิจ โดยมุ่งเน้นที่การยกระดับการบริหารจัดการ เพื่อให้ภาคเอกชนเป็นกลไกหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตโดยรวม รวมทั้งการสนับสนุนการเพิ่มผลผลิตของทุกภาคส่วนในประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการพัฒนาที่ยั่งยืน

นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจอเมริกาประสบปัญหาและเริ่มส่งสัญญาณว่าจะลุกลามกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจไปทั่วโลก ประกอบกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ได้ดำเนินงานครบ 14 ปี ซึ่งในรอบทศวรรษที่ผ่านมามีผลงานความรู้ และตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นประโยชน์กับองค์กรทั่วไป คณะกรรมการสถาบันฯ จึงมีมติให้สถาบันฯ จัดงาน Productivity Expo ขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เคยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2546 หลังวิกฤต ต้มยำกุ้ง โดยได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานใหม่ จากเดิมที่เน้นที่การให้ความรู้เป็นหลัก เป็นการมุ่งเน้นใน 2 เรื่องสำคัญคือ ความรู้ และความช่วยเหลือ ผ่านความร่วมมือของหน่วยงานทั้งราชการ บริษัทเอกชนชั้นนำ สมาคม และองค์กรอิสระต่างๆ

“งานนี้เป็นงานประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตและความสามารถในการแข่งขัน โดยรวม Best Practices นำเสนอผลงานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรมการจัดการองค์กร และโครงการความช่วยเหลือจากส่วนต่างๆ อาทิ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานอิสระ สถาบันการศึกษา สมาคม และองค์กรธุรกิจชั้นนำให้แก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตและยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระยะอันใกล้ ให้เข้มแข็งเพียงพอต่อการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคต โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม สวทช. ซิป้า สสว. ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ 8 ธนาคาร บสย. เครือซิเมนต์ไทย ไมโครซอฟ เป็นต้น” นายดำริ กล่าว

นายพานิช เหล่าศิริรัตน์ ผู้อำนวยการ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ กล่าวว่า Productivity Expo 2009 จะจัดขึ้นวันที่ 10–12 มิถุนายนนี้ ที่พารากอนฮอลล์ โดยในส่วนการประชุมสัมมนา Productivity Forum จะมีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ ปาฐกถาพิเศษ “Productivity–Tomorrow’s Hope” โดยนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, ผลการศึกษา ถอดรหัสยุทธศาสตร์การเพิ่มผลผลิตของประเทศ, การปาฐกถา “Productivity: Key to Economic Success and Sustainable Development” ในประเด็นผลิตภาพกับความสามารถการแข่งขันภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และการแข่งขันระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการประชุมสัมมนาที่น่าสนใจอีก 9 หัวข้อ ที่นำเสนอนวัตกรรมการบริหารจัดการในหลายมิติ หลากหลายเครื่องมือการบริหารจัดการ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขององค์กร รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยกูรูจากองค์กรชั้นนำ อาทิ Recommendation for Customized Manufacturing System based on Toyota production System, หลากหลายมิติ CSR การเสวนาจากผู้มีประสบการณ์ในการทำ CSR ในองค์กร, Customer engagement ความผูกพันที่ยากลืมเลือน นำเสนอต้นแบบการสำรวจ วิเคราะห์ประเมินผลเพื่อให้ได้มาซึ่งระดับความสัมพันธ์ และการตัดสินใจของลูกค้าต่อการใช้สินค้า, From Strategy to success Implementation การตกผลึกและต่อยอดการแปลงกลยุทธ์สู่การปฏิบัติอย่างได้ผล, Learn for Service เครื่องมือรีดไขมันขององค์กรที่ไม่ใช่ได้ผลกับภาคผลิตเท่านั้น, Rethink Redesign Renovate บทบาทใหม่ HR ในการเสริมสร้างศักยภาพองค์กรยุควิกฤต, Customer Insight :Voice of Customer วิธีรับฟังเสียงลูกค้า, Managing Enterprise Excellence Model : ME2 เครื่องมือบริหารจัดการท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง, Integrated Productivity Improvement แนวทางและตัวอย่างการบูรณาการ เครื่องมือปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า และยังมีหัวข้อสัมมนากว่า 30 หัวข้อจากหน่วยงานเครือข่าย

ในส่วนของนิทรรศการแสดงผลงานและโครงการความช่วยเหลือที่มีต่อองค์กรธุรกิจต่างๆ ทั้งที่อยู่ในรูปของตัวเงิน และการปรับปรุงองค์กรผ่านการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแนะนำ แบ่งออกเป็น 8 พื้นที่ ได้แก่ Management & Technology Zone เสนอผลงานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อุปกรณ์เครื่องมือ นวัตกรรมการจัดการองค์กรที่ช่วยเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพการทำงาน, Publications Zone จำหน่ายสื่อวิชาการ, TQA Zone แสดงผลงานขององค์กรที่ได้รับรางวัลคุณภาพแห่งชาติทั้งไทย อเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์, Best Practice Zone รวมวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศเพื่อเป็นกรณีศึกษา, Business Zone เสนอสินค้าและบริการที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการองค์กร, Finance & Investment Zone ความช่วยเหลือด้านการเงิน และการลงทุนโดยสถาบันการเงินและธนาคารชั้นนำ, CSR Zone เสนอแนวคิด รูปแบบ กิจกรรมเพื่อสังคมของเครือข่ายธุรกิจเพื่อร่วมสร้างสังคมคุณภาพ, Public and Private Partnership Zone ความช่วยเหลือโดยหน่วยงานราชการ สถาบันและสมาคมต่างๆ

“ผู้ร่วมงานนี้จะได้รับความรู้ ตัวอย่างความสำเร็จ กรณีศึกษาและชมการสาธิตทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำไปปรับใช้ได้จริง รวมทั้งมีโอกาสฟังสัมมนาและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ สำหรับผู้บริหารและผู้ประกอบการที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือทั้งในรูปของตัวเงินและความช่วยเหลือในการส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้คำปรึกษาแนะนำในการปรับปรุงกระบวนการภายใน ก็สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสมัครเข้าร่วมในโครงการต่างๆ ได้ โดยงานนี้เปิดให้เข้าชมงานฟรี สำหรับรายละเอียดของงานตลอดจนหัวข้อประชุมสัมมนา ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.ftpi.or.th หรือโทร.0 2619 5500 ต่อ 404,405”